กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 20 ก.ค. 06, 11:01
กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 11:20 คุณจินตวีร์ วิวัธน์ ผู้แต่งเรื่องนี้ หรือคุณจินตนา ปิ่นเฉลียว เป็นชาวเทวาลัย สีเทาชมพู เช่นเดียวกันค่ะ แต่ห่างรุ่นจนไม่ทันเจอกัน
ดิฉันอ่านนิยายอมฤตาลัยเป็นเรื่องแรก จำได้ว่าสนุกมาก ในเรื่องมีตัวหน้ากาฬ(เรียกอีกชื่อว่าอะไรลืมไปแล้ว) เป็นหิน ออกมาอาละวาดด้วย กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 20 ก.ค. 06, 15:00 เข้ามานั่งฟังด้วยคนครับ ผมเองก็ชื่นชอบละครพีเรียดเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่าน คงต้องขอให้คุณหยดน้ำช่วยเล่าต่อนะครับ แล้วเรื่องนี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับปราสาทบาแค็งไหมครับ เพราะปราสาทนี้แฝงคติลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน ทั้งเรื่องของปราสาทบริวารที่ไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็ได้ 33 หลัง หรือการใช้ฐานสูง
ถ้าผมจำไม่ผิด ภาพที่คุณหยดน้ำยกมาจะเป็นปราสาทนครวัดนะครับ กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 21 ก.ค. 06, 08:11 ขอบคุณคุณเทาชมพู กับคุณกุรุกุลาครับ ผมโพสต์รูปผิดจริงๆ ด้วย รูปข้างบนเป็นรูปปราสาทหินนครวัดครับ
. . . ขอเริ่มเล่าเลยล่ะกันนะครับ .................................. ปีหนึ่งในพุทธศตรวรรษที่ 14 เดือน 3 ขึ้น 15 ค่ำ รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่เหนือกษัตริย์ทั้งปวงแห่งเจนละน้ำ ได้เสด็จไปประกอบพิธีราชาภิเษก ณ มเหนทรบรรพต หรือเขาพนมกุเลน เพื่อประกาศอิสรภาพไม่อยู่ใต้ปกครองอาณาจักรชวาอีกต่อไป พร้อมกันนั้นได้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระเทวราชามหาจักรพรรดิ ปกครองพระราชอาณาจักรแต่เพียงพระองค์เดียว ย้อนกลับไปในรัชสมัยของกษัตริย์พระองค์ก่อน ก็ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงนำเจนละน้ำออกจากการปกครองของชวา ครั้งหนึ่งในขณะที่เสด็จออกขุนนาง ทรงมีพระราชปรารภกับราชปุโรหิตของพระองค์ว่า ทรงอยากจะเห็นพระเศียรพระราชาแห่งชวาตั้งอยู่บนพื้นท้องพระโรงของพระองค์ พระราชดำรัสนี้สร้างชื่อเสียงให้แก่พระองค์เป็นอย่างมาก ชนทุกชั้นในอาณาจักรเจนละน้ำต่างก็พูดถึงเรืองราวที่เจ้าเหนือหัวอาจจะทรงประกาศอิสระภาพ หลายคนยินดีและมีความหวัง แต่หลายคนก็หวาดหวั่นถึงภัยสงคราม เรื่องราวทั้งหมดนี้พ่อค้าใหญ่จากชวาที่เข้ามาค้าขายในเจนละน้ำได้ทราบความโดยตลอด เมื่อเดินทางกลับชวาจึงนำเรื่องนี้ไปกราบบังคมทูลให้กษัตริย์แห่งชวาทรงทราบ ในที่สุดกษัตริย์ชวาจึงยกกองทพมาตีเจนละน้ำ เพื่อจับตัวกษัตริย์หนุ่มที่บังอาจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และปราบปรามเมืองขึ้นในแถบอินโดจีนให้อยู่ในพระราชอำนาจ เมื่อชวาชนะศึกกับเจนละน้ำแล้วกษัตริย์ชวาได้แต่งตั้งให้เจ้าชายองค์หนึ่งของเจนละน้ำ ซึ่งมีเชื้อสายราชวงศ์พนมแห่งอาณาจักรฟูนันขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์๋ใหม่ทรงพระนามว่า "พระเจ้าชัยวรมันที่ 2" เจ้าชายพระองค์นี้เดิมประทับอยู่ที่ชวา ว่ากันว่าพระองค์ถูกส่งไปเป็นองค์ประกันที่ชวา หรือไม่ก็ทรงลี้ภัยการเมืองไปประทับที่นั่น เมื่อกษัตริย์ชวายกทัพมาตีเจนละน้ำจึงได้โดยเสด็จด้วย ... กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 22 ก.ค. 06, 20:20
กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 26 ก.ค. 06, 14:18 คุณหยดน้ำครับ ที่ว่า พระเจ้าชัยวรมันที่สอง ต้องการเห็นพระเศียรแห่งกษัตริย์ชวา นี่มาจากจารึกที่สด๊อกก๊อกธมหรือเปล่าครับ...
เท่าที่ผมอ่านจารึก เพียงแต่กล่าวว่าพระองค์ทรงถูกจับไปเป็นตัวประกัน และได้กลับมา พร้อมประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นตรงกับชวาอีกต่อไปที่มเหนทรบรรพต และทำพิธีต่างๆเท่านั้น จากนั้นก็ทำการจัด สรุก เอาคนมาอยู่ตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ นึกถึงคำว่า พนมกุเลน คำว่า กุเลน แปลว่า ลิ้นจี่ป่าครับ ทางล้านนา เรียก คอแลน เหมือนกันเลย... เดี่ยวจะมาฟังเรื่องเพิ่มเติมครับ... ขอบคุณครับ กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 26 ก.ค. 06, 14:26 ลืมอีกแล้ว ชื่อแม่ย่าทวดแปลกดีครับ กำปงพิรา
หากจะแปล คงได้ว่า ท่าน้ำพิรา แปลกดีแท้ ปกติชื่อคนในสมัยโบราณ มักเป็นพยางค์เดียว แบ่งชายหญิงเด็กหนุ่ม ทาส ออกจากกัน ด้วยคำว่า ไต บ้าง (ผมเห็นว่า ในเรื่องน่าจะเอาชุดอักษรมาจากไหนสักที่ ที่อายุใหม่กว่าในยุคที่ควรจะเป็น) มีคำว่า ไต ด้วย...น่าจะเป็นชื่อทาสชาย ที่กัลปนาแก่ศาสนสถาน ลองสังเกตดูนะครับ... ผมนอกเรื่องอีกแล้วขอโทษที ครับ กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 26 ก.ค. 06, 20:00 ชอบเรื่องแบบนี้เหมือนกัน มานั่งฟังด้วยคนค่ะ
กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 28 ก.ค. 06, 23:34 ตอบคุณชายองค์ครับ
กษัตริย์เขมรที่ต้องการเห็นพระเศียรของกษัตริย์ชวา คือ กษัตริย์องค์ก่อนพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ครับ ส่วนเรื่องนี้มีอยู่ในบันทึกของพ่อค้าชาวอาหรับ ชื่ออาบู ซายึด ซึ่งบันทึกไว้เมื่อปีพ.ศ. 1459 เกี่ยวกับสงครามชิงแผ่นดินในหมู่เกาะทะเลใต้ไว้ว่ากษัตริย์หนุ่มแห่งกัมพูชาผู้เร่าร้อน ปรารภกับปุโรหิตว่า อยากเห็นพระเศียรพระราชาแห่งชวาตั้งอยู่บนพื้นท้องพระโรง เรื่องราวไปเข้าพระกรรณของกษัตริย์ชวา กษัตริย์ชวายกทัพมาจับกษัตริยืหนุ่มกัมพูชากลับไป หลังจากตั้งกษัตริย์กัมพูชาองค์ใหม่ กษัตริย์ชวาก็ส่งพระเศียรอดีตกษัตริย์กลับไปกัมพูชา และอาบู ซายึด ได้สรุปทิ้งทายไว้ว่า นับแต่นั้นมากษัตริย์กัมพูชาจะหันพระเศียรไปทางทิศใต้ และเรียกทิศนั้นว่าทิศหัวนอน กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 01 ส.ค. 06, 07:48 ย้อนกลับมาในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของปีพุทธศักราช 1362 ภายหลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ นับเป็นเวลาได้ 17 ปี ครั้งนั้นโปรดเกล้าฯ พราหมณ์หิรันยทาม พระมหาราชครูประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็น "พระเทวราช" และประกาศอิสระภาพไม่ขึ้นกับชวา ในคืนที่เรียกว่า "ศิวาราตรี" นั้นเอง
"เพื่อประกอบพิธีกรรมไม่ให้กัมพูชาตกอยู่ใต้การปกครองของชวาอีกต่อไป และเพื่อให้พระราชาจักรพรรดิเท่านั้นครองประเทศ พรามหมณ์จึงได้ประกอบพิธีกรรมตามคัมภีร์...แล้วสถาปนาพระเทวราช" (จารึกสด๊อกก๊อกธม) "...พิธีศิวาราตรี นี้เป็นพิธีลอยบาปของพราหมณ์คล้ายๆ มหาปวาณาจึงโปรดให้ทำตามธรรญเนียมเดิม พิธีนี้ทำในวันเดือนสามขึ้น 15 ค่ำ คือเวลาค่ำพระมหาราชครูทำพิธี เริ่มแต่กระสูทธิ์อัตมสูทธิ์ตามแบบเหมือนพิธีทั้งปวงแล้วเอาเสาปักสี่เสา เชือกผูกคอหม้อโยงเสาทั้งสี่ ภายใต้หม้อตั้งพระศิวลึงค์ เจาะหม้อให้น้ำหยดลงมาได้ทีละน้อยเอาขลังสอดไว้ในช่องหม้อที่เจาะนั้นเฉพาะตรงพระศิวะลึงค์ให้น้ำหยดลงถูกพระศิวลึงค์ทีละน้อย แล้วไหลลงมาตามรางซึ่งรองรับพระศิวลึงค์ซึ่งพระพราหมณ์ในประเทศอินเดียซึ่งข้าพเจ้าเคยไปเห็นเรียกว่าโยนีแล้วมีหม้อรองที่ปากรางนั้นเติมน้ำและเปลี่ยนหม้อไปจนตลอดรุ่ง เวลาใกล้รุ่งทำพิธีหุงข้าวหม้อหนึ่งในเทวสถาน เจือน้ำผึ้ง น้ำตาล นม เนยและเครื่องเทศต่างๆสุกแล้วแจกกันกินคนละเล็กคนละน้อยทุกคนทั่วกัน พอได้อรุณก็พากันลงอาบน้ำในคลอง สระผมด้วยน้ำที่สรงพระศิวลึงค์ ผมที่ร่วงในเวลาสระน้ำเก็บลอยไปตามน้ำ แต่การพิธีนี้ไม่มีของหลวงพระราชทาน เป็นของพราหมณ์ทำเองเมื่อพิเคราะห์ดูการที่ทำนี้เห็นว่าจะเป็นการย่อมาเสียแต่เดิมแล้ว..." พิธีศิวาราตรีนี้ เป็นพิธีที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงเล่ารายละเอียดไว้ เมื่อคราวที่เสด็จพระราชดำเนินประพาสอินเดีย และได้ทอดพระเนตรพิธีนี้ที่เมืองพาราณสี แม้พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 จะทรงประกอบพระราชพิธีสถาปนาพระองค์ขึ้นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว แต่ตลอดรัชสมัยของพระองค์ก็ยังต้องทรงปราบปราบบรรดากษัตริย์ และเจ้าชายเมืองต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในพระราชอำนาจของพระองค์ ต่อมาบรรดาพรามหณ์ ขุนนางได้กราบทูลว่ามเหนทรปุระนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงชัน ไม่เหมาะที่จะเป็นราชธานีเนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก เมื้่อทราบแล้วก็ทรงมีพระราชดำริเห็นชอบด้วย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายราชธานีกลับไปที่เมืองหริหราลัย และประทับอยู่จนเสด็จสวรรคต กระทู้: "ศรียโสธรปุระ" นครอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 05 ส.ค. 06, 08:05 แล้ว ใครสร้าง อมฤตาลัย ให้ดวงใจของผมประทับอยู่ ละครับผม อิอิอิ
|