เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 5115 ขัติยราชปฏิพัทธ รักเร้นในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 28 ม.ค. 24, 10:35

ฟังอาจารย์บรรยายถึงตอนนี้เกิดประเด็นสงสัยว่า  ถึงจุดสำคัญนี้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรท่านมีลูกเมียกี่คนแล้วกันแน่ เลยไปส่องดูพระราชสันตติวงศรัชกาลที่2ตั้งแต่ที่ประสูติองค์แรกจนถึงปีพ.ศ 2344 -2345 อันเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ราชปฏิพัทธนี้
ปรากฏว่า พระองค์ท่านมีพระโอรส-ธิดาแล้ว 36 พระองค์ เจ้าจอมมารดาของพระโอรส-ธิดา 20 ท่าน พระชนมายุขณะนั้นเพียง 34 พระชันษา พระราชนิเวศน์ที่พระราชวังเดิม น่าจะเริ่มแออัดยัดเยียดแล้ว

พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม  ๕๘  พระองค์/คน

พระราชโอรสและพระราชธิดา
พ.ศ. ๒๓๒๘-๒๓๔๔  ๓๖  พระองค์
พ.ศ. ๒๓๔๕-๒๓๖๗  ๓๗  พระองค์

จาก พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 29 ม.ค. 24, 08:17

ขอบคุณค่ะคุณหมอ SILA   เลยถือโอกาสขอแยกเข้าซอย เล่าถึงพระพี่นางพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เสียเลยนะคะ

   สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี เป็นพระพี่นางพระองค์ใหญ่  เป็นพี่สาวของเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์พระมารดาเจ้าฟ้าบุญรอดอีกทีหนึ่ง   พระนามเดิมว่า "สา"   ท่านเสกสมรสกับหม่อมเสม ซึ่งมีบรรดาศักดื์เป็นพระอินทรรักษา เจ้ากรมพระตำรวจฝ่ายกรมพระราชวังบวรสถานมงคลสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ คือ
    1  กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) พระนามเดิม ทองอิน เฉลิมพระยศเป็นกรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ต้นราชสกุลปาลกะวงศ์ และเสนีวงศ์
    2  สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์ พระนามเดิม บุญเมือง
    3  สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศ พระนามเดิม ทองจีน เป็นต้นราชสกุลนรินทรางกูร
    4  สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้า(หญิง)ทองคำ
    สาเหตุที่เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี ทรงไม่ยอมให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้บรรพชาก่อน ก็มีเหตุผล คือ อย่างแรก ถือธรรมเนียมไทยคือเอาอายุและลำดับญาติเป็นหลัก    พระโอรสธิดาของพระพี่นางถือเป็นลูกป้า ส่วนเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเป็นลูกน้าชาย     ลูกป้ามีศักดิ์เป็นพี่ของลูกน้าอยู่แล้ว ยิ่งลูกป้าอายุมากกว่าลูกน้า ต้องเป็นพี่อย่างไม่มีข้อแม้
   อย่างที่สอง   หนึ่งในสามคือเจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศร  พระโอรสของกรมพระเทพสุดาวดีเอง ทรงมีพระชันษามากกว่าเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
    ส่วนอีกองค์คือเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์     นี่ก็ลูกป้าที่เป็นพี่สาวคนรอง  อายุก็มากกว่าเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเช่นกัน    
     เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดีท่านจะยอมให้ลูกชายท่าน กับลูกชายน้องสาวคนรองจากท่านไปเดินตามหลังลูกของน้าชายซึ่งเป็นน้องคนที่สามได้อย่างไร
    จะว่าไปท่านก็มีเหตุผลของท่าน  จะธรรมเนียมไพร่หรืออะไร  ผู้อาวุโสกว่าด้วยวัยก็ต้องมาก่อน  จะมาถือธรรมเนียมลูกหลวงหลานหลวง ท่านไม่รับ
     เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพสุดาวดี สิ้นพระชนม์พ.ศ. 2342  ก่อนเกิดเหตุการณ์ราชปฏิพัทธ์จะอื้อฉาวขึ้นมา    ถ้าท่านยังมีพระชนม์อยู่  เรื่องนี้อาจสนุกขึ้นอีกหลายเท่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 29 ม.ค. 24, 09:18

     เมื่อได้ยินเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ดักคอไว้ก่อนเช่นนั้น  เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร จึงทูลปฏิญานว่า ทานจะมิให้พระโอรสธิดาและชายาทั้งปวงเป็นใหญ่กว่า หรือแม้แต่เสมอกับเจ้าฟ้าบุญรอด  เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ก็ทรงตกลงมอบให้น้องสาวท่านไปอยู่ที่พระราชวังเดิมกับพระสวามี  อีกประการหนึ่งก็พระครรภ์แก่มากแล้ว   จะทรงคลอดวันไหนก็ยังไม่รู้    ก็ต้องนับว่าท่านได้ทำหน้าที่ผู้ปกครองอย่างดีที่สุดแล้ว
   ถึงตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยว่า  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯใกล้จะได้พระเจ้าหลานเธอที่พ่อแม่เป็นเจ้าฟ้าทั้งคู่     ก็มีการไต่ถามกันว่าพระกุมารที่จะประสูตินี้จะทรงมีพระยศอะไร    เมื่อมีผู้ทูลถาม ท่านก็ตอบว่า
    "เป็นเจ้าฟ้า"
    ทุกคนก็โล่งอกไปต่างๆกัน
    ต่อมาเมื่อถึงครบกำหนะประสูติพระโอรส   เจ้าฟ้าบุญรอดประชวรพระครรภ์อยู่ถึงสองคืนสองวันก็ไม่คลอดสักที   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเห็นพระอาการหนัก ก็รับสั่งให้นางกำนัลเข้าไปขอพบเจ้าจอมแว่น ขอรับพระราชทานน้ำชำระพระบาทพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มาดื่มเป็นน้ำสะเดาะ 
     เจ้าจอมแว่นซึ่งเชียร์มาแต่ต้น ก็ขึ้นไปกราบทูลขอรับพระราชทานน้ำชำระพระบาท    นำขันทองตักน้ำขึ้นไปด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ จึงรับสั่งว่า
      " ทำดูถูกเทวดารักษาวัง จึงออกลูกยาก"
      แล้วจึงยกพระบาทเอาพระอังคุฐ(นิ้วโป้งเท้า)ลงจุ่มน้ำในขันทอง  คุณจอมแว่นก็นำมาส่งให้นางกำนัลรีบข้ามแม้น้ำกลับไปถวาย
      เจ้าฟ้าบุญรอดได้เสวยน้ำชำระพระบาทอยู่ครู่หนึ่ง ก็ประสูติพระโอรสเป็นพระกุมาร ในวันเดือนยี่ ปีระกาตรีศก จุลศักราช ๑๑๖๓   น่าเสียดายว่าพระกุมารสิ้นพระชนม์ในวันประสูตินั้นเอง
      (ตอบคำถามคุณประกอบว่า พระโอรสใช่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าไหม คำตอบคือไม่ใช่ค่ะ   พระโอรสองค์แรกสิ้นพระชนม์   ไม่ทันมีพระนาม)
      ตอนอ่านเรื่องนี้ก็อดนึกไม่ได้ว่า เจ้าฟ้าบุญรอดน่าจะทรงได้รับความกระทบกระเทือนพระทัยมาก ตั้งแต่่รู้ตัวว่าทรงครรภ์    ต่อมาก็ต้องทนเรื่องอื้อฉาวอย่างที่ไม่เคยมีเจ้านายสตรีคนใดประสบมาก่อน   ย่อมมีผลทั้งร่างกายและจิตใจ   ทำให้พระอนามัยอ่อนแอไม่สมบูรณ์   พระชันษาก็ 30 กว่าแล้วด้วย (ผู้หญิงสมัยนั้น 30 กว่าก็เป็นยายได้แล้ว)    เครื่องไม้เครื่องมือช่วยทำคลอดในสมัยนั้นก็ยังไม่มี   เมื่อคลอดยากเข้าไปอีก พระกุมารซึ่งไม่แข็งแรงพอก็เลยสิ้นพระชนม์   
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 29 ม.ค. 24, 09:35

ประสูติพระโอรสเป็นพระกุมาร ในวันเดือนยี่ ปีระกาตรีศก จุลศักราช ๑๑๖๓

ตรงกับวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๓๔๕
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 30 ม.ค. 24, 10:32

   แม้จะสูญเสียพระกุมาร ที่เป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกไป  ชะตาของเจ้าฟ้าบุญรอดก็มิได้ร้าย   เพราะเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรยกย่องเชิดชูพระชายาด้วยดี    สองพระองค์ครองคู่กันโดยไม่มีปัญหาหึงหวงจากเจ้าจอมหม่อมห้ามอื่นๆ    เพราะทุกคนตระหนักดีว่า เจ้าฟ้าบุญรอดแม้ทรงมาทีหลังเจ้าจอมหลายสิบคนก่อนหน้านี้ แต่ก็อยู่ในฐานะ "เจ้านาย" นับเป็นพระชายาเอก
   ในบรรดาเจ้าจอมหม่อมห้ามทั้งหลาย  คนสำคัญที่สุดน่าจะเป็นเจ้าจอมมารดาเรียม  ธิดาพระยานนทบุรี   เพราะท่านเป็นมารดาของพระโอรสพระองค์ใหญ่ของเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร  ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้าทับ   เป็นหลานเธอพระองค์ใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ โปรดปรานมาก  ตอนนั้นก็พระชันษาได้ 14 ปีแล้ว   
   เจ้าจอมมารดาเรียมแม้ว่าใหญ่สุดในฝ่ายใน แต่ก็เจียมตัวด้วยดี    นอบน้อมต่อเจ้าฟ้าบุญรอดเสมอต้นเสมอปลาย  ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่นเป็นปกติ
   เจ้าฟ้าบุญรอดทรงมีฝีมือเลิศในด้านปรุงพระกระยาหาร   ผูกใจพระสวามีได้แน่นแฟ้น   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรถึงกับนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานไว้เป็นเครื่องยืนยันราชปฏิพัทธ์ในพระชายา
   ขอยกมาบางบท ตามนี้ค่ะ
   
แกงไก่มัสมั่นเนื้อ     นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน          เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์       พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน     อกให้หวนแสวง ๚

๏มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
............

๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง

๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง        ห่างห่อหวนป่วนใจโหย

๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ


๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ


๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 30 ม.ค. 24, 10:54

    เจ้าฟ้าบุญรอดเป็นที่เลื่องลือในด้านอาหารคาวหวาน ทรงทำได้อย่างประณีต  มีรสโอชา เพราะทรงพิถีพิถันทุกขั้นตอน  ตามที่มีเรื่องเล่ากันมาว่า
    "...มีความเล่าสืบกันมาเปนต้นว่า ข้าวเหนียวสีโศกนั้น ใช้ข้าวที่กำลังเป็นน้ำนมแก่อยู่ ทรงแจกให้พวกข้าหลวงคนละถ้วยนม ผ่าเปลือกออกจนกว่าจะพอตั้งเครื่อง   พราะจะตำ หรือแกะเมล็ด ข้าวก็จะหัก และเป็นสีโศกอยู่ในตัวด้วย
       ขนมจีนนั้น พวกข้าหลวงหมอบตำเครื่องอยู่ พระองค์ท่านก็ทรงประทับอยู่บนพระแท่น นาน ๆ จึงทรงหยอดกะทิครั้งหนึ่ง แล้วก็ตำไปอีก จนกว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยบรรทมตื่น จึงจะปรุงพริกที่จะตำน้ำพริกนั้น ใช้พริกสวนนอก ทรงหักดมดูทุกเมล็ด เมล็ดไหนต่อมกลิ่นหอม จึงจะทรงใช้
"
   
      เจ้าฟ้าบุญรอดทรงอยู่ในวังมาอีก 3  ปีก็มีข่าวดีว่าทรงพระครรภ์อีกครั้ง   คราวนี้พระกุมารประสูติออกมาได้ปลอดภัย  เป็นที่โสมนัสของสมเด็จพระอัยกาอย่างย่ิ่ง     ในตอนนั้น เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้อุปราชาภิเศกเปนกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แทนกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว    พระกุมารจึงมีพระยศเปนเจ้าฟ้าในพระราชวังบวร   ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ   เมื่อสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพระราชทานทองแท่งจีนหนัก ๖ ตำลึง เป็นการสมโภช
      ต่อมาอีก 4 ปี  ถึงปีมะโรงสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๑๗๐ จึงประสูติพระโอรสอีกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าเจ้าฟ้าอสนีบาต หรือเจ้าฟ้าจุฑามณี  เมื่อสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพระราชทานทองแท่งจีนหนัก ๖ ตำลึงเช่นเดียวกับพระราชทานเจ้าฟ้ามงกุฎ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 31 ม.ค. 24, 08:26

    ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นหนังหรือนิยายรัก  ก็คงจะถึงฉากจบในตอนนี้  เพราะทุกอย่างก็แฮปปี้เอนดิ้งดีแล้ว  แต่ในเมื่อชีวิตจริงไม่ได้จบจนกว่าจะถึงวันจบสิ้นชีวิต   จึงมีเหตุการณ์สำคัญตามมา ที่ทำให้เจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ไม่ได้ครองคู่กันด้วยความสุขสวัสดีอย่างเมื่อตอนเริ่มต้น  ทั้งๆที่ทรงรักกันไม่เสื่อมคลาย
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าทรงมีพระราชธิดารุ่นเล็กพระองค์หนึ่ง  พระนามว่าพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าจันทบุรี  ประสูติจากเจ้าจอมมารดาทองสุก ซึ่งเป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์   ตอนต้นก็เป็นพระองค์เจ้าเช่นเดียวกับพระราชโอรสธิดาอื่นๆที่ประสูติจากเจ้าจอม    แต่เมื่อพระชันษาได้ 6 ปี ตามเสด็จสมเด็จพระราชบิดาไปทรงลอยพระประทีปที่พระตำหนักแพ  แต่พลาดตกลงน้ำหายไป พี่เลี้ยงนางนมร้องอื้ออึงขึ้น คนทั้งปวงตกใจพากันลงน้ำเที่ยวค้นหา จึงพบว่าเกาะทุ่นหยวกอยู่ท้ายน้ำ หาได้เป็นอันตรายไม่
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จึงมีพระราชโองการดำรัสว่า พระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ เจ้าจอมมารดาก็เป็นบุตรเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต สิ้นชีพเมื่อพระธิดาได้ 5 พรรษา  ทำให้เป็นกำพร้าไม่มีมารดา จึงทรงพระกรุณาสถาปนาให้มีอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า  เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี
   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 31 ม.ค. 24, 08:34

    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตเมื่อปี 2352  สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี มีพระชันษาได้ 11 ปี   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรซึ่งทรงดำรงตำแหน่งวังหน้าเสด็จเสวยราชสมบัติ  เป็นรัชกาลที่ 2 นั้น ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ 42 พรรษาแล้ว ทรงแก่กว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี 31 ปี
   เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีทรงเติบโตขึ้นมาในวังหลวง  จนเข้าสู่วัยสาว พระชันษาประมาณ 17 ปี ว่ากันว่ามีพระสิริโฉมงดงามดังความงดงามของนางบุษบา นางเอกในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2  ทรงพระราชนิพนธ์ไว้อย่างไพเราะว่า
        “อันนางโฉมยงองค์นี้                  เลิศล้ำนารีในแหล่งหล้า
นวลละอองผ่องพักตร์โสภา                     เพียงจันทราทรงกลดหมดราคี
งามดังโกสุมประทุมมาลย์                      บานอยู่ในท้องสระศรี”

หรืออีกตอนหนึ่งที่ว่า

“เจ้าเอย เจ้าดวงยิหวา                          ดังหยาดฟ้ามาแต่กระยาหงัน
ได้เห็นโฉมฉายเสียดายครัน                   ฉุกใจไม่ทันคิดเอย”

และตอนที่นางบุษบาลงเล่นน้ำในลำธาร  ความว่า

“พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง               ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์                     ดังกินรีลงสรงคงคาลัย
งามจริงพริ้งพร้อมทั้งสรรพางค์                 ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
พิศพลางประดิพันธ์กำหนัดใน                 จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา
ดูเดินดังดำเนินเหมราช                        งามประหลาดเลิศล้ำเลขา
พิศไหนให้เพลินจำเริญตา                      พระราชาชมพลางทางถอนใจ”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 31 ม.ค. 24, 08:44

     เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็คงเดาได้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเดินไปในทางไหน    เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระมเหสีอีกองค์หนึ่ง  หลังจากที่ไม่เคยทรงมีพระมเหสีอื่นใดอีกเลยนับจากเจ้าฟ้าบุญรอด   ทั้งนี้ไม่นับเจ้าจอมหม่อมห้ามทั้งหลาย
    ส่วนเจ้าฟ้าบุญรอดนั้น แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ไม่ได้ทรงสถาปนาขึ้นให้มีพระยศหรือพระนามเพิ่มจากเดิม  แต่ก็เป็นที่รู้กันในวังหลวงว่าทรงเป็นพระมเหสีเอก   ผู้คนเรียกว่า "พระพันวัสสา" เป็นคำยกย่อง   เพราะทรงเป็นเจ้านายสตรีพระองค์เดียวในท่ามกลางเจ้าจอมหม่อมห้ามทั้งหลาย    ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงรักษาคำปฏิญาณที่ให้ไว้กับเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์
    ขอทำความเข้าใจก่อนว่า ทั้งเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์และเจ้าฟ้าบุญรอด ท่านไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวมีพระสนมอีกหลังจากมีเจ้าฟ้าบุญรอดแล้ว  ขอแต่เพียงอย่าทำให้เจ้าฟ้าบุญรอดเดือดร้อนหรือกระทบกระเทือนใดๆ    ส่วนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ท่านก็ไม่ได้ปฏิญาณว่าจะไม่มีพระสนมอีก  แต่ท่านปฏิญาณว่าจะไม่ให้มีสตรีใดใหญ่กว่าหรือแม้แต่เทียบเท่าเจ้าฟ้าบุญรอด  เพื่อขจัดปัญหาการแย่งชิงความเป็นใหญ่
    เมื่อทรงได้เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีมาเป็นพระมเหสีอีกองค์    คำปฏิญาณนี้ก็กลายเป็นรอยแตกแยกกันระหว่างสองพระองค์  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 01 ก.พ. 24, 09:03

     ถ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯมีเจ้าจอมใหม่ก็คงไม่มีปัญหา แต่นี่มีพระมเหสีใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าฟ้า  มิใช่เจ้าจอมสามัญชนอย่างนอื่นๆก่อนหน้านี้
     เรื่องนี้น่าจะเ็นว่าทั้งสองพระองค์มองต่างมุมกัน   ใครผิดใครถูก  จนบัดนี้ก็ไม่มีใครฟันธงลงไปได้
      เจ้าฟ้าบุญรอดทรงถือว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงให้สัตย์ปฏิญาณกับเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ว่า จะไม่มีใครที่ใหญ่กว่าหรือเทียบเท่าเจ้าฟ้าบุญรอด     ในเมื่อไปมีเจ้าฟ้ากุณฑล ก็เท่ากับผิดคำพูด   เพราะพระภรรยาเจ้าองค์ใหม่นี้ มีศักดิ์เหนือกว่าเจ้าฟ้าบุญรอด
       เจ้าฟ้ากุณฑลทรงเป็นเจ้าฟ้า "ลูกหลวง"  หมายถึงพระธิดาของพระมหากษัตริย์    ส่วนเจ้าฟ้าบุญรอดเป็น เจ้าฟ้า"หลานหลวง" คืออยู่ในฐานะหลานของพระมหากษัตริย์    นับตามราชประเพณี   ลูกหลวงต้องสูงกว่า    ถ้ามีพระราชโอรสธิดา  ก็ต้องเป็นเจ้าฟ้าเท่ากับเจ้าฟ้ามงกุฎและเจ้าฟ้าอสนีบาต (หรือเจ้าฟ้าจุฑามณี) หรือใหญ่กว่าเสียอีก   มิได้เป็นแค่พระองค์เจ้าอย่างพระราชโอรสธิดาที่ประสูติจากเจ้าจอม
        อย่างที่สองก็น่าจะเป็นได้ว่า  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ทรงเสน่หาเจ้าฟ้ากุณฑลมาก   ตอนนั้นพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนม์ประมาณ 48 พรรษา  ส่วนเจ้าฟ้าบุญรอด 49 พรรษา    พระมเหสีองค์ใหม่เพิ่ง 17-18  กำลังสวยงามเปล่งปลั่งเต็มที่    ตามประสาผู้หญิง ก็คงอดเปรียบเทียบกันไม่ได้  จึงเกิดเป็นกรณีรักสามเส้้าขึ้นมา ระหว่างหนึ่งชายสองหญิง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 01 ก.พ. 24, 09:05

    หนังสือพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เอ่ยถึงเรื่องนี้ ว่า 
     “เจ้านายชั้นผู้ใหญ่พระองค์หนึ่งทรงเล่าว่า กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ (เจ้าฟ้าบุญรอด) นั้นทรงอยู่ในฐานะแม้นละม้ายคล้ายจินตหราในเรื่องอิเหนา เพราะเหตุที่ทรงเป็นพระประยูรญาติเรียงพี่เรียงน้อง หากแต่เป็นพระมเหสีดั้งเดิม จึงได้อยู่ฝ่ายขวา ส่วนเจ้าฟ้าหญิงกุณฑลทิพยวดีเป็นพระน้องนางเธอร่วมพระชนกเดียวกัน ได้เป็นพระมเหสีพระองค์ที่ 2 จึงต้องอยู่ฝ่ายซ้าย คล้ายบุษบาขององค์อิเหนา หรือระเด่นมนตรี ซึ่งที่แท้ก็คือพระองค์ผู้ทรงพระนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั่นเอง
      เมื่อองค์ระเด่นมนตรีทรงมีทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาดังนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายขวาจะต้องขึ้งโกรธ และทรงระทมตรมตรอม นัยเดียวกันกับพระราชนิพนธ์ที่ว่า
               “เมื่อนั้น                           จินตหราวาตีมีศักดิ์
               ฟังตรัสขัดแค้นฤทัยนัก           สะบัดพักตร์ผินหลังไม่บังคม”
 
           จินตะหราเป็นชายาของระเด่นมนตรีหรืออิเหนา มาก่อนอิเหนาพบบุษบา   เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระสวามีมมาก่อน   เมื่ออิเหนาไปพบบุุษบาเข้าทีหลัง เห็นว่านางงามมากกว่า  จึงหลงรักจนลืมชายาเดิม  แต่ตอนท้ายเมื่อราชาภิเษกก็แต่งตั้งจินตะหราเป็นมเหสีฝ่ายขวา  ส่วนบุษบาเป็นฝ่ายซ้าย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 01 ก.พ. 24, 09:09

       ส่วนทางมุมของสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ท่านก็ทรงแก้ปัญหาเรื่องใครสูงใครต่ำกว่าใคร จนสำเร็จตามแบบของท่าน  คือไม่ได้ยกย่องเจ้าฟ้ากุณฑลให้เป็นสมเด็จพระมเหสีหรือเฉลิมพระนามเป็นเกียรติยศใดๆทั้งสิ้น    เคยอยู่มาอย่างไรก็อยู่อย่างนั้น
      เมื่อทรงมีพระโอรสธิดาออกมาถึง 4 พระองค์ (พระธิดาสิ้นพระชนม์แต่ยังเยาว์  เหลือพระราชโอรส 3 พระองค์)  ในวังก็ไม่มีใครเรียกว่าทูลกระหม่อมพระองค์ใหญ่ และทูลกระหม่อมพระองค์น้อยอย่างที่เรียกเจ้าฟ้ามงกุฎและเจ้าฟ้าจุฑามณี   แม้แต่เรียกว่าเจ้าฟ้าก็ไม่มีใครเรียก  เรียกแต่ว่าองค์ใหญ่ องค์กลาง และองค์ปิ๋ว  
       สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ท่านก็ทรงทำเฉยๆเวลาได้ยิน   ไม่ได้กริ้วและไม่ได้ห้ามว่าลูกข้าเป็นเจ้าฟ้า พวกเจ้าจะมาเรียกลอยๆไม่มียศไม่มีศักดิ์แบบนี้ไม่ได้
       เจ้าฟ้าทั้งสามก็ทรงเป็น "องค์"อย่างนั้น อยู่จนตลอดรัชกาล  
       ก็คือแสดงให้เห็นว่า พระองค์ท่านไม่ได้ยกย่องเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ให้เหนือกว่าหรือแม้แต่เสมอเจ้าฟ้าบุญรอด   พระราชโอรสธิดาก็เช่นกัน  ไม่ได้เป็นแม้แต่ "เจ้าฟ้า"
      เพราะฉะนั้น  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ท่านก็ถือว่ารักษาคำปฏิญาณไว้อย่างเหนียวแน่น   เพราะฉะนั้นจะมาหาว่าท่านผิดคำพูดไม่ได้
       ส่วนท่านผู้อ่านเรือนไทยจะอยู่ฝายไหนก็แล้วแต่สมัครใจ อยากฟังความเห็นของคนยุคปัจจุบันเหมือนกันค่ะ
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 01 ก.พ. 24, 10:24

ถ้าในแง่หัวใจก็สงสารเจ้าฟ้าบุญรอดค่ะ มเหสีพระองค์ใหม่เหนือกว่าทุกด้านทั้งศักดิและทั้งวัยอันเยาว์งดงาม ท่านก็คงเจ็บช้ำมาก แต่อีกด้านก็สงสารเจ้าฟ้ากุณฑลฯท่านที่มิได้ถูกยกย่องเท่าที่ควรทั้งๆที่ท่านเป็นถึงราชธิดาพระมหากษัตริย์ ในหลวงรัชกาลที่2ท่านก็แก้ปัญหาคำสัตย์ต่อเจ้าฟ้าบุญรอดแบบผู้บริหารฯหรือจะแบบนักการเมืองก็อาจจะว่าได้
สรุปตามความเห็นของดิฉันคือท่านผิดโดยพฤตินัย แต่ถูกตามนิตินัยค่ะ
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 01 ก.พ. 24, 10:48

ลองแบบสาวสมัยใหม่ค่ะว่าถ้าเจ้าฟ้ากุณฑลฯทรงปฏิเสธสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯแบบนุ่มนวลไม่แข็งกร้าวด่าทอหยาบคายแบบพระองค์เจ้าหญิงอีกองค์ซึ่งก็โดนประหารไปเพราะโอษฐภัย พระพุทธเลิศหล้าฯท่านก็คงมีพระเมตตาไม่หักหาญน้ำใจ เจ้าฟ้าฯท่านก็คงมีชีวิตที่สุขสงบ ไม่ต้องอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วนแบบนี่นะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 02 ก.พ. 24, 11:06

   คุณรัตนานุชหมายถึง พระองค์เจ้ากระษัตรี  เรื่องนี้ดูเหมือนในเรือนไทยจะเคยเล่าแล้ว  เป็นเรื่องที่พงศาวดารเล่าไว้สั้นๆ  ว่าในรัชกาลที่ 2  มีผู้เขียน "บัตรสนเท่ห์" (จดหมายกล่าวหาที่ไม่มีการลงชื่อผู้เขียน) ทิ้งเอาไว้ในพระราชวัง  มีใจความหยาบช้า   พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์สอบสวนเรื่องนี้  ได้ความว่าลายมือนั้นเหมือนพระองค์เจ้ากระษัตรี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ  ประสูติจากเจ้าจอมมารดานวม   
   เมื่อถูกจับลายมือได้จนต้องถูกจำขัง พระองค์เจ้ากระษัตรีย์ก็หาทรงยอมจำนนไม่  ทรงให้โขลนที่คุมนั้นไปซื้อกระดาษดินสอมาให้ ได้เขียนหนังสือที่นั่น แล้วใช้ให้คล้าย นางรำ บุตรพระสิริโรท ซึ่งพระราชทานเป็นบุตรพระองค์เจ้ากระษัตรี เอาไปทิ้งที่ท้องพระโรงอีกครั้ง...."
    เรื่องจริงเป็นอย่างไรไม่มีหลักฐานมากกว่านี้ แต่เรื่องซุบซิบบอกกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชประสงค์จะได้พระน้องนางองค์นี้เป็นพระมเหสีเทวี  แต่พระองค์เจ้ากระษัตรีย์นอกจากไม่ทรงยินยอมแล้ว ยังเขียนว่ากล่าวรุนแรงอีกด้วย  ผลคือถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ที่วัดปทุมคงคา แต่มิได้ถอดพระนาม  ยังเป็นพระองค์เจ้าอยู่จนสิ้นพระชนม์
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง