ลืมไปอย่างหนึ่ง คุณ Siamese กรุณาลงรอยต่อของแผนที่ใน คคห. 120 กับ 122 ได้ไหมครับ และถ้าจะให้ดี ขอตรงส่วนใต้ลงไปจาก 122 ด้วยจะเป็นพระคุณมากครับ เผื่อจะระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเขาช้างข้ามได้
หลังจากเซ่นเจ้าเขาลิงค์เรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันต่อ
แล้วจากนั้นสองวันก็เห็นเขา เป็นขอบเงายืดยาวไปนักหนา
ค่อยแล่นคล่องไปได้สองทิวารา ก็ถึงวาโหลลึกทะเลวน
เป็นที่ข้ามตามทางไปกวางตุ้ง เห็นสุดมุ่งหมอกมืดไม่เห็นหน
แล้วก็กว้างกว่าทางทุกตำบล ก็พึงยลเขาบูชาเป็นอาจิณ
กำหนดแต่เขาขวางที่ทางมา เป็นพาราเหล่าล้วนแต่ญวนสิ้น
จนวาโหลขอบแคว้นแดนศีคริน จึงสุดดินสิ้นเขตนิเวศญวน
ก็บ่ายข้ามตามบูรพาภาค แสนวิบากคลื่นใหญ่ก็ใจหวน
แต่หาวเหียนป่วนเปี่ยนสกนธ์กวน ด้วยเมาซวนรากรื้อระทมทน
"แล้วจากนั้นสองวันก็เห็นเขา เป็นขอบเงายืดยาวไปนักหนา" พื้นที่ฟู้เอียน (Phú Yên คือฟู่อัน (富安) ที่คุณ Siamese ได้มาจากประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช) และกวีเญิน (Quy Nhơn คือบิญดิ่ญ (平定) ในแผนที่ภาษาจีนฉบับปี 1834 ที่คุณเพ็ญชมพูลงไว้ก่อนหน้านี้ แต่แผนที่ฉบับนั้นใหม่ไปหน่อย ชื่อสถานที่ส่วนมากเป็นชื่อปัจจุบันครับ) มีภูเขามาก แกมป์เฟอร์เองก็รายงานไว้อย่างเดียวกันครับ
On the 31st, we had at two or three Leagues on one side, a very high and formidable wall, which on the first and second of August became a little lower, representing a bare, unfruitful and rough aspect, which drew off sometimes to the N. E. sometimes to the N. We pursued our course along it, having no sounding, with a gentle wind and fair weather, in the evening we found our selves a little beyond the Islands Puli Cambir de Terra, at the end of the Country of Tsiampa, and at the side of the Kingdom of Cotsin Tsina, which we coasted along.
On the fourth of August we came in Cantaon, which we left behind us in the afternoon. On the fifth we steer'd N. N. E. with a S. and E. S. E. wind, to cross the Bay of Tunquin.Tsiampa ก็คือจามปา ส่วน Cotsin Tsina คือก๊กเหงวียนกว๋างนาม (รายละเอียดอยู่ใน
กระทู้องเชียงสือ เชื้อพระวงศ์กว๋างนามผู้ปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดิ์แห่งเวียดนาม)
Puli Cambir de Terra คือกู่ลาวซาญ (Cù Lao Xanh)
จุดสุดท้ายบนชายฝั่งเวียดนามก่อนที่แกมป์เฟอร์จะตัดข้ามอ่าวตังเกี๋ยคือ Cantaon ซึ่งปัจจุบันคือเกาะลี้เซิน (Lý Sơn) ครับ
ส่วนนิราศกวางตุ้ง จุดสุดท้ายก่อนข้ามกทะเลคือวาโหลทะเลวน ชื่อนี้ประชมพงศาวดารภาคที่ ๕ มีบันทึกไว้โดยเรียกว่าภูเขางั่วหลอ ดังนี้
ระยะทางเสี้ยมหลอก๊กมาส่งเครื่องบรรณาการ ทางผ่านเมืองก้วงตงมาเกียซือ (กรุงปักกิง) กรุงเสี้ยมหลอก๊กอยู่ทิศตวันตกเฉียงหัวนอนมณฑลก้วงตง เดินเรือไปทางทเลสี่สิบห้าวันสี่สิบห้าคืนจึงถึง ลงเรือที่แม่น้ำอำเภอเฮียงซัวกุ้ยแขวงมณฑลก้วงตง ตั้งเข็มตรงอักษรโง็ว (ทิศหัวนอนหรือทิศใต้) ใช้ใบตามลมทิศปลายตีนหรือทิศเหนือออกทเลชิดจิวเอี๋ย (ทเลจีน) สิบวันสิบคืนจึงถึงทเลอานหลำ (ทเลญวน) ในระหว่างนั้นมีภูเขาชื่องั่วหลอภูเขาหนึ่ง ไปอิกแปดวันแปดคืนถึงทเลเมืองเจียมเสีย ไปอิกสิบสองวันสิบสองคืนถึงภูเขาใหญ่ชื่อคุนหลุนภูเขาหนึ่ง ต้องกลับใบตามลมทิศตวันออกเฉียงปลายตีนหรือเฉียงเหนือ เหศีศะเรือไปฝ่ายทิศตวันตก ตั้งเข็มอักษรบี้กินอักษรซินสามส่วน (ทิศตวันตกเฉียงหัวนอนหรือเฉียงใต้) ไปอิกห้าวันห้าคืนถึงทเลแม่น้ำจีนชี่วกั่งไหลตก ไปอิกห้าวันห้าคืนถึงปากน้ำแม่น้ำเสี้ยมหลอกั๋ง ใช้เรือเข้าไปในแม่น้ำเสี้ยมหลอกั๋งระยะทางสองร้อยลี้ถึงน้ำจืด ไปอิกห้าวันก็ถึงเสียมหลอเสีย (เมือง)เส้นทางเดินเรือศตวรรษที่ 17 ของ อ.ต้วน ก็กล่าวถึง โดยเรียกว่าภูเขาเว้โลว
แต่กุญแจที่จะถอดรหัสตำแหน่งของวาโหลอยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕๖ ครับ
ระยะทางนอกแต่เมืองเว้ จะมาเมืองไซ่ง่อนที่จะแวะเข้าตักน้ำหาฟืน ถ้าลมดีแล่นมาแต่เมืองเว้ วันหนึ่งถึงเขาหันสอหน้าเมืองหุ้ยอาน แต่เขาหันสอแล่นมาครึ่งวันถึงเกาะเจียมปิดหลอมาวันหนึ่งถึงเกาะวัวโลตรงปากน้ำเมืองกวางง่าย แต่เกาะวัวโลแล่นมา ๒ วัน ถึงปากน้ำเมืองกุยเญิน แต่ปากน้ำเมืองกุบเญินแล่นมาวันหนึ่งถึงปากน้ำเมืองภูเอียน แต่ปากน้ำเมืองภูเอียนแล่นมาวันหนึ่งถึงปากน้ำเมืองภูเอียน แต่ปากน้ำเมืองภูเอียนแล่นมาวันหนึ่งถึงปากน้ำเมืองอยาตรัง แต่ปากน้ำเมืองอยาตรังแล่นมา ๒ วันถึงวัวญิมปากน้ำเมืองไซ่ง่อน
เมืองหุ้ยอานคือเมืองโห่ยอาน (คือฮอยอันที่คนไทยสมัยนี้รู้จักกันดี)
เกาะเจียมปิดหลอ ฝรั่งเรียก Poulo Champelo ปัจจุบันคือกู่ลาวจ่าม (Cù Lao Chàm)
เกาะวัวโลนี่แหละครับคือวาโหลในนิราศกวางตุ้ง ระบุว่าอยู่ "ตรงปากน้ำเมืองกวางง่าย" (คือเมืองกว่างหงาย Quảng Ngãi) ซึ่งก็คือเกาะลี้เซิน หรือ Cataon ของแกมป์เฟอร์นั่นเองครับ