เรือนไทย

General Category => ชั้นเรียนวรรณกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 08, 19:19



กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 08, 19:19
เคยได้ยินคำถามมานับไม่ถ้วน จากนักเขียนหน้าใหม่ หรือคนที่อยากเขียนแต่ยังไม่ได้ลงมือเขียน
ว่า
"อยากเป็นนักเขียน จะเริ่มต้นที่ไหนยังไงดี"
คำตอบก็มีอย่างเดียวค่ะ
คือ
อยากเป็นนักเขียนก็ลงมือเขียน อย่ามัวถามอยู่เลย  เสียเวลาอันมีค่าเปล่าๆค่ะ

ขอเริ่มต้นกระทู้แรกของห้องใหม่ไว้แบบนี้   รอผู้สนใจมาร่วมวง


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: ดารา ที่ 08 ก.พ. 08, 20:51
มานั่งเรียนตาแป๋วค่ะ  แหะ แหะ

อาจารย์คะ  อยากรู้เรื่อง โพสโมเดิร์นมากๆ เลยค่ะ อ่านตำราก็อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร ขอความกรุณาอาจารย์อธิบายสงเคราะห์ให้นักเรียนหน่อยได้ไหมคะ  อิอิ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: นรีนันท์ มรรคดวงแก้ว ที่ 08 ก.พ. 08, 21:10
ขอสมัครเรียนด้วยค่ะ

เคยลองเขียนท่องเที่ยวในที่ ๆ ไปมา  มีคนบอกว่าวิชาการมากจนแข็ง  ไม่เห็นสนุกเหมือนตอนที่เล่าด้วยปากเปล่าให้เขาฟังค่ะ

 ;D :-[


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 08, 21:30
เห็นจะต้องแยกโพสโมเดิร์นเป็นอีกกระทู้ค่ะ  คุณดารา
ขอไปค้นเรื่องโพสโมเดิร์นที่เขียนไว้แล้วในอีกเว็บหนึ่งก่อนนะคะ  เอามาเรียบเรียงใหม่  จะได้ทุ่นเวลาไม่ต้องเขียนใหม่

การเขียนไม่ให้แข็งเป็นวิชาการ คือ
๑) อย่าเสียดายข้อมูล    บางคนมีข้อมูลมากมายอยู่ในมือ จะทิ้งก็เสียดายเลยใส่ลงไปหมด 
ข้อมูลเป็นประโยชน์ด้านสาระก็จริง  แต่ข้อมูลไม่ใช่เรื่องสนุก
ใส่ไปมากก็ทำให้อ่านยาก ไร้อารมณ์ มีแต่เครียดค่ะ
๒) คนเขียนต้องสนุก  จดจำอารมณ์สนุกนั้นไว้ แล้วถ่ายทอดให้คนอ่านสนุกตามไปด้วย
ถ้าคนเขียนเขียนด้วยความระมัดระวัง หรือความเครียด คนอ่านก็เครียด



กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 09 ก.พ. 08, 10:56
กราบสวัสดีอาจารย์ครับ

นึกว่าอาจารย์จะสอนแบบ How to เป็น step by step เสียอีก นี่อาจารย์เปิดตูมว่าอยากเป็นนักเขียน ก็ให้ลงมือเขียน นักศึกษาที่ take course นี้ เลยเป็นงง

คนแถวบ้านผมแสดงทัศนะไว้ต่างๆ กัน

เฒ่าโพ้งบอกว่า จะเป็นนักเขียน มันต้องมีความอยากเล่า เป็นทุน ยิ่งอยากเล่ามาก ก็ยิ่งอยากเขียนมาก
นักเขียนสมัยก่อนหลายคน เลยกินเหล้าแทนข้าว

ยายแม้นบอกว่า ของอย่างนี้ทำสุ่มสี่สุ่มแปดไม่ได้ ของแบบนี้มันต้องมีครู ต้องเริ่มต้นด้วยการไหว้ครู ให้เตรียมหญ้าแพรก ดอกมะเขือ บายศรี ไปไหว้ครู วันทำพิธีให้เลือกวันพฤหัสบดี

ส่วนป้าสมศรีบอกว่า จะเป็นนักเขียนได้ ต้องเป็นนักอ่าน อ่านมาก รู้มาก จะช่วยให้เขียนได้ดี

คนสุดท้าย เฮียพัฒน์บอกว่า ของอย่างนี้มันต้อง born to be เว้ย ไอ้ตี๋เล็ก สอนกัน บ่ได้ดอก


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 ก.พ. 08, 12:07
         ตอนเป็นนักเรียนเคยพบกับศิลปินแห่งชาติ วิจิตร คุณาวุฒิ ผู้ล่วงลับไปแล้ว
ท่านเป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน และผู้กำกับภาพยนตร์ ตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า
         ภาษิตจีนว่า ให้ใช้เท้าเขียนหนังสือ หมายถึงให้เดินทางออกไปในโลกกว้าง เพื่อจะได้
มีเรื่อง มีข้อมูล ประสบการณ์มาเขียน ครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: นรีนันท์ มรรคดวงแก้ว ที่ 09 ก.พ. 08, 23:08
 :-[


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: นรีนันท์ มรรคดวงแก้ว ที่ 09 ก.พ. 08, 23:11
เคยได้ยินคุณทิวา สาระจูฑะแนะนำ บอกอ หนังสือเล่มหนึ่งว่า อ่านงานของตัวเองแล้วมีรอยยิ้ม คนที่มาอ่านก็จะมีรอยยิ้มเหมือนกัน  (สรุปออกมาได้ประมาณนี้)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 ก.พ. 08, 06:56
กราบอาจารย์ค่ะ หัวหน้าชั้นไปไหนไม่ทราบ แต่นักเรียนสาวจอมกวน 8)มารายงานตัวด้วยคน ขอเรียนถามข้ามช็อตหรือเปล่าไม่ทราบค่ะ อาจจะโดนไม้เรียวก็ได้  :-X
ว่าเมื่อได้เขียน(นิยาย)แล้ว และคนอ่านติด โรงพิมพ์รอต้นฉบับ นักเขียนที่ดีเกิด
๑.เขียนไม่ออก สมองไม่โปร่ง ไอเดียไม่ผุด ทำไงคะ
๒.หรือเขียนแล้วอยากแก้ไอ้ที่พิมพ์ไปแล้ว วางแคแร็คเตอร์เป๋ไปหน่อย มีกลวิธีพิเศษในการเขียนแก้ทางของตัวเองไหมคะ
๓.อันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร วินัยไม่รู้จัก ผัดวันประกันพรุ่ง บก.เบื่อแล้วเบื่ออีก ข้อนี้น่ะ ทำให้เป็นนักเขียนนิยายไม่ได้ใช่ไหมคะ

ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Natalee ที่ 10 ก.พ. 08, 09:12
๓.อันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร วินัยไม่รู้จัก ผัดวันประกันพรุ่ง  

คุณกุ้งแห้งจะผัดก๋วยเตี๋ยวเหรอคะ?



อิอิ...ขออภัยที่แซว รับเช้าวันอาทิตย์ที่เบิกบาน

http://www.geocities.com/Tokyo/Spa/9046/hi-change1.htm


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 ก.พ. 08, 10:29
จะเป็นการแก้ตัวไหมนี่ ถ้าจะบอกว่า ปกติก็ใช้ผลัดค่ะ แต่เมื่อเช้าใส่บาตรแต่เช้ามืด ล.ลิงจึงมัวไปปีนต้นมะม่วงเสีย มะม่วงกะล่อนเสียด้วยสิคะ อิอิ....
รอคำตอบจากอาจารย์ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 10 ก.พ. 08, 11:03
ผัด    ก. เอาสิ่งที่ใช้เป็นอาหารใส่ลงในกระทะที่มีนํ้ามันหรือนํ้าเล็กน้อย
   ตั้งไฟแล้วพลิกกลับไปมาจนสุก เช่น ผัดข้าว ผัดหมี่, เรียกอาหาร
   ที่ทําด้วยวิธีการเช่นนั้น เช่น ข้าวผัด หมี่ผัด; ย้ายไปย้ายมา, หมุน
   ไปมา, ล่อให้ไล่; ขอเลื่อนเวลาไป เช่น ผัดวัน ผัดหนี้; เอาแป้งลูบ
   ที่หน้าเพื่อให้นวล เช่น ผัดหน้า.

ผลัด    [ผฺลัด] ก. เปลี่ยนแทนที่ เช่น ผลัดเสื้อผ้า ผลัดเวร ผลัดใบ ผลัดขน.
   น. ลักษณนามเรียกการผลัดเปลี่ยนเวรยาม เช่น เปลี่ยนเวรวันละ
   ๓ ผลัด.

ที่มา:  พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒

ใช้ ผัด ถูกต้องอยู่แล้วนะครับ  :)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 10 ก.พ. 08, 12:40
มีคำคู่ ที่จะช่วยวินิจฉัยครับ
"ผัดผ่อน"

ไม่ใช้ว่าผลัดผ่อน
และ
ผัดเจ้าล่อ......ไม่ใช่ ผลัดเจ้าล่อ
---------------------
ผัด ก. เอาสิ่งที่ใช้เป็นอาหารใส่ลงในกระทะที่มีนํ้ามันหรือนํ้าเล็กน้อย 
 ตั้งไฟแล้วพลิกกลับไปมาจนสุก เช่น ผัดข้าว ผัดหมี่, เรียกอาหาร
 ที่ทําด้วยวิธีการเช่นนั้น เช่น ข้าวผัด หมี่ผัด; ย้ายไปย้ายมา, หมุน
 ไปมา, ล่อให้ไล่; ขอเลื่อนเวลาไป เช่น ผัดวัน ผัดหนี้; เอาแป้งลูบ
 ที่หน้าเพื่อให้นวล เช่น ผัดหน้า.
 ผัดเจ้าล่อ ก. ผัดให้หลงเชื่อรํ่าไปอย่างขอไปที.
 ผัดช้าง ก. ล่อให้ช้างไล่.
 ผัดผ่อน ก. ผัดพอให้ทุเลาหรือหย่อนคลายลง.
 ผัดผัน ก. หมุนกลับไปกลับมา.
 ผัดเพี้ยน ก. ขอเลื่อนเวลาอยู่เรื่อย ๆ, เพี้ยนผัด ก็ว่า.
 ผัดวันประกันพรุ่ง (สํา) ก. ขอเลื่อนเวลาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า.
http://rirs3.royin.go.th/word26/word-26-a2.asp


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Natalee ที่ 10 ก.พ. 08, 13:38
บ่ายวันอาทิตย์ ยังง่วงไม่สร่าง
ข้าผู้น้อยสมควรตาย ที่ใช้ผิดมานานโข ;)
ขออภัยและขอบคุณที่ชี้เเนะค่ะ

ดูสถิติการใช้ 'ผลัด' มากกว่า 'ผัด' เสียอีก :-[ :-[


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 10 ก.พ. 08, 13:49
มาลงทะเบียนเรียนวิชานี้  เอาไปทดลองใช้ในกระทู้ศัพทาภิธานศิลปะ และกระทู้อื่น ๆ อาศัยประเด็นเป็นโจทย์กระตุ้นการคิด และทดลองเขียนดูนะคะ 

สมัยเด็ก ๆ คุณครูภาษาไทยก็สอนไว้เหมือนกันค่ะว่า  องค์ประกอบสำคัญของการเป็นนักเขียนคือ ต้องอ่าน ดู และรู้ให้เยอะ  แล้วก็ลงมือเขียน  เริ่มจากเขียนสิ่งที่ใกล้ตัวก่อน ตอนเรียนคุณครูให้เขียนบันทึกประจำวันทุกวันค่ะ แล้วก็เขียนจดหมาย ไกลตัวหน่อยก็เป็นเรียงความ แต่งกลอน  พอดีที่โรงเรียนนักเรียนแต่ละห้องไม่เยอะ  คุณครูเลยมีเวลาอ่านเรื่องราวของเราเยอะ  จนได้นิสัยการเขียนมาค่ะ  ปัจจุบันนักเรียนแต่ละห้องเยอะ(แก้ตัวให้คุณครูหน่อย) คุณครูภาษาไทยท่านไม่ค่อยให้งานเขียนค่ะ  ท่านว่าอ่านไม่ทัน ตรวจไม่ทัน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 ก.พ. 08, 14:11
ผัด กับผลัด ..เรียกหัวหน้าชั้นและผู้สมคบมาแล้ว อาจารย์เก็บตัวเสียนี่ ลงทะเบียนไม่เสียค่าใช้จ่าย อาจารย์อย่าปล่อยให้นักเรียนถกกันนานนะคะ คนอยากเป็นนักเขียนนิยาย นักเขียนสารคดีแบบดรามาไทซ์ นักเขียนโรคจิต นักเขียนท่องเที่ยว นักถ่ายรูปมือเซียน นักกลอน นักประวัติศาสตร์ศิลปปากคม ฯลฯรออยู่


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 10 ก.พ. 08, 22:29
ปัญหาใหญ่ที่สุดของผมในการเขียนก็คือ  หลักและการใช้ภาษาครับ  ดังนั้นผมว่าเรื่องภาษาน่าจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่จะเป็นนักเขียนน่ะครับ..... :(


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 08, 12:48
ตอบคุณโอม  - คุณโอมแกล้งงง      มาช่วยดิฉันตอบคำถามท่านอื่นๆดีกว่า แบ่งเบาภาระไปบ้าง
ตอบคุณศิลา  - ประสบการณ์เป็นสิ่งเสริมจินตนาการให้สมจริงยิ่งขึ้นค่ะ
ตอบคุณกุ้งแห้ง   - ทางออกคือเขียนให้จบเรื่องแล้วค่อยส่งไปลงพิมพ์    อย่าวางมือจนกว่าจะจบเรื่องลงได้   ถ้าให้ดีก็อย่าเขียนอะไรที่ยาวนัก เพราะจะเบื่อเสียก่อนจบ
                     -    เฮมิงเวย์ฝึกตัวเองให้เขียนทุกวัน  วันหนึ่งให้ได้ความยาวตามเงื่อนไข   ถ้าไปเที่ยวไหน  ไม่มีเวลาเขียน  วันต่อมาต้องเขียนชดเชยวันที่ขาดไปด้วย
                      -   ดิฉันเอาวิธีนี้มาใช้ตอนทำวิทยานิพนธ์  คือบังคับตัวเองให้เขียนได้อย่างน้อยวันละหนึ่งบรรทัด หรือหนึ่งย่อหน้า    ห้ามปล่อยกระดาษไว้เฉยๆข้ามวัน  เพราะถ้าไม่ใช้วิธีนี้ก็ไม่จบค่ะ

คนที่จะเป็นนักเขียนได้ตลอดรอดฝั่ง มักมีพลังอย่างหนึ่งมาผลักดันในใจ  โดยไม่รู้ที่มาที่ไป 
พลังนั้นคือความรู้สึกว่า "ไม่เขียนไม่ได้แล้ว"   

มาฟังวาทะของ Ruth Rendell กันดีกว่า  เธอเป็นนักเขียนเรื่องลึกลับมีชื่อเสียงของอังกฤษ   ได้สมญาว่าเป็นผู้สืบเนื่องจากคุณย่าอกาธา คริสตี้ ผู้สร้างนักสืบแอร์คูล ปัวโรต์และมิสเจน มาร์เปิล

'I get a lot of letters from people.  They say "I want to be a writer.  What should I do?"  I tell them to stop writing to me and to get on with it.'  ~Ruth Rendell


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 08, 12:56
ตอบคุณ Bana  -  ภาษาเป็นพื้นฐานจำเป็นสำหรับนักเขียน เหมือนสุขภาพแข็งแรงจำเป็นสำหรับนักกีฬาค่ะ
ถ้าใครยังใช้ภาษาไม่ได้ดี  หรือไม่รู้จะใช้ภาษาแบบไหนยังไงถึงจะสื่อสารกับคนอื่นได้ตามที่ตัวเองต้องการ ก็ยังเป็นนักเขียนไม่ได้


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 11 ก.พ. 08, 23:44
ครับเราบันทึกภาพและเรื่องราวต่างๆได้ด้วยกล้องถ่ายรูปและความทรงจำ  อาจเขียนได้บ้างเล็กๆน้อยๆในเชิงของไดอารี่  แต่พอจะเอามาเรียงร้อยยาวๆให้น่าอ่านมันยากจริงๆครับ  ส่วนมากคงจะเสียดายรายละเอียดแบบที่ท่านอาจารย์ว่า  เลยลืมความสวยงามของสำนวนและความละเมียดละไมชวนอ่านไป  ผมชอบเขียนในเชิงสารคดีครับ  แบบอยากเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตของชนต่างๆตามสถานที่ต่างๆที่เราไปสัมผัสมา  ส่วนมากพอเขียนไปได้สักหน่อยพอเห็นไม่เข้าท่าก็พาลเลิก  คงด้วยการงานแบบงานเขียนเป็นงานอดิเรก  แต่ก็จะพยายามต่อไปครับ  หวังว่าจะได้รับสิ่งดีดีสำหรับวิธีการเขียนที่ดี  หรือได้รับแรงบันดาลใจให้เขียนได้สำเร็จสักเรื่องครับ  ขอบพระคุณสำหรับกระทู้นี้มากครับ....... ;)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 ก.พ. 08, 00:35
เชิญเขียนให้ลองอ่านมั่งดิ
อย่างมากก็โดนแซว แต่การแพร่ความรู้ เป็นบุญกุศลนะครับ
ใครปากไม่ดี ก็กรรมตามสนองเอง

ตอนพูดประโยคนี้ นึกถึงตัวเองยืนหน้ากระจกเงา.....ฮิฮิ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 08, 16:03
ถ้าคุณ Bana ถนัดในการเขียนแบบเขียนไดอารี่  ก็ลองบันทึกการท่องเที่ยวแบบไดอารี่ดูบ้างซิคะ
เขียนสบายๆ เก็บความทรงจำดีๆจากการท่องเที่ยวเอาไว้   ทุกครั้ง  แล้วลองมาอ่านดู
ก่อนอื่นเขียนให้จบเสียก่อน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 12 ก.พ. 08, 16:50
การเริ่มต้นเรื่องเป็นสิ่งสำคัญ ผมยอมเสียเงินซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง เพราะพลิกๆ ไปอ่านตอนเริ่มต้นของเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งแล้วอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ

ไม่มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยอยู่ในมือ เลยลองค้นต้นฉบับภาษาอังกฤษในเน็ตมาให้

A Rose for Emily
by William Faulkner

I

WHEN Miss Emily Grierson died, our whole town went to her funeral: the men through a sort of respectful affection for a fallen monument, the women mostly out of curiosity to see the inside of her house, which no one save an old man-servant--a combined gardener and cook--had seen in at least ten years.


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Natalee ที่ 12 ก.พ. 08, 17:18
นักเขียนอาชีพแบ่งแยกความรู้สึกได้อย่างไรหนา หากสัปดาห์หนึ่งๆ ต้องเขียนสองสามเรื่อง
ดิฉันกังวลแทนค่ะ ว่าตัวละครจะพันกันยุ่ง คาเเรกเตอร์สับกัน
เช่นจากบทเผ็ดร้อนของตัวละครหนึ่ง มาเป็นเย็นชาเฉยเมยของอีกเรื่องหนึ่ง


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 13 ก.พ. 08, 00:59
ขอบพระคุณมากครับท่าอาจารย์  จะพยายามเขียนวันละเล็กวันละน้อยให้เสร็จให้ได้  ผมเขียนคล้ายบันทึกน่ะครับแบบเล่าให้น้องสาวฟังเวลาไปไหน  สำนวนคงออกมาประมาณนั้น  ที่จริงผมทึ่งในความสามารถผู้เขียนนวนิยายมากครับ  เขียนจากจินตนาการได้เป็นเรื่องราวจนจบ  อ่านแล้วให้ความรู้สึกได้ต่างๆนานา  ผมเขียนจากเรื่องจริงแท้ๆยากชะมัดเลยครับ  แม้แต่ขึ้นต้นแบบองคุณโอมยังลำบากเลย

หวังจะได้รับคำแนะนำดีดีต่อไปครับ...ขอบพระคุณมาก.. ;D


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 08, 12:49
อ้างถึง
นักเขียนอาชีพแบ่งแยกความรู้สึกได้อย่างไรหนา หากสัปดาห์หนึ่งๆ ต้องเขียนสองสามเรื่อง
ดิฉันกังวลแทนค่ะ ว่าตัวละครจะพันกันยุ่ง คาเเรกเตอร์สับกัน
เช่นจากบทเผ็ดร้อนของตัวละครหนึ่ง มาเป็นเย็นชาเฉยเมยของอีกเรื่องหนึ่ง

ตอบคุณนาตาลี 
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงก็คือ การเขียนเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พร้อมๆกันนั้นกลับง่ายกว่าเขียนเรื่องในแนวเดียวกัน
เหมือนที่เคยเขียน"รัตนโกสินทร์" พร้อม "วิมานมะพร้าว" พร้อมกัน ในสกุลไทย
ถ้าเทียบง่ายๆก็เหมือนกับตอบข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์   เราจะไม่มีทางเขียนคำตอบปนกันได้  เพราะลักษณะและเนื้อหาต่างกันคนละแบบ คนละเรื่อง 
สมองจะแยกออกว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหน 
นิยายก็เช่นกัน   ตัวละคร ฉาก เหตุการณ์ก็จะคนละอย่าง   
แต่ถ้าเขียนเรื่องแนวเดียวกันพร้อมกันนี่สิคะ     อาจจะเผลอกำหนดรายละเอียดไปซ้ำแบบกันได้มากกว่า

ดิฉันถึงชอบเขียนอะไรที่ผิดแผกแตกต่าง    พร้อมๆกันมากกว่าค่ะ

คุณ Bana ลองเขียนวันละเล็กละน้อยไปจนจบนะคะ    เมื่อเสร็จชิ้นแรกแล้วชิ้นที่สองก็จะง่ายขึ้นค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 21 ก.พ. 08, 09:23
นักเขียนที่เขียนตัวละครพันกันยุ่ง คงเป็นนักเขียนอาชีพไม่ได้ครับ  เขียนเรื่องเดียวก็พังแล้ว

เข้ามาปั่นเรตติ้งครับ  อยากจะขอให้อาจารย์เล่าต่อ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: jaiya ที่ 23 ก.พ. 08, 22:05
มีปัญหาจะถามค่ะ หลายคนที่เขียนนิยายหน้าใหม่อาจจะเคยประสบมาแล้วก็ได้
คือ พอเขียนเสร็จแล้ว ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา นิยายกลับไม่ผ่าน ส่งหลายที่ก็ไม่ผ่าน (เรื่องเดียวกัน)
ควรจะทำอย่างไรคะ ระหว่าง

1. กลับมาแก้ไขข้อบกพร่องของนิยาย (อาจจะต้องรื้อใหม่ทั้งหมด)
2. ทิ้งไว้อย่างนั้นแล้วเขียนเรื่องใหม่ อย่างระมัดระวังมากขึ้น



กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.พ. 08, 21:42
แล้วแต่ค่ะ  ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
ถ้าเรื่องไหนไม่ผ่านบก. ควรถามบก.ว่าจุดอ่อนอยู่ที่โครงเรื่องหรือภาษา หรืออะไรกันแน่
ถ้าโครงเรื่องใช้ได้แต่ภาษาไม่ดี  ก็ไม่ต้องรื้อเรื่องทิ้ง  เอามาปรับภาษาใหม่จะง่ายกว่า
แต่ถ้าโครงเรื่องไม่ดีพอ  เขียนใหม่น่าจะดีกว่า 


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: pum ที่ 25 ก.พ. 08, 16:29
มาเข้าชั้นเรียนด้วยค่ะ  อ้าว.. มาเจอคุณโอมแถวนี้ด้วย  สวัสดีค่ะ  สบายดีมั้ยคะ? ;D


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 25 ก.พ. 08, 22:44
ตั้งกะเว็บโน้นล่ม ชีวิตก็เปลี่ยนไป การงานก็ยุ่ง เรื่องส่วนตัวก็ยุ่ง
พี่ปุ้มคนงาม โทรฯหาหลายทีไม่เคยรับ คงกลัวเป็นโทรศัพท์คนโรคจิตล่ะสิ
คิดถึงนะครับ ไว้มีคิวว่าง นัดมากินให้อ้วนกันตายไปเลยข้างหนึ่งดีไหมครับ 8)

พยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆ ครับ คุณ jaiya มาให้กำลังใจ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 11 มี.ค. 08, 10:12
แอบทราบมาว่า มาลัยสามชาย เป็นนิยายที่จงใจแหวกข้อยึดถือ(เดิมๆ) ทิ้งไป
ผมไม่อ่านนิยาย

ขอเรียนถามท่านที่อ่านว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ อย่างไรครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 12 มี.ค. 08, 13:07
มาลงชื่ออ่านไว้ก่อนครับ ตอนนี้แทบไม่ได้เงยหน้าอ้าปากแล้ว
หนังสือที่ผมแปลจะต้องส่งหลังสงการนต์ ยังมีให้ต้องปวดหัวอีก 400 กว่าหน้า เฮือกกกกกก  :'(


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 มี.ค. 08, 13:47
นักเรียนเต็มห้อง แต่อาจารย์ยุ่งอยู่ :-\ :-\ :-\ :'(


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: kindness ที่ 13 มี.ค. 08, 00:28
มาขอสมัครเป็นนักเรียนด้วยค่ะ
เขียนบทความเกี่ยวกับศาสนาบ้าง 
เลยอยากเขียนรู้การตามหลักการค่ะ   :D


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: drunken beauty ที่ 13 มี.ค. 08, 01:30
มาสมัครเรียนด้วยคนค่ะ และขอรบกวนสอบถามความคิดเห็นของอาจารย์และเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมห้องว่า นิยายเรื่อง THE DA VINCI CODE ของ DAN BROWN อะไรคือเสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้มากกว่ากัน ระหว่าง
-ข้อมูลเกี่ยวกับพระคริสต์ที่สอดคล้องกับ สิ่งของ หรือสถานที่อย่างน่าตกใจ
-การเดินเรื่องที่หักมุมอยู่ตลอด ;D


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: agree ที่ 15 มี.ค. 08, 13:11
ลงทะเบียนเรียนวิชาวรรณกรรมด้วยคนครับ  :)

ผมคงต้องศึกษาให้มากขึ้น เพราะกำลังแต่งหนังสืออยู่

อ้อ ! ผมอยากทราบ "เคล็ดลับเขียนให้สนุก" อย่างมากครับ ใครรู้ ใครทราบก็ช่วยแนะนำให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: deedeenaka ที่ 16 มี.ค. 08, 14:27
มาลงชื่ออ่านอย่างเดียวค่ะ  หมดวัยเรียนแล้วววว
ความฝันอยากเป็นนักเขียนมันกระพร่องกระแพร่ง(เขียนถูกรึป่าวเนี่ย)
แต่ความขี้เกียจไม่เคยกระพร่องกระแพร่งลงเลย...ให้ตายสิ...อันมากกกก(เกี่ยวไรด้วยล่ะนี่)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 มี.ค. 08, 18:11
ตอบไม่เรียงกันตามคำถามนะคะ
-
อ้างถึง
ผมอยากทราบ "เคล็ดลับเขียนให้สนุก" อย่างมากครับ ใครรู้ ใครทราบก็ช่วยแนะนำให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ถ้าจะให้คนอื่นสนุก  คนเขียนต้องสนุกกับการเขียนเสียก่อนค่ะ     ถ้าคนเขียนเครียด  ความเครียดก็ลงไประหว่างบรรทัด คนอ่านจะสัมผัสได้
เว้นแต่มืออาชีพ อาจจะสร้างความสนุกให้คนอ่านได้     แต่ถ้าหัดเขียนใหม่ 
อย่าไปเสี่ยงตามเขาเลยค่ะ

-
อ้างถึง
นิยายเรื่อง THE DA VINCI CODE ของ DAN BROWN อะไรคือเสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้มากกว่ากัน ระหว่าง
-ข้อมูลเกี่ยวกับพระคริสต์ที่สอดคล้องกับ สิ่งของ หรือสถานที่อย่างน่าตกใจ
-การเดินเรื่องที่หักมุมอยู่ตลอด


โดยความเห็นส่วนตัว(ซึ่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่น)  เห็นว่าข้อแรก เป็นความโดดเด่นเฉพาะตัวของเรื่องนี้
ส่วนข้อสอง  นิยายสืบสวนสอบสวนก็มักจะเล่นทางด้านหักมุมอยู่แล้ว
และโดยส่วนตัว  ไม่ค่อยจะชอบเรื่องนี้เท่าไร   เพราะข้อมูลพระคริสต์อ่านไปสักพักก็รู้สึกว่ามั่ว จับแพะชนแกะกันหลายตอน  เลยไม่คล้อยตาม


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มี.ค. 08, 21:37
อ้างถึง
แอบทราบมาว่า มาลัยสามชาย เป็นนิยายที่จงใจแหวกข้อยึดถือ(เดิมๆ) ทิ้งไป
ผมไม่อ่านนิยาย

ขอเรียนถามท่านที่อ่านว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ อย่างไรครับ

ตั้งใจอย่างนั้นเหมือนกันเมื่อเริ่มเขียนว่าจะไม่เขียนอย่างที่เคยเรียนมา    ก่อนหน้านี้จะผูกติดกับทฤษฎี ว่าตัวละครต้องมีความลึก มีสามมิติ  ไม่ควรดีหรือเลวอย่างสุดโต่ง มิฉะนั้นจะกลายเป็นตัวละครแบน ไม่มีชีวิตชีวา  และไม่สมจริง
เรื่องนี้เขียนขึ้นให้ตัวละครสุดโต่ง   ดีก็ดี เลวก็เลว อย่างไม่มีข้อสงสัย   ไม่ต้องมาเถียงกันว่าใครดีใครไม่ดี
อยากทดลองว่าตัวละครที่สุดโต่งนั้นจำเป็นต้องแบนราบ  ไม่มีชีวิตชีวาตามทฤษฎีจริงหรือไม่

ผลจากการทดลอง ก็คือไม่จริง

ผู้อ่านบางท่านติดตามอ่านตัวละครเลวสุดๆ ด้วยความติดอกติดใจ   ถ้าหายไปเกิน ๒ บทเป็นต้องทวงถามว่าเมื่อไรจะออกมาให้เห็น   ตัวละครดี ก็มีคนติดตามเอาใจช่วยให้รักษาความดีได้ตลอดรอดฝั่ง
ปฏิกิริยาตอบรับจากคนอ่านทำให้ได้คำตอบว่า ตัวละครมิติเดียวก็สร้างให้มีชีวิตชีวา ให้คนอ่านได้รู้จัก เห็นภาพ รู้จักมักคุ้น เหมือนเป็นคนจริงๆได้เช่นกัน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 22 มี.ค. 08, 22:15
นั่นคือ หนึ่งในวิธีการเป็นนักเขียนที่ดีคือต้องกล้าลอง หรือเปล่าครับอาจารย์

ผมเพิ่งอ่านเรื่อง หญ้าแพรก ดอกมะเขือ เรือน้อย แล้วรู้สึกว่าอาจารย์พยายามทำอะไรบางอย่างที่แปลกไป แต่เนื่องจากไม่ใช่นักอ่าน+วิจารณ์มืออาชีพ เลยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

อาจจะต้องขอความคิดเห็นจากพี่กุ้งแห้งฯ ยอดนักอ่าน

เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องมาลัยสามชาย ผมว่าอาจารย์ใช้ยี่ห้อ ว.วินิจฉัยกุล แต่เขียนด้วยอารมณ์ประมาณแก้วเก้า อ่านแล้วสะใจสุดๆครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 มี.ค. 08, 22:51
เอ้อ.. ดิฉันกำลังอ่านมาลัยสามชายรอบที่สองครึ่งอยู่ค่ะ คุณโอม คาดว่า คงเหมือนรอบแรกคือลุยฉลุย ขอบคุณที่ยกให้เป็นยอดนักอ่าน ( :-[ อายจัง หลังๆไม่ได้เป็นยอดนักซื้อกับใครเขา เพราะมีน้องๆผู้อุปการะที่ซื้อไวกว่า )
ก็เรื่องนี้น่ะ ไปอ่านในร้านกาแฟร้านประจำหนึ่งในสี่ร้านที่ไปนั่งสงบอารมณ์ เพลิดเพลินกับชาหอมกรุ่น
คอมพิวเตอร์แบตหมด ไม่มีที่ชาร์จ ทำไงดีล่ะ คว้าพลอยแกมเพชรเล่มเดือนไหนไม่ทราบขึ้นมา พลิกไป พลิกมา
มาลัยสามชาย.. โดยเทาชมพู โอ๊ย ขอโทษค่ะ ว. วินิจฉัยกุล
ไปเจอครั้งแรก ก็ตอนเจ๋งเป้งที่สุดของเรื่อง อ่านไปก็อื้อฮือ .. อื้อฮือ อยู่ในใจ
พระอาจารย์เรา สุดยอดแห่งความบีบคั้นบรรยาย เห็นภาพจะจะ ไม่ได้รู้จักมาก่อนว่านายนรินทร์เป็นใคร แม่ทองไพรำมาจากไหน และนายตำรวจชรานั่นสำคัญอย่างไร
ฉากนั้นฉากเดียว ที่พ่อฆ่าลูก ทำให้ดิฉันตะเกียกตะกายไปหาพลอยแกมเพชรย้อนหลังเล่มไหนก็ได้ที่มี ที่ๆมีพลอยแกมเพชรก็อู่รถสวีเดนที่บางแสน ร้านกาแฟที่บองมาเช่ ร้านกาแฟที่ปั๊มเปโตรนาส วิภาวดี และร้านเล็กๆที่คาร์ฟูร์ลาดพร้าว
เห็นความพยายามไหมคะ
...
แล้วก็เริ่มอ่านเรื่องโหดๆ แปลกๆของนักเขียนที่ชื่อโอมด้วยค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 08, 23:01
ตอบคุณโอม
ก็ถ้าลองอะไรใหม่ๆได้  งานประจำก็จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปไงคะ

ตอบคุณกุ้งแห้ง
บทนั้นบทเดียว เขียนยากที่สุด ถ้าสมองดิฉันเป็นคอมพ์ คงจะเห็นว่าเปลืองแบตเตอรี่ไปเกือบหมดจากการโหลดบทนั้นออกมาบทเดียว


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 23 มี.ค. 08, 10:30
ตอนนี้บทประพันธ์เรื่อง "เรื่องของน้ำอบ" ก็สนุกมาก ผู้คนตามอ่านกันตรึม ลอกเปลือกกันออกมาทีละชั้นยังกับลอกหอมหัวใหญ่ เสียแต่กว่าจะออกเป็นรายสะดวก ไม่ได้ออกเป็นรายสัปดาห์  ;D

ถ้าเอาไปลง pantip คนตามอ่านขนาดนี้ ต้องมี สนพ. มาติดต่อขอพิมพ์รวมเล่มแล้วครับ

สำหรับมาลัยสามชายตอนที่พี่กุ้งแห้งว่านั้น ข้อสรุปที่ได้จากการอ่านคือ พระยานราภิบาลยิงปืนไม่แม่น (วัยรุ่นเซ็ง)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Nirapati ที่ 01 ก.พ. 09, 22:18
กราบสวัสดีอาจารย์เทาชมพู
ทักทายไปยังสมาชิกทุกท่าน และขอแนะนำตัวเองพร้อมกันในที่นี้เลยนะครับ
ผมขอสมัครเข้าเรียนในห้องนี้ด้วยคน เพราะเป็นอีกหนึ่งคนที่เพิ่งหาตัวเองเจอได้ไม่นาน ว่าก็เป็นคนหนึ่งที่รักการเขียนเหมือนกัน นอกเหนือจากการอ่าน ก็เลยอยากเข้ามาศึกษาหาความรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาชิกในห้องเรียนนี้

ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.พ. 09, 08:48
สวัสดีค่ะ และขอต้อนรับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Pandejo ที่ 20 พ.ย. 09, 09:12
มีแต่พล็อตและแนวเรื่องมากมาย ลงมือไปได้ แตมันไม่ต่อเนื่อง เขียนได้แต่เรื่องสั้น ได้ตีพิมพ์ทุกครั้ง
แต่เขียนนวนิยายไม่ได้ ปัจจุบันก็ยังเขียนไม่ได้สักที
ต้องการคำแนนำด้วยครับ
คุณรุ้ง จิตเกษม นี่เป็น idealist
Liberal
Conservative

Pandejo


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 09, 09:23
ไม่มีคำแนะนำอะไร นอกจาก "ลงมือเขียน" เถอะค่ะ 
ถ้าเขียนเรื่องขนาดยาวมากๆไม่ได้     เพราะยังวางพล็อตขนาดยาวไม่ได้
ลองความยาวสัก ๒๐ หน้า ไปก่อน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 20 พ.ย. 09, 10:13
เกรงใจทุกๆท่านอย่างที่สุด แต่อยากจะขอความกรุณาขอให้ช่วยตรวจสอบสักนิดหนึ่งเถอะครับว่า ผมเป็นนักอะไรกันแน่ (แต่คงไม่ใช่นักเขียน) เริ่มจากโดนเจ้านายจับให้แปลหนังสือลงในนิตยสารรายเดือนของที่ทำงาน(เป็นกองบก.) งานนี้มิใช่งานหลัก(เป็นงานรอง) ทำแบบนี้นานโขก็ขยับขึ้นมาเป็นบรรณาธิการของนิตยสารรายเดือนของที่ทำงานต้องทำทั้งแปล ทั้งเขียน ก็เป็นงานรองอีกนั่นแหละครับ เขียนตำรับตำรา เขียนรายงานการวิจัย ซึ่งก็เป็นงานรองครับ ต่อมาก็คิดว่าวันเกิดปีนี้จะเขียนบันทึกจากความทรงจำแจกญาติดีกว่า เริ่มตั้งแต่จำความได้ ไล่มาจนถึง ณ วันที่เขียนจบและแจก (ตอนนี้ก็เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ) ญาติๆเขาว่าเขียนได้สนุกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์(จริงไม่จริงไม่ทราบ) คนที่อ่านประจำตอนนี้คือหลานอายุ 7 ขวบ เขาบอกว่าเขาชอบเรื่องเก่าๆของปู่ งานที่ทำหลังๆนี่ก็คือ การเขียนเอกสารภาษาฝรั่งสำหรับงาน megaproject เขาเรียกชื่อตำแหน่งว่า Tender Document Specialist อ้อในชีวิตผมไม่เคยเขียนนิยาย และไม่ค่อยได้อ่านนิยายด้วยครับ
คำถามสั้นๆคือ ผมไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นนักวิชาการใช่ไหมครับ
ด้วยความเคารพ
มานิต


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 พ.ย. 09, 09:06
นักเขียน เป็นคำกว้างๆ   ถ้าเจาะจงว่าเขียนอะไร ก็จะมีคำตามมา ระบุประเภทหนังสือที่เขียน  เช่นนักเขียนสารคดี  นักเขียนนวนิยาย  นักเขียนเรื่องสั้น
เมื่อก่อนนี้ นักเขียนนวนิยาย มีคำเรียกแยกออกไปว่า "นักประพันธ์"  เดี๋ยวนี้คำนี้หายไปแล้ว

คุณมานิต ก็เป็นนักเขียนนั่นแหละค่ะ
นักวิชาการ มักจะใช้สำหรับพวกเขียนตำรา และทำงานวิจัย ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ระดับอุดมศึกษา     เป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว
แต่ก็มีอีกพวกคือรับจ้างทำงานวิจัยให้หน่วยงานรัฐหรือเอกชน   ถ้าไม่สังกัดที่ไหนโดยตรง ก็เรียกว่านักวิจัยอิสระ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 21 พ.ย. 09, 19:05
ขอบพระคุณครับ ดีใจจังนอกจากจะได้เป็น"ขอม"แล้วยังได้เป็นนักเขียน กะเขาด้วยครับผม
มานิต้


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 22 พ.ย. 09, 04:39
หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาใหม่เลยต้องรีบเข้ามารายงานตัวกับอาจารย์และสมาชิกท่านอื่นๆเสียก่อน....สวัสดีค่ะ

ดิฉันไม่เป็นนักเขียน หรือแม้แต่จะเป็นคนเขียนที่ดีได้ เนื่องจากว่าตัวเป็นขนซะเหลือเกิน
ตอนนี้เป็นได้แต่นักอ่านค่ะ
มีหนังสือของอาจารย์ที่บ้านไม่กี่เล่มเอง แต่อ่านจนพรุนไปหลายรอบแล้ว...ติดเกาะก็อย่างนี้แหละค่ะ ขาดแคลนเสียเหลือเกิน :-[


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: วศิน ที่ 22 พ.ย. 09, 14:33
เพิ่งเข้ามาแจมเป็นครั้งแรกครับ ขออนุญาตฝากตัวด้วยนะครับ (แอบอ่านมานานแล้ว โดยไม่ได้โลจิ้น (ฮิฮิ) ตามคำเชิญชวนของเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง)


กระทู้นี้ถูกใจจนอดใจไว้ไม่อยู่ครับ ด้วยตัวเองกำลังเขียนนิยายอยู่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่แน่ใจ และไม่เห็นเพื่อน ๆ ในนี้ถาม ก็เลยขออนุญาตถามอาจารย์ครับว่า การเขียนนวนิยายเรื่องยาว แต่ละตอนจะใช้ความยาวประมาณเท่าไรครับ (เข้าใจนะครับว่าแต่ละตอนจะมีเค้าโครง (plot) ของมันอยู่ซึ่งต้องทำให้ผ่านโครงในตอนนั้นไปได้) เพราะว่าการส่งนิยายไปลงตามนิตยสารเขาจะมีข้อจำกัดเรื่องหน้ากระดาษ


และไม่ทราบว่าอาจารย์ใช้ปากกาหรือคอมฯ ในการเขียนงานครับ ถ้าเป็นคอมฯ ใช้ font อะไร ตัวขนาดเท่าไร และกี่หน้า A4 ครับ ถึงจะจบตอน อย่างใน "พลอยแกมเพชร" หรือ "สกุลไทย" ก็ได้ครับ


ขอบคุณมากครับ


(หมายเหตุ เคยทราบว่าคุณ "ทมยันตี" สมัยที่ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ รร. เซนต์โยเซฟ ต้องปั่นต้นฉบับตอนพักกลางวัน มีสำนักพิมพ์ส่งมอเตอร์ไซค์มานั่งรอต้นฉบับเป็นแถวราวกับคนไข้รอพบแพทย์ ตอนนั้นมือคุณทมยันตีเธอก็เขียนนิยายไป ปากเธอก็เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ (ส่วนมากเรื่องในครอบครัว) ของเธอไป เขียนจบเรื่องนี้ก็ส่งให้สำนักพิมพ์นี้ แล้วก็คว้ากระดาษมาเขียนเรื่องต่อไปให้สำนักพิมพ์ต่อไป แยกสมองได้สุดยอดจริง ๆ ครับ)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 30 ม.ค. 10, 00:08
อาจารย์คะ

หนูเริ่มเขียนนวนิยาย ตอนนี้ได้ประมาณ 8 ตอนประมาณ 60 หน้ากระดาษa4 ยังเหลืออีก 17 ตอน ตอนนี้เริ่มมึนๆแล้วค่ะ

เขียนเป็นเรื่องแรกแนวแฟนตาซี โรแมนติก ยิ่งเขียนก็ยิ่งยาก

หนูวางโครงเรื่องเป็นตอนๆไว้แล้วว่าแต่ละตอนจะพูดถึงอะไร ตั้งใจว่าจะเขียนความยาวสัก 120-150 หน้า แต่นี่แค่8ตอน ก็60แผ่นแล้วค่ะ

ไม่อยากให้หนาเกิน สงสัยได้2 เล่มแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้ปมที่ผูกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องกำลังไล่ผูกคอหนูอยู่ค่ะ ฝังปมเอาไว้มาก

กลัวเก็บปมไม่หมดค่ะ หนูใช้พ้อยออฟวิว เป็นบุรุษที่หนึ่ง เขียนยากมากค่ะ แต่หนูมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเขียนแบบบุรุษที่หนึ่งจะเป็นการพจญภัยแบบน่าตื่นเต้น

ผู้อ่านจะค่อยๆเข้าใจ เท่าๆกับที่ตัวเอกเข้าใจ มันยากมาก กลัวจะหมดแรงเขียน หนูเขียนทุกวันได้งานมากสุดก็ 45บรรทัด น้อยสุดก็ 5 บรรทัด

บางทีก็เบื่อก็จะสลับตอนเขียน หนูอยากเขียนให้จบไวๆ จะได้เขียนเรื่องใหม่ต่อ หนูไม่เคยเขียนเรื่องสั้นมาก่อนเลย เพียงแต่ชอบเขียนความเรียงตอนเรียนหนังสือ

ไม่คิดว่าจะเขียนได้ถึง 8 ตอน วันนี้รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ก็เลยหาอย่างอื่นทำก่อนค่ะ

ขอบคุณงานเขียนทุกเล่มของอาจารย์นะคะ ทุกเล่มเป็นครูภาษาชั้นเอกจริงๆค่ะ หนูจะพยายามเขียนให้จบให้ได้ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.พ. 10, 15:36
๑      ตอนนี้ ถ้าหากว่ารู้สึกเหนื่อย หรือไม่สนุกกับการเขียนจนทนไม่ไหว    ให้พักก่อน  แสดงว่าคุณอาจจะผิดทางแล้วละค่ะ  
         แล้วค่อยๆคิดใหม่อีกที
๒      ถ้าอ่านทบทวนแล้ว รู้สึกว่าไม่ได้ดังใจ  อย่าลังเล      รื้อทิ้งไปเลยแล้วสร้างใหม่  อย่าฝืนเก็บเอาไว้ด้วยความเสียดาย
          มิฉะนั้น  คุณจะพลาดโอกาสในการเขียนให้ดีกว่าครั้งแรก
๓      จำไว้ว่าถ้าคุณไม่สนุกที่จะเขียน  คนอ่านก็ไม่สนุกที่จะอ่าน   คนอ่านรับอารมณ์ระหว่างบรรทัดได้นะคะ
๔        ถ้าเขียนไหว  ลองเขียนต่อให้จบ โดยไม่ต้องพะวงถึงความสั้นยาวของเรื่อง
๕         เมื่อเขียนจบแล้ว  เอามาอ่านใหม่อีกครั้ง  ตัดตอนที่ยาวเยิ่นเย้อออกไป    ให้กระชับขึ้น    ตัดปมออกไป  ให้อ่านง่ายขึ้น   
           อาจได้ผลดีขึ้นค่ะ
           ขอให้โชคดี
    


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 04 ก.พ. 10, 16:37
ขอบพระคุณอาจารย์มากๆคะ

หนูเอาตอนแรกมาให้อ่านว่าพอจะผ่านได้หรือไม่หรือต้องรื้อแก้ใหม่

               ๑

 

                                 น้ำตาจันทร์




                   เสียงพระสวด ควันไฟที่เกิดจากการเผาร่างไร้วิญญาณสองร่าง ได้พวยพุ่งสู่อากาศด้านบน เสียงร่ำไห้

กระซิก ๆ ทั่วบริเวณ    ฉันสูญเสีย...พ่อและแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ผู้เป็นทุกสิ่งในคราเดียวกัน  ยากยิ่งนักที่จะบังคับให้หัวใจเต้นต่อไปได้  ยากแสนสาหัสที่เด็กหญิง16 ปี อย่างฉัน จะทำใจยอมรับมันไหว   น้ำตาแห่งความเศร้าโศกเอ่อไหลรินอาบสองแก้ม  ทางนั้น …ใต้ต้นลั่นทม    ผู้หญิงวัยกลางคนยืนร่ำไห้เงียบๆ     ป้าพริ้มพี่สาวคนเดียวของแม่  ท่านเป็นผู้จัดการดูแลเรื่องงานศพของพ่อและแม่ทั้งหมด  ญาติของฉันทุกคนคอยมองฉันบ่อย ๆ ในแววตาของพวกเขาฟ้องถึงความสงสารและเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของฉัน  ชีวิตคนเราเป็นแบบนี้เองหรือ  ฉันเฝ้าถามตัวเอง เมื่อหลายวันก่อนฉันมีความสุขจนล้นปรี่ มาวันนี้เหมือนว่าความทุกข์จะทับตัว จะขยับไปไหนเสียก็ไม่ได้  รู้สึกท้องไส้โหวงเหวงว่างเปล่า
ลำคอแห้งผากตีบตันไปหมด

             
                     เมื่อหลายวันก่อน วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่สิบหกของฉัน   ฉันนั่งแกะของขวัญอย่างมีความสุขเพราะปีนี้เป็นปีสุดพิเศษ  ที่ครอบครัวเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ได้ตักบาตรทำบุญร่วมกันในตอนเช้า ทานข้าวร่วมกันทุกมื้อ   ส่วนตอนเย็นยังได้ร้องเพลงร่วมกันอีก ปีนี้พ่อให้เครื่องเล่นเอ็มพีสามเป็นของขวัญ  ในนั้นมีเสียงพ่อร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์พร้อมทั้งคำอวยพรที่แสนจะมีค่า ส่วนแม่ให้ล็อกเกตฉลุลาย สวยแปลกตาอย่างที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน ล็อกเกตทำจากทองคำ เป็นรูปดอกไม้ ฝังด้วยบุษราคัมน้ำดีตรงกลาง ประดับด้วยเพชรเหลี่ยมลูกโลกน้ำงามเม็ดโต  ด้านล่างมีก้านยื่นออกมาคล้ายเป็นก้านดอกไม้ หรือก้านกุญแจอะไรสักอย่าง ที่ชอบที่สุดก็ตรงที่มีรูปพ่อและแม่ถ่ายคู่กันอยู่ข้างใน  วันนี้ฉันสวมล็อกเกตมางานด้วย ของขวัญชิ้นสุดท้าย.....ที่แม่มอบให้

             
                    ไม่รู้จะโทษอะไรหรือโทษใคร ครอบครัวนักบินคนนั้น ก็คงไม่แตกต่างจากฉันในตอนนี้ แต่ทว่าฉันอาจเลวร้ายกว่า  เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้พรากผู้เป็นที่รักของฉันทีเดียวถึงสองคน ฉันครุ่นคิดพลางมองควันไฟที่พวยพุ่งสู่อากาศด้านบนผ่านดวงตาที่พร่ามัวจากน้ำตาที่ไม่สามารถสะกดกลั้นได้


       

            หลังงานเผา ป้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน  เพื่อจัดแจงธุระเรื่องเรียนของฉันและเรื่องอื่น ๆ ในบ้านอีกมากมายให้เสร็จสรรพเรียบร้อย  ฉันพยายามหลบสายตาของป้าเวลาที่ท่านจ้องมองมา  ป้าเองก็รักแม่มากและรักฉันมาก ๆ อีกเช่นกัน ป้าพริ้มท่านไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว ท่านอยู่ลำพังที่ชานเมืองลอนดอน ปีหนึ่ง ๆ   ท่านจะมาเยี่ยมเราช่วงหน้าหนาวและจะกลับไปเมื่ออากาศร้อนขึ้น   ป้าชวนฉันไปอยู่ด้วย   ป้าบอกว่าฉันเด็กเกินกว่าที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ จำเป็นต้องมีคนดูแลเอาใจใส่   จำเป็นต้องมีผู้ปกครองในขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ใช่! ฉันจำเป็นต้องมีผู้ปกครองและป้าก็ได้รับสิทธินั้นเต็มที่  แต่ฉันไม่อยากย้ายไปที่นั่นเลยอยากอยู่ที่นี่  บ้านหลังนี้ บ้านที่ฉันเกิดและเติบโตขึ้นมา ฉันรักและผูกพันกับที่นี่เสียเหลือเกิน เรือนไม้สองชั้นสีขาวริมน้ำสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หลังคาทรงปั้นหยา  อายุราวๆทศวรรศเศษ "เรือนจันทร์กระจ่างฟ้า" ที่มาของชื่อนี้ คุณพ่อเคยบอกว่า เป็นเพราะต้นจันทร์กระจ่างฟ้าพุ่มโตหน้าบ้านนั่น ย่าทวดท่านเป็นคนปลูก แปลกแต่จริง ปรกติแล้วตันจันทร์กระจ่างฟ้าคงไม่ทนแดดทนฝนได้เป็นร้อยปีหรอกใช่ไหม แถมยังมีกลิ่นหอมพิเศษ หอมประหลาด กลิ่นหอมจะหอมไกล ๆ หอมเย็นๆ  ที่ไหนๆ ก็ไม่มี  คุณพ่อบอกเสมอว่ามันเป็นปริศนา  คุณพ่อยังเล่าให้ฉันฟังอีกว่า เพื่อนคุณพ่อสนใจมากและขอตอนกิ่งเพื่อไปปลูกที่บ้าน ปรากฎว่าเมื่อนำไปปลูกที่บ้านก็พบว่าปลูกขึ้นแต่ไม่มีกลิ่นและอายุก็ไม่ยาวเหมือนต้นที่บ้านเรา
น่าแปลกใจไม่น้อย บางทีอาจเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ ฉันเฝ้ามองแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบยอดพุ่มต้นจันทร์กระจ่างฟ้า ความทรงจำที่มีต่อบ้านหลังนี้ค่อย ๆ กระจ่างชัดขึ้นในใจ  ขณะนั้นเสียงเรียกหาของป้าพริ้มดังขึ้น เสียงนั้นเศร้าในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความเอื้ออาทรเสียเหลือเกิน

"ลูกจันทร์ ป้าคิดว่าเราน่าจะปิดเรือนหลังนี้ แล้วหนูก็ย้ายไปอยู่อังกฤษกับป้านะลูกหนูคงเสียใจมาก ป้าจะได้คอยดูแลหนู ส่วนบ้านหลังนี้ ป้าจะให้แม่เปียกและคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ หมั่นคอยดูแลและทำความสะอาด และช่วงปิดเทอมของหนู เราจะกลับมาพักที่นี่กัน ถ้าหนูต้องการดีไหม" ป้าพริ้มถามฉันพร้อมกับดึงฉันมากอดลูบหน้าลูบตาอย่างรักใคร่


" ป้าพริ้มคะ หนูไม่อยากไปที่ไหนเลย ที่นี่คือความทรงจำทั้งหมดของหนู  และพ่อ กับแม่ก็อยู่ที่นี่"    ฉันพูดพลางร้องไห้สะอื้น


" เอาละ เอาละ อย่าร้องนะลูกจันทร์ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย นอนพักผ่อนให้พอ แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังนะ เดี๋ยวป้ากับแม่เปียกจะปิดประตูหน้าต่างเอง แล้วหนูนอนคนเดียวได้แน่นะลูก ปิดประตูเสร็จป้าให้แม่เปียกไปนอนเป็นเพื่อนดีไหม " ป้าพริ้มพูดพลางเอามือนุ่มปาดน้ำตาออกจากแก้มฉัน

 

       

"ไม่เป็นไรคะ หนูนอนได้ ขอบคุณมากคะป้าพริ้ม ป้าเองก็ต้องพักเหมือนกันนะคะ นิทราราตรีสวัสดิ์ค่ะ" 

   ฉันกอดป้า ก่อนจะเดินขึ้นบันได ไปห้องนอน  ฉันได้ยินเสียงตะโกนไล่หลัง
"นอนได้แน่นะคะคุณหนู" ป้าเปียกร้องตะโกนถามฉันด้วยความเป็นห่วง
ฉันหันหลังกลับลงมาที่ด้านล่าง  และบอกกับป้าเปียกว่า "ป้าเปียกจ๋า ไม่ต้องห่วง หนูนอนได้แน่ค่ะ ป้าเองก็ต้องพักนะ หนูไปนอนละคะ"   พูดพลางรีบสาวเท้าก้าวขึ้นบันได

                       
            ทันทีที่ย่างเก้าเข้าห้องนอน ฉันปิดประตูลงกลอนอย่างเบาสนิท แล้วจึงค่อยเปิดไฟที่หัวเตียง ปรับแสงจากโคมไฟไม่ให้สว่างจนเกินไปนัก ความอึดอัดจากหน้าต่างในห้องที่ถูกปิดสนิททำให้ฉันไม่ค่อยสบายตัว  ฉันผลักบานหน้าต่างให้เปิดออกเพื่อรับลมหนาว  อากาศยามนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ก็สามารถหลับได้อย่างสบาย   แต่ทว่าเวลานี้...ฉันทอดถอนใจ  พิษของความสูญเสียเสมือนยากระตุ้นประสาท ฉันจะข่มตาลงในขณะที่หัวใจร่ำไห้ได้อย่างไร


                    น้ำตารื้อล้นตาทั้งสองข้างทันที  ฉันปล่อยให้น้ำตาไหลสักพัก เคยได้ยินมาว่าเวลาและน้ำตาจะช่วยรักษาเยียวยาบาดแผลในใจ  แล้วต้องใช้เวลาสักเท่าไรกัน  ความเจ็บปวดถึงจะทุเลาเบาบางลงบ้าง ฉันเฝ้าถามตัวเองในใจ  พวกท่านไม่น่าจากฉันเร็วขนาดนี้ ฉันเข้าใจเป็นธรรมดาโลกที่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่พวกท่านทั้งสองก็ไม่น่าที่จะด่วนจากฉันไปเร็วอย่างนี้ ไม่ควรเลย...พวกท่านเป็นคนดี ควรที่จะอยู่ต่อไปอีกนานๆ อยู่เป็นหลักให้กับฉัน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้คนในบ้านนี้ และให้ฉันได้ทำสิ่งที่ดีๆให้กับท่าน กตัญญูท่าน ตอบแทนท่านให้มากกว่านี้


            ระหว่างที่ฉันใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆว่าฉันจะทำอะไรต่อไป ฉันค่อยๆถอดชุดกระโปรงแขวนไว้ในตู้ แก้ผมเปียออก ปล่อยผมยาวลง บรรจงหวีมันอย่างช้าๆ แม่บอกเสมอว่าร่างกายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มาจำต้องรักษาให้ดี ฉันจำได้ขึ้นใจทีเดียว ฉันหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่าง และกำล็อกเกตไว้ลังเลใจว่าจะถอดหรือไม่ถอดดี ใจฉันตอบว่าไม่ ฉันพาตัวที่แสนจะเหนื่อยล้าเข้าห้องน้ำสำเร็จ น้ำที่อยู่ในอ่างไม้หอมบัดนี้เย็นเฉียบ ฉันค่อยๆถอดเสื้อคลุม และสิ่งต่างๆที่พันธนาการร่างกายออก เหลือเพียงล็อกเกตกับร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น แล้วจึงค่อย ๆ หย่อนตัวลงอ่าง ทันทีที่น้ำในอ่างสัมผัสโดนผิว มันเย็นเสียจนบาดผิว ฉันเร่งรีบอาบน้ำอย่างไวเพื่อหนีความหนาวเย็น  ในเวลานี้ฉันไม่อยากรบกวนใครให้ทำน้ำร้อนให้อีก ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันทั้งวันแล้ว และฉันเองก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจเหลือเกิน  ฉันใส่ก้านข่อยจิ้มเกลือเข้าปากอย่างเร่งรีบ จากนั้นจึงรองน้ำใส่แก้ว กลั้วคอแล้วจึงบ้วนปาก ฉันรีบสวมเสื้อคลุมแล้ว กลับเข้ามาที่ห้อง นั่งลงที่ม้ากระจกโบราณ ปล่อยผมให้อิสระแล้วหวีอย่างช้า ๆ หยิบเสื้อนอนสีขาวสะอาดมาสวม ฉันมองดูกระจกและเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าสองตาของฉัน มันปูดบวมแดงเสียจริง

 

 

                    แว่วเสียงเรไรขับขานเพลงเศร้า จั๊กจั่นตัวน้อยจะรู้ไหมว่า พ่อและแม่ไม่ได้อยู่ฟังพวกมันร้องเพลงตอนกลางคืนเสียแล้ว  ฉันถอนหายใจเบาๆอีกครา ฉันเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออก หยิบเครื่องเอ็มพีสามที่พ่อให้ออกมา แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงสี่เสา มีม่านมุ้งโบว์ระยิบ ค่อยๆปิดมุ้ง สอดมุ้งใต้ที่นอนตรวจดูว่ามุ้งสอดเข้าไปดีหรือยัง  นี่เวลาอะไรแล้วหนอฉันรำพึงรำพันกับตัวเอง ฉันพนมมือสวดมนต์เฉกเช่นทุกวัน จากนั้นจึงอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตาทวด เจ้ากรรมนายเวร แล้วจึงค่อยล้มตัวลงนอน  หลับไม่ลงจริงๆ ฉันเปิดเครื่องเล่นเอ็มพีสามฟังคุณพ่อร้องเพลงและอวยพรวันเกิด  น้ำตาค่อยๆไหลลงบนหมอน  ฉันปล่อยให้เครื่องเล่นซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ ฉันอยากฟัง ฟังแล้วฟังอีก ทว่าร่างกายที่อ่อนล้าของฉันมันไม่เป็นใจเสียนี่
เปลือกตาหนักอึ้งของฉันจึงค่อย ๆ ปิดลง แล้วฉันก็จมสู่ห้วงนิทรา

                           




 


                              ความทุกข์รายรอบล้อมตัวฉัน
                      ความสุขสันต์มลายหายสาปสูญ
                      ความโศกศัลย์หล่นทับไม่อาดูร
                      ความทุกข์คูณบวกเข้าเคล้าน้ำตา
                           
                               ทุกข์นี้เมื่อไหร่จะจางหาย
                      ฤาต้องจ่ายน้ำตาเพื่อรักษา
                      ฤาเวลานั้นจะช่วยฉันเยียวยา
                      โอ้พ่อจ๋า แม่จ๋า มารับหนูที




กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.พ. 10, 16:57
ขออภัยจริงๆ ค่ะ ไม่สามารถจะทำได้
1   ถ้าอ่านและแก้ไขให้คนหนึ่ง และไม่มีเวลาหรือไม่อ่านให้อีกคน   ก็อาจจะกลายเป็นเลือกที่รักมักที่ชังได้    ถ้าจะอ่านให้ทุกคน ดิฉันก็ไม่มีเวลามากพอจะทำเช่นนั้น
2   ดิฉันพบว่า ให้นักเขียนใหม่พัฒนาฝีมือไปด้วยตัวเขาเองล้วนๆ   รู้ถูกรู้ผิดด้วยตัวเอง จะเป็นผลดีกับตัวเขามากกว่ามีคนช่วยเหลือค่ะ 
3   คนที่จะอ่านงานของคุณได้ดีที่สุด คือบรรณาธิการ  ไม่ใช่ดิฉัน   เพราะเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรงที่จะประเมินงานของนักเขียน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 04 ก.พ. 10, 17:57
ขอบคุณมากค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 04 ก.พ. 10, 18:14
เข้าใจค่ะ ก็เป็นตามจริงอย่างที่อาจารย์ว่า

ถ้าตรวจทานให้หนูก็กลายเป็นว่าเลือกที่รักมักที่ชัง

หนูอ่านเองก็แก้ไปหลายรอบแล้วค่ะ อยากให้ออกมาดี

อยากทำให้ได้

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 06 เม.ย. 10, 01:05
ขอสมัครเข้าเรียนด้วยคนค่ะ

พอเข้ามาเรียนก็มีปัญหามาขอเรียนถามอาจารย์เลยค่ะ  คือว่าดิฉันมีนิยายที่ได้รับการตีพิมพ์ออกวางจำหน่ายแล้วสองเรื่อง

เรื่องแรกได้รับกระแสตอบรับดีพอสมควร  เรื่องที่สองดีขึ้นกว่าเล่มแรกมาก  เรื่องที่สามกำลังอยู่ในขั้นตอนจัดพิมพ์ของสำนักพิมพ์

ที่เกริ่นมายาวเหยียดนี้ไม่ได้ต้องการอวดแต่ประการใดนะคะ  เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนโปรดอย่าเข้าใจผิดหรือหมั่นไส้   แต่กำลังมีปัญหาค่ะ

คือเรื่องที่สี่ที่เขียนเสร็จแล้ว  แต่ดิฉันไม่พอใจ  นั่งแก้ไขอยู่ตอนนี้  แก้ยังไงก็ยังไม่ถูกใจตัวเองสักที  พอวิเคราะห์ดูก็รู้ว่าปัญหาใหญ่คือ

ความคาดหวังของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้เครียดมากค่ะ  เขียนไม่ได้มาหลายวันแล้ว   :'(  จึงอยากจะขอเรียนถามอาจารย์ค่ะ  สมัยที่อาจารย์

เขียนนิยายใหม่ๆ  เคยประสบปัญหาแบบนี้ไหมคะ  ถ้าเคย  อาจารย์จัดการกับปัญหานี้อย่างไรคะ  ได้โปรดชี้แนะด้วยค่ะ



กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 เม.ย. 10, 22:37
ไม่มีค่ะ  ดิฉันเขียนเพราะอยากเขียน  อะไรที่ไม่อยากเขียนก็ไม่เขียน หรือเขียนไปแล้วไม่อยากเขียนต่อก็ทิ้งไว้แค่นั้น  ไม่เสียดายมัน
เราไม่มีทางรู้ ๑๐๐% ว่างานของเราจะออกมาดีหรือไม่ดี   บางทีคิดว่าเขียนดีแล้ว   อาจไม่ถูกใจคนอ่าน ไม่เข้าตากรรมการ      บางทีเขียนเล่นๆไม่ได้ตั้งใจอะไรมากนัก   คนอ่านกลับชอบมากกว่า  กรรมการอาจเห็นว่าดีก็มี
ทำงานอะไรก็ตาม  ถ้ามีความสุขที่ได้ทำงาน  จะทำได้นาน    แต่ถ้าทำเพราะคาดหวัง อาจไม่เป็นสุขนัก ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทำงานได้ไม่ทนค่ะ    
คนอ่านเขาสัมผัสความรู้สึกระหว่างบรรทัดได้    ถ้าคุณเครียดในการทำงาน เขาก็อ่านแล้วเครียด   ถ้าคุณเป็นสุขเขาก็อ่านแล้วสุข นะคะ    


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 07 เม.ย. 10, 10:05
สว่างกระจ่างใจมนเลยค่ะ  ;D  จะรวบรวมปัญญาให้ก่อเกิดผล  ;)

ขอบพระคุณค่ะ   อาจารย์


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: วิฬาร์ ที่ 18 พ.ค. 10, 17:50
สวัสดีครับทุกท่าน รู้สึกว่าโชคดีมากที่มีโอกาสจับพลัดจับผลูมาเจอเวบไซต์นี้ และที่สำคัญได้เจอกระทู้นี้ด้วย มีความต้งใจมานานเหลือเกินที่อยากจะเป็นนักเขียนนวนิยาย แต่ไม่เคยลงมือเขียนสักที สิ่งที่ติดอยู่เสมอคือ การวางพลอตเรื่องที่มีพลังดึงดูดให้ตัวเองอยากเขียน และเขียนจนจบได้ ทีนี้ พอไม่ได้พลอตเรื่องที่ถูกใจก็เลยไม่ได้เขียนเสียที อยากเรียนถามคุณเจ้าของกระทู้ว่า เป็นไปได้ไหมที่เรานำวิธีการวางพลอตเรื่องแบบละครเวที หรือแบบหนัง มาใช้กับกลวิธีการเขียนนวนิยาย ซึ่งที่เคยรู้มาคือ การปั้นตัวละครที่มีความขัดแย้งให้เกิดขึ้นก่อน แล้วเลือกสถานการณ์ที่ Main Character นั้นปะทะกันเป็น Climax ขอความกรุณาด้วยครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ค. 10, 18:47
เขียนอะไรแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ  การเขียนไม่มีข้อจำกัดรูปแบบหรือวิธีการ
ขอให้ลงมือเขียนเถอะ   นี่คือขั้นแรกของการเป็นนักเขียน
เพราะตราบใดที่ยังไม่ลงมือเขียน  คุณก็จะไม่มีวันรู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นมันทำได้หรือไม่   ต้องเขียนถึงจะรู้


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: วิฬาร์ ที่ 19 พ.ค. 10, 10:51
ขอบพระคุณมากครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: วิฬาร์ ที่ 19 พ.ค. 10, 10:54
อยากเรียนถามคุณเทาชมพูว่า ตอนที่เขียนนวนิยาแต่ละเรื่อง มัลำดับในการเขียนอย่างไรครับ เริ่มจากมีแรงบันดาลใจแล้ว วางพล็อตก่อน หรือสร้างตัวละครหลักก่อนน่ะครับ หรือว่าหา Theme ของนวนิยายก่อน ผมคิดว่าการเขียนควรจะต้องสร้างแกนของอะไรสักอย่างก่อน เพื่อไม่ให้การเขียนสะเปะสะปะ หรืออกอ่าว อันนี้ไม่ทราบว่าคิดถูกไหมครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 10, 13:33
ลำดับการเขียนที่ง่ายที่สุด
๑   สร้าง theme (แนวคิด) ของเรื่องขึ้นมาก่อน  ว่าเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นอะไร  สร้างแนวคิดให้มันแจ่มชัด
๒   สร้าง plot (โครงเรื่อง) ขึ้นมาเพื่อรองรับแนวคิดในข้อ ๑   ว่าโครงเรื่องนี้ผูกขึ้นเพื่อสะท้อนแนวคิดนี้ยังไง
๓   สร้าง characters (ตัวละคร) เพื่อแสดงบทบาทในโครงเรื่อง   พวกเขาเป็นใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร  สอดคล้องกับโครงเรื่องอย่างไร  และเมื่อดำเนินชีวิตไปตามโครงเรื่อง  เขาสะท้อนให้เห็นแนวคิดออกมาว่ายังไงบ้าง

ถ้าไม่มีลำดับเหล่านี้ เขียนไปคิดไปก็เขียนได้  แต่อาจจะออกอ่าวไป  จบไม่ลง ค่ะ 
เอาไว้ให้เป็นนักเขียนที่ชำนาญเสียก่อน   อย่างนั้นเขียนไปคิดไปเขาก็หาทางจบเองได้เพราะรู้ทางตัวเองแล้ว


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 19 พ.ค. 10, 19:36
ขอบพระคุณในความกรุณาของคุณเทาชมพูมากครับ ถ้าไม่เป็นการลำบากใจ ขอปวารณาตัวเป็นศิษย์ทางเว็บไซต์ สักคนนะครับ การได้รับคำแนะนำนี้ทำให้เห็นทางสว่างขึ้น และมีกำลังใจที่จะทดลองเขียนงานนวนิยายขึ้นอย่างมากมาย จากเมื่อก่อน อยากเขียน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน อย่างไร ทั้งที่ตัวเองก็ทำงานเขียนคอลัมน์ในนิตยสารมาเกือบสิบปี ได้แต่อ่านของนักเขียนระดับอาจารย์ อย่าของคุณ ว วินิจฉัยกุล คุณ ก สุรางคนางค์ และคุณทมยันตี นึกทึ่งว่าพวกท่านช่างแยบยลในการวางโครงนวนิยาย และแต่ละท่านก็มีแนวทางการเขียนอันเปี่ยมเสน่ห์แตกต่างกัน หนึ่งนผลงานที่ผมทึ่งมากคือการนำเรื่องราวของตวามเชื่อในอดีตมาผูกปมร่วมกับเรื่องราวในปัจจุบันได้อย่างอัศจรรย์ แถมยังพ่วงประวัติในยุคเจ้าฟ้ากุ้ง และผลงานวรรณคดีของท่านเข้าไปร่วมด้วยอย่างแนบเนียน ในผลงานเรื่อง เรือนมยุรา ของคุณ ว วินิจฉัยกุล หรือเรื่องแนวธรรมมะแฟนตาซีอย่าง จิตา หรือ ไวษณวีย์ ของคุณ ทมยันตี และ บ้านทรายทอง พจมาน สว่างวงศ์ของคุณ ก สรุรางคนางค์ คำพูดที่จับใจและแก้ปม พร้อมทั้งนำเสนอแกนเรื่องได้ดีคือ การเฉลยของคุณชายกลางที่ ทำให้พจมาน และคนอ่านคลายความวิตกกังวลว่า เขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอะไร ตรงที่เขาบอกกับเธอในท้ายเรื่องว่า " วันนี้เขาบอกได้แล้วว่าเขารักพจมาน และเหตุผลของสามีที่จะรู้สึกรักภรรยาอย่างจับหัวใจก็คือ เมื่อประจักษ์แล้วว่า เมียของตนนั้นดีประเสริฐอย่างไร (นามแฝงเปลี่ยนไป เพราะต้องลงทะเบียนใหม่ครับ ใช้เครื่องคนละเครื่องกัน)


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 19 พ.ค. 10, 20:01
เพื่อเป็นแนวทางการศึกษา ขออนุญาตยกเรื่อง แต่ปางก่อน เป็น Case Study นะครับ
Theme         ของเรื่องนี้คือ เมื่อเป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันไปได้ หรือที่เรียกว่า มีบุพเพสันนิวาส ใช่ไหมครับ
Plot             คือการแสดงให้เห็นว่าความเป็นคู่กัน ไม่ว่าจะเจออุปสรรคมากี่ภพ ชาติ ก็ย่อมต้องได้ครองคู่กันในที่สุด
                  โครงเรื่องหลักจึงเป็นเรื่องราวของนานาอุปสรรคในแต่ละชาติภพ ในชาติแรกคือการต้องเจออุปสรรคสำคัญที่ตัวเองต้องตายจากคนรัก
                  ในชาติที่สองมีความรักที่ไม่อาจสมหวัง เหมือนเห็นเงาจันทร์บนผิวน้ำ ความรักในชาติที่สาม อุปสรรคคือความไม่เห็นชอบของ หม่อมสวรรยา
                  ซึ่งแม่พระเอก ท่านชายใหญ่ที่มาเกิดใหม่ 
Characters - Main Character คือราชาวดีใช่ไหมครับ ที่มีความรักที่มั่นคง แม้จะต้องพลัดพรากกับท่านชายใหญ่ แต่ก็มีรักดียวใจเดียว

สรุปอย่างนี้พอเข้าข่ายไหมครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 10, 20:17
อ้างถึง
Main Character คือราชาวดีใช่ไหมครับ ที่มีความรักที่มั่นคง แม้จะต้องพลัดพรากกับท่านชายใหญ่ แต่ก็มีรักดียวใจเดียว
 
ตัวละครหลัก มีทั้งพระเอกและนางเอกค่ะ   รวมทั้งพระรองด้วย
อย่างอื่นที่วิเคราะห์มา   ก็ถือว่าถูกต้อง


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 19 พ.ค. 10, 20:41
ขอบระคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้น ตัวละครหลักที่เราจะต้องแตกบุคลิกลักษณะ ทั้งในเชิงภายนอก และภายใน ก็คือตัวละครที่เป็นพระเอก นางเอก ตัวเอกซึ่งอาจเป็นพระรอง นางรอง ใช่ไหมครับ อย่างถ้ายกเรื่องเดียวกัน ตัวที่ต้องแตกลักษณะต่างๆ ให้ละเอียดควรจะเป็นใครบ้างครับ นอกจาก ราชาวดี ท่านชายใหญ่ หม่อมเจ้าจิรายุ คุณหญิงสวรรยา ท่านหญิงคู่หมั้นท่าชายใหญ่ เอ...หรือว่าเราจะรู้ได้ ก็เมื่อได้วางโครงจนสมบูรณ์แล้ว อย่างในเรื่องนี้ อาจารย์วางโครงไว้ครบตั้งแต่แรกก่อนใส่รายละเอียด Characters คือโครงของทั้ง 3 ชาติเลย หรือว่า วางไว้ที่ชาติแรก แล้วค่อยเสริมตัวละครเพิ่ม พร้อมคิดรายละเอียด Character ตัวลัครเสริม ไปพร้อมกับการเป็นไปของเรื่องที่ดลใจในระหว่างเขียนครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 19 พ.ค. 10, 21:08
ขอรบกวนถามอีกข้อนะครับ คืออย่างซีรีส์หลายเรื่องของฝรั่ง เขาจะมี Main Character เป้นนัแสดงหลัก จากนั้นก็นำเรื่องราวต่างๆ มาถ่ายทอดเป็น Episodes จนครบซีซั่น และสังเกตพบว่า ในต้นเรื่อง หรือตั้งแต่ Episodes แรกๆ จะทิ้งปมหลักของซีซั่นไว้ แล้วมาเข้าไคลแมกซ์ จนมาเฉลยในตอน Episode สุดท้ายของซีซั่น ถ้าเราจะใช้การวางโครงในแบบเดียวกัน เพื่อเขียนนวนิยาย โดยในแต่ละ Episode ก็เหมือนการแบ่งตอนในนวนิยาย โดยในแต่ละตอนก็จะมี Conflict และ Climax ย่อย ที่ค่อยๆ เข้าสู่การนำเสนอ Conflict และ Climax หลักของนวนิยาย จะได้ไหมครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 10, 21:43
นึกถึงหนังเป็นหลัก   ดาราเอกที่ขึ้นไตเติ้ล ย่อมไม่มีอยู่แค่ ๒ คน   แต่จะมีหลายคน  ถ้าหนังใหญ่ก็อาจเป็นสิบ    นวนิยายก็เหมือนกันค่ะ
ตัวละครหลักต้องวางไว้ก่อน  ให้ครบสมบูรณ์    เหมือนสร้างหนัง    ไม่ใช่ผู้กำกับทำงานไป หาดาราเพิ่มไป   แต่ทุกตัวต้องเซทตามที่ทางไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลงมือทำ

การเขียนเป็น episode หรือ series ก็หลักเดียวกับนวนิยายเรื่องยาวละค่ะ  มีพล็อตย่อยไคลแมกซ์ย่อยได้ ตามสบาย
แต่จะเตือนว่า เป็นนักเขียนหน้าใหม่ อย่าเขียนยาวมาก   อย่าสร้างโครงให้ใหญ่  คุณจะคุมไม่อยู่  เรื่องยาวมากก็จะซับซ้อนมาก   เมื่อซับซ้อนมาก ก็พลาดง่าย
เรื่องดีๆที่ใช้ตัวละครน้อย  รายละเอียดน้อย  ก็มีได้  อย่างเรื่องคำพิพากษา   มีตัวละครเอก ๔ ตัวเท่านั้น  ฉากก็ในหมู่บ้านเดียว    เนื้อเรื่องก็โยงอยู่กับประเด็นเดียวคือชีวิตของฟัก ในช่วงหนุ่ม    คุณคงเคยอ่านแล้ว ไปสังเกตดูอีกครั้งนะคะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 19 พ.ค. 10, 21:48
ขอบพระคุณมากครับในความกรุณา


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 10, 15:59
เขียน “เรื่องสั้น” ด้วยวิธีง่ายๆ กับชมัยพร แสงกระจ่าง
โดย ชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

“เรื่องที่จะอามาเขียนต้องประทับใจสุดๆ มีแรงปรารถนามากที่สุด ถามตัวเองว่าตั้งแต่มีชีวิตมา อ่านชีวิตรอบๆ ตัว ทำข่าวที่หาข้อมูลมาทั้งหมด มีเรื่องอะไรกระทบใจสุด อยากเขียนมากที่สุด อะไรที่ร้ายแรง เศร้าที่สุดในชีวิตเรา ความตายครั้งแรกทีเรารู้จัก ของเหล่านี้กระตุ้นเรา เป็นกุญแจสำคัญที่จะไข ชีวิตเรา” คำกล่าวของ ชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย กำลังจุดประกายต่อมความอยากเขียนของคนข่าวขึ้นมา
คุณชมัยภร เริ่มต้นโดยให้ความรู้เรื่องการเขียนเรื่องสั้นว่า งานเขียนเรื่องสั้นเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข่าว อะไรก็ได้ที่มีวรรณศิลป์เข้ามา หลายคนอาจจะรู้สึกแยกไม่ออกระหว่างวรรณศิลป์กับข่าว ขออธิบายว่า ตัววรรณกรรมคือตัวข้อเท็จจริง ผสมจินตนาการ จินตนาการคือสิ่งที่เราคิดไปข้างหน้าไปก่อน หรือจินตนาการมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ดังนั้นใครที่เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วมีมีจิตนาการขึ้นมาปั๊บ อันนั้นคือเราฝึกใช้จิตนาการอยู่บ่อยๆ เราชอบใช้ ถ้าเราเป็นนักข่าวเราอยากรู้อย่างเห็น และต้องไปหาข้อมูล หาข้อเท็จจริงเหตุใดจึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น แต่นักเขียนอาจจะต้องไม่ไปหาข้อมูล แต่ใช้จินตนาการว่าเหตุใดจึงเกิดสิงนี้ขึ้น ผูกมาเป็นเรื่อง แต่นักข่าวเขียนข้อเท็จจริง
ความต่างของ 2 เรื่องในสมัยก่อนต่างกันชัดมาก คือข่าวเป็นลักษณะรายงาน ขณะที่จินตนาการเป็นลักษณะเรื่องแต่ง แต่ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าโลก 2 โลกเชื่อมเข้าด้วยกัน จะเห็นงานสารคดี จำนวนมากเขียนเหมือนนวนิยาย สาระนิยายบางเรื่องมีตัวละครที่ไม่ใช่ตัวจริง แต่สารคดีมันมีตัวจริง

การเขียนเรื่องสั้นจะทำยังไงให้เข้าอยู่ในกรอบ คุณชัมยพรอธิบายว่า เรื้องสั้นที่มีความยาว 1-2 หน้า เอ4 เป็นเรื่องสั้นขนาดสั้น แต่ไม่ใช่เขียนง่ายๆ เขียนยากมาก คือจะเอาประเด็นที่สำคัญไปอยู่ใน 2 หน้าได้ยังไง ขณะเรื่องสั้นที่อ่านทั่วไป มีประมาณมี 5-8 หน้าก็ได้ หรือมากกว่านั้น แต่ไม่ควรเกิน 15 หน้า ส่วนเรื่องสั้นขนาดยาว คนที่ทำให้เกิดเรื่องสิ้นแบบนี้คือฝรั่ง เขาเขียนเรื่องสั้นยาวมาก เหมือนนิยายไทยเลย ประมาณ 30-50 หน้า
องค์ประกอบเรื่องสั้น กับองค์ประกอบนวนิยายต่างกัน
คุณชมัยพร อธิบายว่า เรื่องสั้นนั้นมีโครงเรื่องเดียว คือมีแนวคิดชัดเจน แก่นความคิดของเรื่อง แต่วางโครงเรื่อง เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ต้นจนจบคือโครงเรื่องเดียว แต่ถ้าเหตุการณ์มีโรงเรื่องย่อยๆ ซ้อนๆ กันพ่วงเข้ามา มีที่มาซับซ้อนซ่อนเงื่อน คือนวนิยาย สรุปคือเรื่องสั้น เป็นโครงเรื่องเดียว ส่วนนวนิยาย มีโครงเรื่องเป็นพวงๆ เป็นชุด นำไปสู่ตัวละคร ใช้ตัวละคร 30 ตัวได้
เรื่องไหนก็ตามที่เป็นลักษณะนิยาย เราอ่านแล้วจะให้ความรู้สึกซาบซึ้ง ทีละนิด แต่เรื่องสั้น ต้องพุ่งตรงเจิมหน้าผากหงายทั้งยืน คือต้องแรงพอ เรื่องสั้นเหมือนลูกสร เหมือนธนู ยิงไปตรงแสกหน้าคนอ่านเลย ถ้ามีพลังพอ
นักเขียนนวนิยาย ก็เหมือนให้คนอ่านกินยาพิษ ซึมไปทีละนิด โดยให้ยาพิษซึมทั้งตัว จะเห็นว่านักเขียนที่หันไปเขียนนวนิยาย แล้วเขาจะไม่หันมาเขียนเรื่องสั้นอีก เพราะว่าเรื่องสั้นมันใช้พลังเยอะมาก เวลาที่เขาสร้างเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งเขาใช้พลังเยอะพอๆ กับเขียนนวนิยายเลยเพื่อที่จะส่งไปให้เต็มที่ พอส่งไปแล้ว เหมือนเราจะต้องเอานักอ่านให้อยู่ด้วยธนูหนึ่งลูก แต่นักเขียนนวนิยายเอาผู้อ่านให้อยู่ด้วยยาพิษหนึ่งแก้ว พลังเท่ากันทำให้คนอ่านอยู่หมัดเหมือนกัน

เราจะเขียนเรื่องสั้นเขียนยังไง
นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย อธิบายว่า เวลาเราจะเขียนเรื่องสั้น โครงเรื่องง่ายๆ เราต้องมีตัวขึ้นต้นว่าจะขึ้นยังไง จะทำยังไงก็ได้ให้คนอ่านรู้สึกสนใจ บางคนขึ้นต้นด้วยความตื่นเต้น บางคนยิงกันเลยเปรี้ยงปร้าง บางคนระเบิด บางคนอาจจะขึ้นด้วยการพรรณา รำพันถึงฉากความงาม ทำยังไงให้ฉากนั้นเข้าไปอยู่ในใจ และต้องบอกด้วยว่าต้องขึ้นต้นฉากนั้นไปด้วยอะไร ต้องเลือกแล้วว่าทำไมเลือกฉากนี้ จะนำเสนออะไรต่อจากนี้
บางครั้งอาจจะขึ้นด้วยบทสนทนา ขึ้นต้นด้วยตัวละคร ขึ้นต้นด้วยฉากที่สำคัญที่สุด ขึ้นต้นด้วยความตื่นเต้น ขึ้นต้นด้วยเรื่องขนบแบบเฉยๆ ถ้าเรื่องข้างในมันดีทรงพลังเอารอด ขึ้นต้นด้วยเรื่องอะไรก็ต้องมีความสำคัญต่อเรื่อง ต้องคิดให้สัมพันธ์ต่อเรื่องที่เราจะเขียนต่อจากนั้น



กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 10, 16:04
         พอเราเปิดเรื่องได้ ฉากต่อไปคือการเดินเรื่อง ต้องทำให้การเดินเรื่อง หรือทำให้เหตุการณ์ขัดแย้งของเรื่อง พัฒนาเรื่องให้ไปเรื่อยๆ ต้องสร้างความขัดแย้งก่อน อย่างเรื่องรักต้องมีขัดแย้ง ถ้ารักกันดีๆ แต่มีคนที่สามเข้ามาก็เริ่มต้นคนที่สาม เป็นปมที่หนึ่ง แล้วค่อยขยายความขัดแย้ง แต่ไม่ต้องขยายปมไปถึง 20 ครั้ง เอาหนึ่งถึงสองครั้งก็ได้ ต้องสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาให้เห็น เหมือนหนังโฆษณาแว่น  ที่ผู้หญิงไปเจอพ่อ แต่ความจริงมากับแม่ มีปมเรื่องที่1 ปูพื้นว่าเธอตาสั้น อารมณ์ร้อน คิดว่าแฟนเธอนั่งกับคนอื่น ปมที่ 2 ก็เข้าไปด่า พระเอกเข้ามาคือจุดคลี่คลาย เรียบร้อยสมบูรณ์ครบ
        เรื่องสั้นไม่ได้มีแบบเดียว มาดูว่ามีอะไรบ้าง 1. เรื่องสะท้อนตามความเป็นจริง เรียกว่าอัตถนิยม อย่างพี่จินต์ ปัญจพรรค์ เขียน เขาจะเขียนเรื่องที่ไม่ใช่อัตถนิยมไม่ได้เลย พี่อาจินต์เขียนเรื่องพระเจ้าอยู่หัว พ่อ และลุง เนื้อหาแน่นมากๆ เราเห็นภาพ เห็นยุคสมัย นักเลงสมัยก่อนเขามีคุณธรรม นี่คือตัวอย่างเรื่องสั้นที่สะท้อนตามความเป็นจริง
       แต่บางคนไม่ได้เขียนเป็นเรื่องจริง แต่จะเขียนเป็นเรื่องสัญลักษณ์เอาสิ่งหนึ่งมาแทนสิ่งหนึ่ง อย่างเสนีย์ เสาวพงศ์ เรื่องทานตะวันดอกหนึ่ง ดอกทานตะวันไม่ใช่ทานตะวัน แต่เป็นเรื่องรัธรรมนูญ เรื่องประชาธิปไตย เรื่องการเมือง สังคม ได้ของใหม่มาแล้วไม่สนใจอะไร นี่คือสัญลักษณ์ เรื่องสวรรยา ของลาว คำหอม มันมีสัญลักษณ์ มีซ่อนคำด่าไว้มากมาย แกะรอยย้อนหลัง เอาส้วมสกปรกสุดขีดมาเขียนเป็นวิมาน พออ่านแล้วมันขำหัวเราะ สนุกสุดขีด ถ้าต้องการเขียนเรื่องสัญลักษณ์ ต้องทำแบบนี้
      ประเภทที่สามที่นิรันศักดิ์ บุญจันทร์ ชอบเขียน คือนิยายวิทยาศาสตร์ เวลาเป็นเรื่องสั้นคุณกำลังทำอะไรที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสิ่งแวดล้อม การเมือง เอาความพัฒนาการก้าวหน้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการการนำเสนอ    นิรันศักดิ์ เขียนเรื่องยาชนิดหนึ่ง ที่กินแล้วสามารถจิตนาการได้ คือกำลังด่าคนที่สมัยนี้ไม่มีจินตนาการ ใช้เพื่อกระตุกคนก็ได้
       เรื่องเหนือจริง เรื่องสยองขวัญ เรื่องลึกลับตื่นเต้น หลวงเมืองในมติชน เขียนเรื่องสยองขวัญเหมือนเรื่องสมจริง เวลาอ่านแล้วสมจริง มีการแสดงอภินิหาร อยู่ๆ มีชีวิต นี้คือเรื่องเหนือจริง ที่เราหาคำตอบไม่ได้ อย่างท่อนแขนนางรำก็ สยองขวัญ
       อีกประเภทหนึ่งคือ ใครที่เป็นเจ้าของพื้นที่ท้องถิ่น ตำนาน นิทาน เวลาเอามาผูกบางทีอาจจะไม่สมจริงสะท้อนตามความเป็นจริง อย่างเรื่องคุณหญิงหอยกับคุณนายหอย ของอังคาร กัลป์ยาณพงศ์เหมือนเป็นตำนาน นิทาน แต่ว่าเยาะเย้ยเสียดสีไฮโซ
        เรื่องสั้นที่เราได้ยินบ่อย คือเรื่องสั้นเพื่อชีวิต จะต้องชี้ทางออกให้สังคม ต้องเปิดโปงความเลวร้ายสังคมชั้นสูง จะต้องอยู่ข้างกรรมกร มีเงื่อนไขเยอะมาก ถ้าอ่านตอนนี้มาเขียนตอนนี้สังคมจะงง แต่บางเรื่องยังอ่านได้ เช่น อ. ชัยวรสิงห์ เรื่องเทพธิดาที่ท่านาง เป็นเรื่องสั้นเพื่อชีวิตที่แท้เลย เรื่องของศรีบูรพา แต่ปัจจุบันเราก็เขียนตามปกติ ไม่ต้องแสดงความกดขี่อะไรชัดเจน
        ต่อมาคือเรื่องสั้นประวัติศาสตร์ คนเขียนน้อยมากเพราะว่า มันไม่พอ แต่บางคนอาจจะเขียน เช่นตัดตอนที่ญี่ปุ่นมาเมืองกาญจน์ ชาวบ้านที่เคยเจอญี่ปุ่น ตัดประเด็นแค่นั้น ก็เป็นเรื่องสั้นได้
        ส่วนเทคนิค กลวิธี ที่เห็นบ่อยจนปกติ คือเรื่องหักมุมจบ จะหักหรือไม่หักก็ได้ การหักมุมเป็นการจบที่เราคาดไม่ถึง แต่ถ้าเขียนขาวกับดำมาตลอดเรื่องชัดเจน อันนี้ไม่หักมุมจบ เทคนิคใหม่ๆ เราสร้างได้ตลอด ต้องเกิดขึ้นตลอดเวลา เรื่องการถอดเทป ถ้าถอดตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่เรื่องสั้น แต่ถ้าเราจะแกล้งทำเป็นถอดเทปตรงไหนบ้าง ทำให้เป็นเรื่องสั้น บางคนใช้การสนทนาตลอดเรื่อง เป็นเรื่องสั้นได้

        คุณชมัยพรบอกว่า เรื่องที่เจะอามาเขียนต้องประทบใจสุดๆ มีแรงปรารถนามากที่สุด ถามตัวเองว่าตั้งแต่มีชีวิตมา อ่านชีวิตรอบๆ ตัว ทำข่าว ที่หาข้อมูลมาทั้งหมด มีเรื่องอะไรกระทบใจสุด อยากเขียนมากที่สุด อะไรที่ร้ายแรง เศร้าที่สุดในชีวิตเรา ความตายครั้งแรกทีเรารู้จัก ของเหล่านี้กระตุ้นเรา เป็นกุญแจสำคัญที่จะไข ชีวิตเรา
      เวลาที่เราจะเลือกเรื่องมาเขียน ดูว่าประเด็นเรามีอะไร ถ้าประเด็นใหญ่ มีพวงมากๆ จะเป็นนวนิยาย ถ้าเราเลือก ประเด็นเล็กๆ เป็นเรื่องสั้น
     นอกจากนี้คุณชมัยพร ยังให้ความรู้เกี่ยวกับความต่างของนวนิยายกับนิยาย ว่านิยายไม่มีบทสนทนา ไม่มีการยกข้อความขึ้นมา ไม่มีเครื่องหมายคำพูด จะเป็นลักษณะของนิทาน ตำนาน เป็นเรื่องเล่า ส่วนนวนิยายมีบทสนทนาแยกมาต่างหาก เพราะเป็นศาสตร์ใหม่ตามฝรั่ง นอกจากนี้เรื่องสั้นนั้นที่ดีควรมีตัวละครไม่เยอะมาก 5-6 ก็คน ดูความจำเป็นของเรื่อง ดูที่บริบทของเรื่อง ส่วนภาษาเราต้องหาภาษาของตัวเองให้เจอ สร้างขึ้นมา เป็นภาษาเฉพาะ แม้ว่าแรกๆ อ่านหนังสือบางเล่ม แล้วติดภาษามา ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะการอ่านทำให้เราเห็นรูปแบบ ไม่ต้องกลัววิธีการเขียนจะติดมา เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดา เราสามารถหนีภาษาได้ ถ้าเรารู้ว่าเราติดก็หนีได้แล้ว
       นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย สรุปทิ้งท้ายว่า ถ้าเราจะเขียนเรื่อง ถ้าสร้างโครงเรื่องแล้ว ให้เรานึกถึงตัวละครใกล้ๆ ที่เราอยากให้เป็นแบบ ใส่รายละเอียดของคนนั้นไปเลย ต้องช่างสังเกต มีความละเอียดอ่อนในการถ่ายทอด จะทำยังไงให้มีทุกกระเบียดนิ้ว เราเลือกว่าอะไรกระทบอารมณ์ที่สุด ใช้อารมณ์ จินตนาการ ใช้สิ่งที่เป็นภาพรวมมากกว่าข้อมูลดิบและรายละเอียดทั้งหมด ถ้านิยายสามารถใส่รายละเอียดได้ แต่ถ้าเยอะไปจะกลายเป็นสารคดีไป

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=home-where-is-nothing&month=19-05-2010&group=1&gblog=5


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 20 พ.ค. 10, 20:58
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ หลังจากได้ความรู้จากการโต้ตอบ ไปนอนคิดนั่งคิดตามทั้งคืน แต่คงหัวทึบ หรืออาจจะเป็นบัวในโคลนจึงไม่รู้แจ้งนัก
วันนี้มีข้อสงสัยจะมาถามอีกแล้วครับ โชคดีจังที่ได้มาอ่านบทความที่ท่านนำมาโพสต์ ของคุณ ชมัยพร ซึ่งท่านเคยเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัย
สอนการเขียนเรื่องสั้นด้วย แต่สมัยนั้นตัวเองไม่ได้ลงเรียน ได้ฟังจากเพื่อนๆ มาบ้าง แอบติดใจ อยากรู้หลักการสอนของท่านพอดี ก็ปะเหมาะที่
อาจารย์นำบทความของท่านมาให้อ่าน ได้ข้อแคลงใจไปหลายกระทงความ แต่ที่ยังคาใจจนต้องเรียนถามเพิ่มคือ

เมื่อเราได้ Theme แล้ว มีวิธีทำอย่างไรที่จะนำมันมาสร้าง Plot หลักของนวนิยาย และอย่างที่คุณ ชมัยพรท่านกล่าวว่า
 นวนิยายก็ควรนำเสนอแง่คิดย่อยลงมาเป็นพวงด้วย แง่คิดที่ว่าเป็นพวงนี้ อาจสร้างเสริมมาจาก Needs ที่สอง สาม ของ
Main Character ใช่ไหมครับ

ขอบพระคุณมากครับในความกรุณา
อาจจะถามจนดูเหมือนจับจด เพราะไม่ยอมเขียนเสียที
แต่ผมเป็นคนที่ถ้าทำความเข้าใจไม่หมดจด ก็จะทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้น่ะครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 10, 21:17
อ้างถึง
เมื่อเราได้ Theme แล้ว มีวิธีทำอย่างไรที่จะนำมันมาสร้าง Plot หลักของนวนิยาย


ถามเอาแทบจนมุม  เพราะเวลาเขียนหนังสือ  การตีความ theme ออกเป็นพล็อต มันจะขยายออกมาโดยอัตโนมัติ  
ถ้าคิด theme แล้วแต่ยังตีความเป็นพล็อตไม่ได้    ก็ต้องปิดไฟล์ต้นฉบับไว้แค่นั้นจนกว่าจะตีได้
คุณถามว่ามีวิธียังไง   มันไม่มีวิธีค่ะ  มันต้องเก็บไปคิดเอาเอง  จนกระทั่งคิดออก   ถ้าคิดไม่ออกก็เริ่มงานไม่ได้

ถ้าดิฉันให้ดินคุณก้อนหนึ่ง  แล้วบอกว่าเอาไปปั้นเป็นภาชนะ  เอามาส่งเป็นการบ้าน
คุณถามว่า มีวิธีไหนช่วยให้ผมคิดออก  ว่ามันควรเป็นแจกัน เป็นจาน เป็นชาม  หรือเป็นถ้วย  ดีล่ะ
ดิฉันก็คงต้องตอบว่า ไปคิดมาให้ได้ก็แล้วกัน
ถ้าหากว่ามันมีสูตรตายตัว เช่นดินสีขาวต้องปั้นเป็นถ้วย  ดินสีเขียวเป็นจาน  ดินสีดำเป็นแจกัน   งานนั้นก็จะไม่สร้างสรรค์   

การเขียนนวนิยาย มีกรอบหรือแนวทางคร่าวๆ  แต่ไม่มีสูตรสำเร็จ   คนอยากเขียนต้องคิดเองทำเอง

อ้างถึง
นวนิยายก็ควรนำเสนอแง่คิดย่อยลงมาเป็นพวงด้วย แง่คิดที่ว่าเป็นพวงนี้ อาจสร้างเสริมมาจาก Needs ที่สอง สาม ของ Main Character ใช่ไหมครับ
ไม่จำเป็นค่ะ   แง่คิดมาจากอะไรก็ได้  เหตุการณ์ พฤติกรรม บทสนทนา  ตัวละคร ได้ทั้งนั้น

อ้างถึง
แต่ผมเป็นคนที่ถ้าทำความเข้าใจไม่หมดจด ก็จะทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้น่ะครับ
คุณรู้ไหมคะ  ว่า ดิฉันอายุจนปูนนี้แล้วก็ยังไม่เคยเข้าใจวิธีเขียนนวนิยายได้หมดจดเลย    ที่ตอบคุณได้ก็เพราะอาศัยประสบการณ์ที่ลงมือทำงานเขียนมาหลายสิบปี


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 20 พ.ค. 10, 22:28
ขอบพระคุณมากครับ สำหรับทุกคำตอบ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: สีสวาด ที่ 21 พ.ค. 10, 22:56
เรียนถามอาจารย์ครับว่า การวางพลอตเรื่อง เป็นเรื่องของการใช้จินตนาการ หรือว่าหลักการ
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นการใช้ทั้งสองอย่างประกอบกัน แต่ถ้าสมมุติว่า เราไม่มีจินตนาการขยายเรื่อง
สร้างโครงได้จาก Theme เราสามารถใช้วิธีการที่เป็นหลักการคิดได้ไหมครับ แต่ถึงใช้หลักการ
ผมก็ยังไม่ทราบว่าจะไปหาหลักการจากไหนเลยครับ

พยายามหาอ่านทั้งในเว็บไซต์ของไทย และต่างประเทศบ้าง ก็เข้าใจคร่าวๆ น่ะครับ
แต่ก็คิดว่า จะลองเอาความเข้าใจคร่าวๆ นี้มาลองพลอตโครงดูก่อน


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ค. 10, 09:55
เห็นด้วยว่าควรลองพล็อตเรื่องดูก่อน  จากนั้น ลงมือเขียนเลยค่ะ   จะผิดจะถูก  จะได้ตลอดรอดฝั่งหรือจนมุมแค่บทที่ ๑  คุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง
ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
จากนั้นคุณก็ค่อยค้นคิดวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง      หาคำตอบด้วยตัวเองให้ได้  คุณจะได้เดินหน้าต่อไปได้ด้วยตัวเอง 
วิธีเป็นนักเขียน เริ่มต้นมีอย่างเดียวคือลงมือเขียน ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 05 ธ.ค. 10, 04:05
อาจารย์ขา

มาลัยสามชายสนุกมากค่ะ(นิยาย)

ตอนแรกไม่อยากอ่านเพราะขัดกับอุดมคติอย่างแรงค่ะ

แต่ตอนนี้ต้องอ่านซ้ำ และเข้าใจลอออร

ในพันทิปนี่กลายเป็นข้อถกเถียงเพราะบางฝ่ายอยากให้หยุดใจไว้ที่พี่เทพ

ความเหงาในหัวใจ แห้งแล้ง บางคนก็ไปตีความทางอย่างนั้นด้านเดียว

แต่หนูคิดว่า แห้งแล้งหมายถึง การที่เราไม่มีใครที่สามารถร่วมทุกข์สุขพูดคุยได้ทุกเรื่อง


ลอออร เมื่อเล็กก็ขาดความอบอุ่น เมื่อโตมาย่อมโหยหาที่พักใจมากกว่า เหงาลึกกว่า

อาจารย์เขียนได้ลึกมากๆค่ะ ยิ่งแม่เศษทอง บางครั้งอ่านดูได้ข้อคิดชีวิตคู่อีก

คนอย่างนางทอง หนูว่ามีนะคะ

ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ธ.ค. 10, 14:05
วันนี้มาพบกระทู้นี้โดยบังเอิญ มีสาระประโยชน์ดีมากค่ะ

แต่มีคำถามค่ะ.....

เคยได้ยินคุณปองพล อดิเรกสาร เล่าไว้ในรายการ Talk Showทาง TV นานมากแล้ว
ท่านเล่าว่า หนังสือของท่าน หลังจากเขียนเสร็จ จะส่งไปที่สหรัฐอเมริกา(เพราะท่านแต่งเป็นภาษาอังกฤษ)
 
ที่นั่นมีบริษัทรับจ้างตรวจเรื่องที่เขียน และเสนอแนะ พร้อมแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด เช่น
การสะกดคำ  ศัพท์ที่เหมาะสม ไวยกรณ์ รวมทั้งเรื่องที่เขาแนะนำว่าต้องแก้ไขปรับปรุง

ดูเหมือนอาชีพนี้ จะเรียกว่า"Book Doctor"

ท่านใดทราบไหมคะว่า มีคนทำงานอาชีพนี้ในประเทศไทยหรือไม่

เป็นอาชีพที่น่าจะทำเงินนะคะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 10, 20:40
ลืมกระทู้  ไม่ได้เข้ามาดู เลยไม่ได้ตอบคุณร่วมฤดี  เพิ่งมาอ่านอีกครั้งวันนี้เองค่ะ

ไม่ทราบว่าเมืองไทยมี book doctor หรือเปล่า   รู้แต่ว่ามีแต่บรรณาธิการหรือ editor ทำหน้าที่นี้ให้กับนักเขียนที่พิมพ์กับสนพ. หรือนิตยสารของเขา
ส่วนดิฉันไม่มี book doctor ค่ะ
อีกอย่างหนึ่งที่เมืองฝรั่งมี คือ manager หรือ agent ของนักเขียน  ของเราไม่มี   เคยมีเพื่อนฝรั่งขอให้แนะนำ manager ให้เพราะเขาเขียนหนังสือเสร็จกำลังจะหาที่พิมพ์    ดิฉันตอบไปว่าไม่มี  นักเขียนไทยติดต่อกับบรรณาธิการโดยตรง


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 10, 20:44
อาจารย์ขา

มาลัยสามชายสนุกมากค่ะ(นิยาย)

ตอนแรกไม่อยากอ่านเพราะขัดกับอุดมคติอย่างแรงค่ะ

แต่ตอนนี้ต้องอ่านซ้ำ และเข้าใจลอออร

ในพันทิปนี่กลายเป็นข้อถกเถียงเพราะบางฝ่ายอยากให้หยุดใจไว้ที่พี่เทพ

ความเหงาในหัวใจ แห้งแล้ง บางคนก็ไปตีความทางอย่างนั้นด้านเดียว

แต่หนูคิดว่า แห้งแล้งหมายถึง การที่เราไม่มีใครที่สามารถร่วมทุกข์สุขพูดคุยได้ทุกเรื่อง


ลอออร เมื่อเล็กก็ขาดความอบอุ่น เมื่อโตมาย่อมโหยหาที่พักใจมากกว่า เหงาลึกกว่า

อาจารย์เขียนได้ลึกมากๆค่ะ ยิ่งแม่เศษทอง บางครั้งอ่านดูได้ข้อคิดชีวิตคู่อีก

คนอย่างนางทอง หนูว่ามีนะคะ

ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ  ขอโทษที่ตอบช้าไปมากค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 10, 22:06
ไปเจอบทความนี้เข้า ก็เลยลอกมาให้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง

How to Easily and Naturally Write Best Selling Fiction
By George Hutton



There is one skill that separates those that only wish to write successful, bestselling novels, and those that actually follow through and make this dream come true. If you go to the bookstore and look in the "How To" section, you'll find plenty of books on how to write bestselling novels. There is no shortage of advice on how to create a believable characters, a fascinating plot that will grab readers as they feel compelled to read this story, even advice on how to design your own book cover.

You want to know a secret?

There is on quality that you need more than anything else to make your dreams come true. Don't get me wrong, I've read, and learned from several of those books on how to write novels. In fact when people ask, I usually tell them that is one of the reasons for the success of my own novels. But there is once piece of advice that will take you further than any literary technique you can glean from any seminar, or book, or free online article. (Wait a sec!)

Ready to know the secret?

Persistence. You have to sit there, in front of your computer (just like you are doing now,) and write. And write, and write some more. You need to set minimum number of words to write every single day. Regardless. Some say five hundred words is a good number, some write many more. Once you get into the habit, the solid, everyday habit of writing, something magical happens.

All those dreams and wonderful ideas that you have bottled up inside that creative mind of yours will start to come out. And sooner or later you will organize them into a cohesive story that many will pay to read. All the techniques, character development, plot development, all that will come naturally. Sure it helps to read about those techniques in your spare time. But the most important thing is to write.

Every single day. And that will separate you from all the millions of others who "have a story" inside them. By writing every single day, your story will get out, and be told, and be read. By millions. Get started. Now.


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: onelifeonelove ที่ 24 ธ.ค. 10, 17:36
เรียนอาจารย์

       อาจารย์คะ หนูมีปัญหาด้านการเขียนมาปรึกษาค่ะ

พอดีเขียนเล่มต่อ เป็นซีรี่ย์ ใช้บุรุษที่1 บรรยาย

เล่มแรกมือใหม่เขียนไปเรื่อยได้144 หน้าa4

เล่มที่2

หนูวางพล็อตไว้เรียบร้อย แต่พอเขียนเข้าจริงๆ

นี่เดินมาเลยครึ่งเรื่องมานิด ยังได้แต่47 หน้า ทวนแล้วทวนอีกก็คิดว่าดีแล้ว

ไม่ต้องเติมอะไร แต่ความยาวที่ถูกกำหนดนั้น 100 หน้าค่ะ

ตอนนี้กลุ้มใจมากค่ะ

เล่มนี้เขียนสนุกมือมากเลยค่ะ แต่มาติดที่สั้น

หนูจำทำอย่างไรดีคะ ระหว่างขยายพล็อต

กับเพิ่มในส่วนภาพประกอบ และคำอธิบาย(เป็นแฟนตาซีโรแมนติกค่ะ)


สุขสันต์วันปีใหม่นะคะอาจารย์ขอให้สุขภาพแข็งแรง

ขอบพระคุณค่ะ 


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ธ.ค. 10, 08:29
เขียนใหม่ สร้างพล็อตใหม่ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: nakor ที่ 05 ม.ค. 11, 07:59
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Root ที่ 05 มิ.ย. 15, 20:19
ผมเองก็อยากเขียน แต่ไม่กล้า รู้สึกเองว่าเรายังไม่พร้อม เริ่มต้นจริงๆ คือผมทำงานที่เกี่ยวกับนิยาย คือวาดภาพประกอบปกนิยายมาร่วม 20 ปี วาดให้แก้วเก้า และ ว วนิจฉัยกุล มามากมายหลายปก ด้วยความกรุณาและชื่นชอบภาพวาดของผมจากคุณหญิงวินิตา ก็เลยมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของท่าน แต่วันหนึ่ง ผมตัดสินใจลองเขียน เริ่มจากที่คิดเอง ไม่รู้ว่าเริ่มยังไง  เขียนไปๆๆ จนจบ และโชคดีที่มีโอกาสได้ลงนิตยสารอีก ก็เลยรู้ว่า ถ้าเราไม่ลงมือ ความฝันก็ยังเป็นแค่ความฝัน และห่างไกลจากเราเหมือนเดิม ตอนนี้ก็พร้อม สำหรับคำติชม การแก้ไขทุกประการครับผม


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 มิ.ย. 15, 07:46
 ;D


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: คนดีอยู่ไหนจ๊ะ? ที่ 28 ส.ค. 15, 14:39
เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ของห้องนี้ค่ะ เรียกว่าเป็นน้องใหม่จริง ๆ ตามอ่านเรื่องราวที่หน้าสนใจของเวปนี้จนสนุกสนานและตามอ่านคำตอบ คำคุยของท่านเจ้าของกระทู้และอีกหลาย ๆ ท่านจนเริ่มติดใจ  ;D

บังเอิญมาเจอกระทู้นี้ที่โดนใจมากเพราะคิดมานานแล้วค่ะว่าอยากเป็นนักเขียน (อิอิ) แต่ไม่เคยลองเขียนนะคะแค่คิดค่ะ

จนมาวันหนึ่งก็เริ่มลองเขียนเพราะคิดพล๊อตเรื่องในใจคร่าว ๆ ลอย ๆ บ้างแล้ว แต่พอเขียนเข้าจริงกลับไม่ไปไหนเลยค่ะ มันวน ๆ อยู่กับคำสนทนาของตัวละครและติดยึดกับคำอธิบายบริบทรอบข้างเสียจนเรื่องไม่เดินไปไหนเลยค่ะ

ไปๆ มา พล๊อตเรื่องก็ค่อยเปลี่ยนไปตามอารมณ์ จนสุดท้ายก็ไม่ไปไหนจบเอวังด้วยการไปต่อไม่ได้ทุกที

จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ เทาชมพู ได้โปรดให้คำแนะนำด้วยค่ะว่ากรณีอย่างนี้เราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร เรียกว่าโปรดให้คำแนะนำแก่ผู้มีใจรักแต่มิได้เริ่มอย่างจริงจังให้เป็นขวัญและกำลังด้วยทีเถิดค่ะ 


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 15, 17:52
แก้ไขได้ด้วยการเขียนเรื่องย่อขนาดยาว  เหมือนเรื่องย่อละครทีวีที่ลงในนิตยสารต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ 
จากนั้นแบ่งเป็นตอนๆ ตอนละ 1 บท    เพื่อจะดูว่าแต่ละบท เรื่องคืบไปถึงไหน   
แล้วขยายแต่ละบทออกเป็นเรื่องเต็ม
จะช่วยให้เขียนได้จนจบค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 28 ส.ค. 15, 18:08
กราบขอบพระคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ ดิฉันก็กำลังมีปัญหาแบบเดียวกับคุณ'คนดีอยู่ไหนจ๊ะ?'

ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นเพราะตัวเองจิตใจไม่สงบในช่วงนี้ พลอยทำให้สมาธิสั้น ความคิดสับสนลำดับเรื่องไม่ได้ จึงเดินเรื่องต่อไปไม่ตลอดรอดฝั่ง

เดี๋ยวจะลงมือทำตามวิธีของอาจารย์ค่ะ


กระทู้: เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เริ่มกระทู้โดย: คนดีอยู่ไหนจ๊ะ? ที่ 31 ส.ค. 15, 13:30
ขอบพระคุณท่านอาจารย์เทชมพูมากค่ะที่ให้คำแนะนำ จะลองนำไปใช้เป็นแนวในการเริ่มเขียนงานชิ้นแรกที่ตั้งใจค่ะ