ก่อนอื่น ก็ต้องขออภัยต่อท่านเจ้าเรือนและผู้อ่านทุกท่าน ที่ขุดกระทู้เก่ามาตอบ เนื่องด้วยอยากเสริมสาระกระทู้เปรียบเทียบเนื้อเพลง Candle in the Wind ที่ขับร้องโดย
เซอร์ เอลตัน จอห์น ทั้ง 2 เวอร์ชัน เพิ่มเติมต่อผู้ที่สนใจครับ
Candle in the Wind เวอร์ชันแรก (1973) เพื่อไว้อาลัยแก่ มาริลิน มอนโร
5GLwA4P3QDk
(ที่มา -
)
Goodbye Norma Jean
Though I never knew you at all
You had the grace to hold yourself
While those around you crawled
They crawled out of the woodwork
And they whispered into your brain
They set you on the treadmill
And they made you change your name
And it seems to me you lived your life
Like a candle in the wind
Never knowing who to cling to
When the rain set in
And I would have liked to have known you
But I was just a kid
Your candle burned out long before
Your legend ever did
Loneliness was tough
The toughest role you ever played
Hollywood created a superstar
And pain was the price you paid
Even when you died
Oh the press still hounded you
All the papers had to say
Was that Marilyn was found in the nude
Goodbye Norma Jean
From the young man in the 22nd row
Who sees you as something as
more than sexual
More than just our Marilyn Monroe
สำนวนแปลโดยคุณ Dr.Batty จาก
Candle in the wind - ดวงเทียนในสายลมลาก่อน นอร์ม่อนยีน
แม้ว่าฉันจะไม่รู้จักเธอเลย
เธอก็มีความสง่างามที่จะถือครองไว้กับตัว
แม้ใครๆที่อยู่รายรอบตัวเธอ
ค่อยๆแสดงตัวออกมา
แล้วก็กระซิบใส่สมองของเธอ
พวกเขาจัดให้เธอทำงานจำเจ
และพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อของเธอ
และมันเหมือนดังที่ปรากฏต่อฉัน ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่
เหมือนดวงเทียนเล่มหนึ่งในสายลม
ไม่เคยรู้เลยว่า จะยึดเหนี่ยวผู้ใดไว้
ในยามเมื่อฝนสาดมา
และฉันได้อยากรู้จักเธอไปแล้ว
แต่ฉันเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง
ดวงเทียนของเธอดับลงนานแล้ว ก่อนที่
ตำนานของเธอจะจบลง
ความโดดเดี่ยวนั้นแสนยาก
เป็นบทบาทที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่เธอเคยแสดง
ฮอลิวูดสร้างซุปเปอร์สตาร์คนหนึ่ง
และความเจ็บปวดคือราคาที่คุณจ่ายไป
แม้กระทั่งเมื่อคุณตายไปแล้ว
โอ้ หนังสือพิมพ์ยังคงตามรังควานเธออยู่
ทุกฉบับต้องพูดว่า
มาริลีนถูกค้นพบในแบบที่โป๊เปลือย
ลาก่อน นอร์ม่อนยีน
จากชายหนุ่มที่นั่งในแถวที่ 22
ผู้ซึ่งมองเธอที่ฐานะที่เป็นคนหนึ่ง
มากกว่ามองในเรื่องเซ็กส์
มากกว่าเป็นแค่มารีลีน มอนโร ของพวกเรา
และ Candle in the Wind 1997 (1997) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Goodbye England's rose เพื่อใช้เป็นเพลงในพระราชพิธีพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า
A8gO0Z818j4
(ที่มา -
)
Goodbye England's rose
many you ever grow in our hearts
you were the grace that placed itself
where lives were torn apart
you called out to our country
and you whipered belong to those in pain
Now you belong to heaven
and the stars spell out your name
And it seems to me your lived your life
like a candle in the wind
never fading with the sunset
when the rain set in
And your footsteps will always fall here
along England's greenest hills
your candle's burned out long before
your legend ever will
Loveliness we've lost
these empty days without your smile
this torch we'll always carry
for our nation's golden child
And even though we try
the truth birngs us to tears
all our words cannot express
the joy you brought us though the years
Goodbye England's rose
from a country lost without your soul
who'll miss the wings of you compassion
more than you'll ever know
และข้างล่างนี้คือสำนวนแปลที่ได้เผยแพร่จากคุณ masterqza จากกระทู้
Candle in the Wind-แสงเทียนในสายลม (บทเพลงสรรเสริญแด่เจ้าหญิงไดอาน่า)ลาก่อน กุหลาบแห่งอังกฤษ
พระองค์จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป
พระองค์คือความงดงามที่ตราตรึง
ในที่ซึ่งพรากชีวิตจากกัน
พระองค์เรียกหาประเทศชาติของเรา
และกระซิบปลอบผู้ทุกข์ทรมาน
บัดนี้ พระองค์เป็นของสรวงสวรรค์
และหมู่ดวงดาวจะขานชื่อพระองค์
นั่นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่
เหมือนกับแสงเทียนในสายลม
ไม่เคยหายเลือนหายไปกับดวงตะวันที่ลับฟ้า
เมื่อฝนโปรยปรายลงมา
รอยเท้าของพระองค์จะปรากฎตลอดไป
เคียงคู่กับหุบเขาที่เขียวขจีของอังกฤษ
แม้แสงเทียนชีวิตของพระองค์จะมอดดับไปนาน
แต่ตำนานของพระองค์จะเป็นอมตะ
เราสูญเสียสิ่งที่รัก
วันเวลาว่างเปล่าเมื่อไร้รอยยิ้มของพระองค์
พวกเราจะชูคบเพลิงอันนี้ตลอดไป
เพื่อนำทางแก่ลูกหลานของเรา
แต่ไม่ว่าเราจะพยายามอย่างไร
ความจริงก็ทำให้เราร้องไห้
ไม่มีคำพูดใดๆจะบรรยายความรู้สึก
ถึงความสูขที่พระองค์มอบให้เราในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ลาก่อนดอกกุหลาบแห่งอังกฤษ
จากประเทศที่สูญเสีย ไร้ซึ่งวิญญาณของพระองค์
จากคนที่จะรำลึกถึงปีกแห่งความเมตตาของพระองค์
มากเกินกว่าที่พระองค์จะหยั่งรู้
เนื้อเพลง เสียงเปียนโน และน้ำเสียงของ เซอร์ เอลตัน จอห์น ขณะขับร้อง ทำให้ผู้รับฟังรับชมพระราชพิธีจำนวนมากกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แม้กระทั่งจนทุกวันนี้
เซอร์ เอลตัน จอห์น กล่าวว่า.. "เขาไม่เคยขับร้องที่ใดอีก ยกเว้นตามคำขอของ ดยุคแห่งเคมบริดจ์หรือเจ้าชายแฮร์รี่" ที่ผ่านมาเราจะเคยได้ยินเพียงสองครั้ง คือ ครั้งแรกระหว่างในพระราชพิธีพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า และอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นานนักเพื่อบันทึกลงแผ่นซิงเกิ้ล (ที่มา:
Wikipedia | หมายเหตุ: เข้าใจว่า หากจะมีการร้องบนเวทีคอนเสิร์ตในภายหลังอยู่บ้าง ก็น่าจะขออนุญาตเรียบร้อยแล้วครับ)
หากเนื้อเพลง สำนวนแปล หรือข้อความใด มีความคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ