ตั้งข้อสังเกตประเด็นความว่า กรมหลวงเทพหริรักษ์ พระเจ้าหลานเธอถือว่าตนเป็นลูกพี่ ส่วนเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
เป็นลูกน้องตามที่นับด้วยวัยและลำดับอาวุโสบุพการี ทั้งที่กรมหลวงอิศรสุนทรเป็นถึงราชโอรสและว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป แต่
กรมหลวงเทพหริรักษ์ก็ไม่(ค่อยจะ) แสดงความยำเกรงนัก
เรื่องนี้ มองว่า เหตุเนื่องจากต่างกำเนิดเป็นสามัญชนแล้วขึ้นมาเป็นชั้นเจ้าในแผ่นดินใหม่ยังไม่นาน ยังคงไม่คุ้นเคยกับ
จารีตธรรมเนียมในรั้วในวัง จึงยังคงประพฤติตามความคุ้นเคยเดิม
ดังที่เคยมีเกร็ดเล่าเรื่อง -
เมื่อร.1 ทรงหลั่งน้ำพระเนตร สู่พระราชโองการ “เอาธรรมเนียมอย่างไพร่ มาประพฤติเถิด”https://www.silpa-mag.com/history/article_18316 (ตัดต่อย่อย่น) ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ฉบับโรงเรียนหลวงสวนกุหลาบ บันทึกไว้เพียงสั้น ๆ ว่า
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทอน พระชนมายุได้ยิสิบเอ็ดพรรษา ควรจะบรรพชา
อุปสมบท แต่สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ ทั้งเจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศร สองพระองค์พระชนมายุเกิน
อุปสมบทแล้ว ยังหาได้ทรงเปนภิกษุไม่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตให้ออกทรงผนวช
ครั้น ณ วันอาทิตย เดือนแปด ขึ้นค่ำหนึ่ง เวลาเช้าสามโมง
จึงเสนาบดีปฤกษาให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ทรงผนวชก่อน ถึงอ่อนพระชนมพรรษา ก็เป็น
ลูกหลวงเอก มีบันดาศักดิ์สูงกว่าสมเด็จพระเจ้าหลานเธอทั้งสองพระองค์นั้น เปนโอรสสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ พระชนม์แก่กว่าก็จริง
แต่บันดาศักดิ์ต่ำกว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอให้ทรงผนวชทีหลัง
แต่ “เกร็ด” ที่ได้มาจากหนังสือชุมนุมพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับทำให้เราทราบว่า
ครั้นถึงเวลาทรงผนวช เจ้าพนักงานได้เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ทรงบรรพชาก่อน เจ้าคุณพระตำหนักใหญ่
(สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ กรมพระเทพสุดาวดี) ที่เสด็จอยู่ในฉากใกล้ที่ประทับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทอดพระเนตร
เห็นเข้า ก็ทรงขัดเคือง บ่นว่าต่าง ๆ นานา ทรงไม่ยินยอมให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ซึ่งถือว่าเป็นน้อง จะได้ทรงผนวชก่อนพี่
เสียง “ทรงบ่น” นี้ เข้าถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงรำคาญพระราชหฤทัย จึงมีพระราชดำรัส
ตรัสถามเหล่าขุนนางที่จัดพระราชพิธี เสนาบดีผู้ใหญ่ก็กราบทูลว่า ที่จัดดังนี้ถูกต้องแล้วตามพระราชประเพณี ที่จะให้สมเด็จพระเจ้า
หลานเธอทรงผนวชก่อนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ไม่เคยมีเยี่ยงอย่าง
กรมพระเทพสุดาวดี เจ้าคุณพระตำหนักใหญ่ ทรงได้ฟังก็ยิ่งขัดเคือง ทรงบ่นว่าด้วยพระวาจาซึ่งคงจะรุนแรงทีเดียว
(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวถึงกรมพระเทพสุดาวดีว่า ทรงมีทิฐิมานะมาก และวาจาก็มักจะร้ายแรง)
ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกที่ทรงสดับอยู่ ทรงพระโทมนัสจนถึงกับมีน้ำพระเนตรและมีพระราชโองการ ความว่า
“จงเอาธรรมเนียมอย่างไพร่ ๆ มาประพฤติเถิด ให้จัดลำดับตามอายุเกิด ใครแก่ให้ไปหน้า ใครอ่อนให้ไปหลัง หรือตามลำดับ
บรรพบุรุษที่นับตามบุตรพี่บุตรน้องนั้นเถิด เพราะเราเกิดมาเป็นไพร่ ได้มาเป็นเจ้านายเมื่อเวลาเป็นเบื้องปลายอายุแล้ว” ในที่สุด เจ้าพนักงานก็ต้องจัดให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอสองพระองค์ เป็นนาคเอก นาครอง ส่วนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
ต้องทรงผนวชเป็นพระองค์สุดท้าย