SILA
|
ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อ 12 มิ.ย. 14, 10:04
|
|
Burning smoke and wing of steel Breathing fire from flaming wheels Reaching out for a new frontier Making sure the way was clear
Iron horse, iron horse Keep on burning on its course Iron horse, iron horse Burning on and on Keep on burning on
ภาพ Rockey Mountain โดย Howard Fogg
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 10:50
|
|
และ เชิญชมหนังเงียบระดับ epic ของผู้กำกับ John Ford เรื่อง Iron Horse(1924) เนื้อเรื่องอิงการสร้างทางรถไฟสายข้ามทวีป trans-continental ในส่วน Union Pacific Railroad ของฟากตะวันออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 10:52
|
|
กลุ่มควันในโปสเตอร์หนังคือฝูงควาย bison ที่ล้มหายตายไปมากมายบนสองข้างทางรถไฟ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 11:02
|
|
วิกกี้บันทึกว่า ม้าเหล็ก Iron Horse คำนี้มีกำเนิดในสมัยวิคทอเรียตอนต้น(1825–35) เมื่อเครื่องจักรต่างๆ ยังใช้กำลังม้าขับเคลื่อน ยกเว้น กังหันลมและเครื่องจักรไอน้ำ คำๆ นี้ มีนัยยกย่องพลังของเครื่องจักรลากยานไปบนถนนและรางรถไฟ เปรียบเทียบกับ กำลังม้าที่ลากรถรางได้อย่างเชื่องช้ากว่า สมัยก่อนนั้นม้าลากรถในอัตรา 8 ไมล์/ชั่วโมง ส่วน(หัว)รถไฟเครื่องจักรไอน้ำแล่นด้วย ความเร็ว 20 - 30 ไมล์/ชั่วโมง
แต่แหล่งอื่นบอกว่า คำมีกำเนิดในปี 1840 หมายถึง ยานมีล้อประกอบด้วยเครื่องจักรขับ เคลื่อนด้วยกลไกหรือพลังของเครื่องเองใช้ลากรถไฟไปตามราง(locomotive)
ภาพ 'The Pleasures of the Rail Road - Caught in the Railway!', Henry Heath, 1840
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 11:07
|
|
คำนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหนังสือพิมพ์และนิยายนานกว่าศตวรรษ หลังการชนะ การประกวดเครื่องจักรกลของ Stephenson's Rocket จัดโดย Liverpool & Manchester Railway เพื่อค้นหางานออกแบบประดิษฐ์กรรมนำพลังลากแล่นรถไฟไปบนราง
Stephenson's Rocket เป็นหัวรถจักรไอน้ำที่มีล้อแบบ 0-2-2(ชุดล้อ 2 คู่ เป็นคู่ขับ ตามด้วยคู่ลาก ไม่มีคู่นำ) สร้างขึ้นในปี 1829 ที่ Forth Street Works of Robert Stephenson and Company ใน Newcastle Upon Tyne
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 95 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 11:13
|
|
ต่อจากนี้ เชิญย้อนอดีตไปยังยุคเริ่มต้นของการสร้างทางวางรางเพื่อให้ม้าเหล็กขับเคลื่อน เชื่อมจากฟากตะวันออกสู่ตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
รถไฟในอเมริกาแรกดำริเริ่มขึ้นในช่วง 1810s - 30s เมื่อนักลงทุนและผู้ประกอบการ หลายรายเสนอโครงการสร้างทางรถไฟ
ทางรถไฟสายแรกมุ่งตะวันตกถูกสร้างขึ้นในปี 1827 เชื่อมระหว่าง Baltimore และแม่น้ำ Ohio ใน Virginia ขับเคลื่อนโดยใช้ใบและพลังม้าควบบนลู่ treadmill
ภาพ “The Flying Dutchman,” a Horse Power Locomotive, 1830 รถไฟกำลังม้า(เดินบน treadmill)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อ 13 มิ.ย. 14, 11:19
|
|
ถึงปี 1830 ในเดือนสิงหาคม เกิดการประลองความเร็วระหว่างม้าเหล็กกับม้าจริง ระหว่างเครื่องจักร Tom Thumb locomotive กับ รถไฟม้าลาก B&O (Baltimore and Ohio Railroad car) ผลปรากฏว่า ม้าเหล็กเหนือกว่าสามารถทำความเร็วได้ถึง 15 ไมล์ ต่อชั่วโมง แต่ในที่สุด กลับเป็นฝ่ายพ่ายม้าลากเมื่อเครื่องจักรของม้าเหล็กเกิดขัดข้องจนหยุด ทำงาน ในปีต่อมา B&O Railroad ก็ปลดระวางม้าลากทั้งปวงแล้วแทนที่ด้วยหัวรถจักรไอน้ำ
The Paintings of Carl Rakeman, 1830 - The Iron Horse Wins
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 97 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:06
|
|
เส้นทางรถไฟสายข้ามทวีปสายแรก transcontinental railroad นี้ แรกเรียกว่า Pacific Railroad และต่อมาเป็น Overland Route เริ่มก่อสร้างในปี 1863 (หลังเกิด สงครามฝ่ายเหนือ-ใต้แล้วในปี 1861) เป็นการ(แข่งกัน)สร้างทางมาบรรจบกันจากสองฟาก โดยสองบริษัท นั่นคือ Central Pacific Railroad Company ใน California (ซึ่งก่อตั้ง โดยนักธุรกิจใน Sacramento ที่มาแคลิฟอร์เนียยุคตื่นทอง) กับ Union Pacific Railroad Company ใน Iowa ทั้งสองทีมสร้างทางแข่งกันสู่ Utah ที่ Promontory Summit
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 98 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:11
|
|
ช่วงเวลานั้นทั้งแคลิฟอร์เนียและเนวาด้าเจริญเติบโตมีประชากรอาศัยอยู่มากมาย จากเหตุตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย(และตื่นเงินที่เนวาด้า ในเวลาต่อมา) เส้นทางรถไฟสายนี้ จะเป็นตัวเชื่อมแคลิฟอร์เนียกับสห(รัฐ) เพื่อกันการถูกยึดไปเป็นของอังกฤษ และอีกจุดประสงค์ (ร้าย) คือเพื่อการขนย้ายกำลังพลและอาวุธเพื่อใช้ในสงครามกับชนพื้นเมือง Pacific Railroad นี้ คือ ทางรถไฟข้ามทวีปสายแรกของโลก ซึ่งก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี ก้าวหน้าล้ำยุคแห่งศตวรรษที่ 19
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:14
|
|
และเรื่องราวที่ต้องกล่าวถึงไว้ไม่อาจละเว้นได้เลย ก็คือเรื่องของมวลกรรมกรเจ้าของ สองมือนี้ที่ก่อสร้างทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สร้างชาติ
ในส่วนสายเริ่มต้นจากแคลิฟอร์เนียของบริษัท Central Pacific Railroad นั้น
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:16
|
|
แรกเริ่มเป็นชาวผิวขาวชาวไอริชแต่มีจำนวนไม่เพียงพอ อีกทั้งหลายคนยังทิ้งงานไปทำ เหมืองเงินในปี 1865 ในที่สุดจึงจำต้องหาคนงานชาวจีนมาเสริมในปี 1864 จนมีจำนวนมากถึง 80% ของคนงานจำนวน 4,000 คน และเพิ่มเป็น 90% ในปีต่อมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:17
|
|
ช่วงพีคของการก่อสร้างมีกรรมกรชาวจีนร่วม 10,000 คน แม้จะโดนดูถูกว่าตัวเล็ก ไม่แกร่ง ไม่น่าจะทำงานหนักไหวในช่วงแรก แต่คนงานชาวจีนก็ได้พิสูจน์ตัวเองในเวลาต่อมาว่า สู้งาน ทำงาน ขยันขันแข็งและไว้ใจได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อ 15 มิ.ย. 14, 09:21
|
|
พวกเขาทำงานก่อสร้างวางรางในจุดที่ยากที่สุด ต้องเสี่ยงชีวิตระเบิดเขาเจาะอุโมงค์ 15 แห่ง ห้อยกระเช้าแขวนที่เทือกเขา Sierra Nevada ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายและงานดำเนิน ไปได้เชื่องช้าด้วยว่าหินผาแกร่งนัก พ้นไปแล้วจึงข้าม Nevada ไป Utah
อุโมงค์ทั้ง 15 แห่งของ Central Pacific (ในขณะที่ทาง Union Pacific เจาะอุโมงค์ 4 แห่ง) ต้องใช้ระเบิดจำนวนมหาศาล หลังจากเกิดเหตุ Nitroglycerine รั่วแล้วระเบิดระหว่างการขนส่ง ที่ปานามาและซาน ฟรานซิสโก ทางการได้สั่งห้ามการใช้ไนโตร. ทีมงานจึงต้องหันไปใช้ดินดำ (black powder) เพียงอย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อ 16 มิ.ย. 14, 10:14
|
|
คนงานจีนเหล่านี้ เป็นคนจีนจากมณฆลกวางตุ้งที่หนีความยากจนมาขึ้นฝั่งที่แคลิฟอร์เนีย ในปี 1850 ส่วนใหญ่เป็นชายที่แต่งงานแล้วและมีความหวังว่าจะมาทำงานเพื่อเก็บเงินแล้วกลับบ้าน และอีกส่วนคือคนงานจีนที่นำเข้ามาสมทบ
ภาพวาดกรรมกรชาวจีนที่ Sierra Nevada
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อ 16 มิ.ย. 14, 10:17
|
|
เหล่าคนงานผิวเหลืองทำงานอย่างไม่ระย่อต่อร้อนหรือหนาว ทำงานไม่หยุดแม้เมื่อพายุหิมะ กระหน่ำ ในขณะที่คนงานอื่นหยุดพัก แต่พวกเขากลับได้รับค่าแรงน้อยกว่าคนขาว ทั้งยังต้องจัดหา อาหารตลอดจนเต๊นท์ที่พักเอง และผลตอบแทนที่ได้รับจากคนผิวขาวส่วนใหญ่ก็คือการเหยียดผิว กับการกีดกัน ด้วยงานที่หนัก เสี่ยงภัยจากหิมะและระเบิด ทำให้คนงานชาวจีนทิ้งร่างไว้ที่นี่ไม่ได้กลับบ้าน นับร้อยนับพันคน
อุโมงค์ Great Summit Tunnel ณ Sierra Nevada
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|