กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 27 พ.ย. 21, 15:16 คือดิฉันทราบว่ามาในภาคอีสานทำนองกลอนต่างๆของทางนั้นจะมีแบ่งรูปแบบทำนองของแต่ละจังหวัดในภาคอีสานไป เช่น ทำนองกลอนแบบขอนแก่น ทำนองกลอนแแบบภูไท ทำนองกลอนแบบสารคาม ดิฉันเลยมีความสงสับค่ะว่าทางภาคกลางมีการแบ่งรูปแบบทำนองของแต่ละจังหวัดในภาคกลางบ้างไหมคะ วานท่านๆผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยค่ะ
กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 21, 09:49 ไม่เข้าใจคำถามค่ะ
ใครเข้าใจช่วยตอบด้วย กลอนในภาคกลาง แบ่งตามฉันทลักษณ์ คือกลอนหก กลอนเจ็ด กลอนแปด (เรียกว่ากลอนตลาด ต่อมาเรียกว่ากลอนสุภาพ) ไม่ได้แบ่งตามพื้นที่จังหวัดค่ะ คุณหมายถึงทำนองเพลงพื้นบ้านหรือเปล่าคะ กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 28 พ.ย. 21, 16:39 ใช่ค่ะคุณเทาชมพูหมายถึงทำนองเพลงพื้นบ้านค่ะ
กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 21, 19:40 ถ้าคุณใช้ google ค้นหาบ้างจะได้คำตอบเร็วกว่ามาถามในนี้ค่ะ
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=34&chap=2&page=t34-2-infodetail04.html กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 30 พ.ย. 21, 18:31 คือที่ดิฉันยกมาถามเพราะว่าดิฉันไม่แน่ใจว่าเขามีการแบ่งชัดเจนไหมน่ะค่ะว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆเลยไหม ตอนที่หาอ่านดิฉันเข้าใจว่าคงจะเป็นเพลงที่จังหวัดนั้นๆร้องกันมากที่สุด อย่างไรต้องขอโทษคุณเทาชมพูที่อธิบายไม่ชัดเจนด้วยค่ะ และขอบคุณคุณเทาชมพูที่มาตอบให้นะคะ
กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงการแบ่งทำนองกลอนต่างๆของทางภาคกลางหน่อยค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 21, 19:13 ปัญหาของคุณดาวกระจ่าง อย่างแรกคือคุณเป็นคนที่อยากรู้รายละเอียดยิบย่อยมากๆ คุณไม่ค้นคว้าเองเสียก่อน แต่มาถามในเว็บราวกับว่าเรือนไทยเป็น search engine ที่มีชีวิต สามารถหาคำตอบมาให้โดยไม่เหน็ดไม่เหนื่อย และทำได้ในเวลารวดเร็ว
ความจริงแล้ว คุณถามประโยคเดียว แต่คนตอบอาจจะต้องค้นในเว็บ และเปิดหนังสืออ่านเป็นจำนวนมาก เสียเวลามาก เพื่อมาตอบคุณ ได้คำตอบจบแล้วก็จบกันไป คุณก็ไปตั้งคำถามใหม่มาอีก บางทีเรื่องใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องเดิม เป็นคนละเรื่องคนละสาขา ทำให้คนตอบต้องตั้งต้นหาคำตอบกันใหม่อีก คนถามไม่เหนื่อย แต่ดิฉันเหนื่อยนะคะ อย่างที่สองคือ คุณไม่สามารถบอกได้ว่าอยากรู้ไปทำไม คุณไม่ได้เอาไปใช้ในงานวิจัย วิทยานิพนธ์ ตำรา หรือแม้แต่เขียนเผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์ในวงกว้าง ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า ดิฉันและท่านอื่นๆในเว็บนี้ต้องเสียเวลาและเปลืองสมองมากมาย เพื่อสนองตอบความอยากรู้ที่ไม่มีจุดมุ่งหมายของคุณ บ่อยๆเข้า ก็ทำให้ไม่อยากตอบค่ะ อย่างที่สามคือ คำถามของคุณไม่ชัดเจน ถามอย่างแต่หมายความอีกอย่าง เมื่อตอบไป หลายครั้งคุณตอบกลับมาว่า คุณหมายความอีกอย่างหนึ่งต่างหาก อย่างกระทู้นี้ก็เช่นกัน ทำให้คนตอบรู้สึกว่าเปลืองแรงตอบไปเปล่าๆปลี้ๆ หลายครั้ง ดิฉันจะต้องย้อนถามว่าคุณหมายความอย่างไรกันแน่ เพราะตอบไปก็ไม่แน่ใจว่าตรงกับคำถามของคุณ ดิฉันไม่ได้ห้ามคุณตั้งคำถามในกระทู้เรือนไทยอีก เพราะคุณไม่ได้ทำผิดกฎอะไร เพียงแต่จะบอกว่าเวลาของดิฉันมีค่า และสมองของดิฉันก็เหนื่อยล้าเป็นเหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณตั้งคำถามอีก ขอเชิญท่านอื่นๆในเรือนไทยที่ประสงค์จะให้ความรู้แก่คุณ เป็นผู้ตอบก็แล้วกันนะคะ |