เรือนไทย

General Category => ระเบียงกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:02



กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:02
   ชื่อเสียงของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระดับแถวหน้าของประเทศ   เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายของนายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายยุคหลายสมัย  ในทศวรรษ 2520 เช่นนายสัญญา ธรรมศักดิ์  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช, นายธานินทร์ กรัยวิเชียร จนถึงพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
    เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รักษาการนายกรัฐมตรีในสมัยรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร  เป็นรองนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา  เป็นผู้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายมีชัย ฤชุพันธุ์ และตอบข้อสงสัยด้านกฎหมายและการเมือง ทางเว็บไซต์มีชัยไทยแลนด์
   แต่คงมีคนไม่มากนัก รู้ว่าคุณมีชัย เขียนกลอนเก่งด้วยฝีมือระดับมืออาชีพ    ถึงท่านเขียนอยู่ไม่กี่บท  แต่ละบทก็มีค่าควรแก่การรวบรวมไว้  สำหรับคนรุ่นหลังไว้ศึกษาด้านกวีนิพนธ์  โดยเฉพาะบทกวีการเมือง  
  
    นอกจากเขียนถูกหลักฉันทลักษณ์ตรงเผงไม่มีพลาด  คุณมีชัยเขียนกลอนมีสัมผัสนอกสัมผัสในแพรวพราว ตามแบบของกลอนสุนทรภู่  บอกความจัดเจนของผู้แต่ง   ส่วนเนื้อหากับคารมก็คมคาย มีลูกเล่นชั้นเชิง สมเป็นงานวรรณศิลป์
ดิฉันจึงพยายามรวบรวมเท่าที่อินทรเนตรจะสอดส่องหามาให้ได้     ถ้าท่านใดเจอบทกลอนของคุณมีชัยนอกเหนือจากที่ดิฉันนำมาลงไว้  กรุณาเพิ่มเติมในกระทู้นี้ด้วยจะขอบคุณมาก


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:05
   เริ่มด้วยบทล่าสุด เขียนจบสดๆร้อนๆ
   คุณมีชัยเล่าทำนองนิทาน  ว่าด้วยเรื่องอินเทรนด์คือเรื่องน้ำท่วม  ชื่อว่า "พระมะเหลเถไถ   ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน"
 
    จะจับข่าวกล่าวเรื่องที่เมืองใหม่        คนทั่วไปประพฤติผิดเป็นนิสสัย
ฟ้าพิโรธโกรธขึ้งปังปึงไป                  บันดาลให้น้ำท่วมอ่วมอุรา
   ทั้งเหนือกลางข้างใต้หนีไม่พ้น          น้ำหลั่งล้นเชี่ยวแรงถึงแข้งขา
มีบางแห่งพรูพรั่งถึงหลังคา                ทั้งเสื้อผ้าอาหารพานบรรลัย
   จะกล่าวถึงสาวงามตามบ้านช่อง        เดินกระย่องลุยแหวกแบกหม้อไห
เพราะน้ำท่วมเลยขาอ่อนจนอ่อนใจ        ขาอ่อนกูคงบรรลัยในครั้งนี้
   สู้อุตส่าห์ถนอมเฝ้ากล่อมเกลี้ยง        คอยหลีกเลี่ยงมิให้ใครมาใกล้ที่
ใครเขาบอกตอกย้ำตำราดี                 จะกิน-ทา กี่ปีก็ทนยอม
   ทั้งอวบอ้วนยวนตามาแต่น้อย              อันริ้วรอยคอยปัดเป่าเฝ้าถนอม
หากริ้นยุงมุ่งหน้าจะมาดอม                ไม่เคยยอมให้ใครได้ชายตา
   มาบัดนี้ชีช้ำระกำจิต                      น้ำท่วมมิดขุ่นข้นถึงโคนขา
จะไปไหนไม่มีเรือเหลือระอา                 ถลกผ้าย่ำน้ำจนช้ำใจ


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:06
    โอ้อนาถวาสนาชะตาสาว               ขาขาวขาวกลับมาคล้ำน้ำตาไหล
น้ำสูงขึ้นทุกวันทำฉันใด                     จะมีใครช่วยแก้คันให้ฉันที
    ทั้งน้ำขุ่นน้ำท่าดูน่าพรั่น                 โคนขาฉันคงย่นจนป่นปี้
เคยเป็นลอนอ่อนขาวราวหัวปลี             อีกกี่ปีจึงจะฟื้นคืนเหมือนเดิม
    ถึงหมั่นเช็ดหมั่นทำความสะอาด        ใช้แป้งโปรยโรยไม่ขาดคอยแต่งเสริม
แต่ถูกน้ำย่ำไปมาไม่ช้าเริม                  กระจายเพิ่ม จนต้องเกาทุกเช้าเย็น
    เฝ้าสะทกสะท้อนนอนไม่หลับ          ใครจะดับทุกข์ได้มองไม่เห็น
ต้องครวญคร่ำร่ำหาน้ำตากระเด็น           เสียงครางฮือไม่ว่างเว้นแต่ละวัน
    จะกล่าวถึงตาหานชาญฉลาด           แกเปรื่องปราดไม่ย่อย่นคนขยัน
เป็นหัวหน้ารัฐบาลคนสำคัญ                จึงมุ่งมั่นห่วงใยในประชา


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:08
  ได้ยินเสียงครวญครางอย่างรันทด           เดินเลี้ยวลดออกมาฟังนั่งหน้าท่า
แว่วสำเนียงเสียงไห้หวนชวนเมตตา           จึงรู้ว่ามีประชาถึงคราเคราะห์
  รีบหยิบร่วมสรวมกางเกงกุยเฮงโก้           สั่งลูกน้องหมุนโทร.หาเสนาะ
อย่ามัวแต่หาเรื่องเคืองทะเลาะ                ให้จัดแจงแต่งเกราะแล้วรีบมา
  สั่งให้รถกันกระสุนเริ่มอุ่นเครื่อง              แล้วย้ายเยื้องนำหน้าเหล่าอาสา
ฝ่าย ม.ท.และหมอก็ยาตรา                   ส่วนที่เหลือให้ตามมาอย่าช้าที
  รถขบวนนำหน้าเพียงห้าชั้น                  มอเตอร์ไซค์สี่คันปั่นเร็วรี่
เสียงไซเรนโหยหวนไม่ยวนยี                 เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงกัน
  เรียกประชุมทันใดไม่รอช้า                  เชิญทุกท่านเอ่ยวาจาอย่าได้หวั่น
เพื่อจะได้แก้ไขให้ฉับพลัน                    คนที่คันรออยู่อย่าอู้งาน


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:09
     สาธารณสุขปลุกใจให้แกล้วกล้า        เอ่ยวาจาว่าเธอคงน่าสงสาร
ขืนปล่อยไว้เลือดห้อทรมาน                  ผู้เชี่ยวชาญจะรีบหามาโดยไว
     จะสั่งยาจากเมืองนอกบอกยี่ห้อ         แต่ต้องของบประมาณผ่านมาให้
ไม่มากน้อยร้อยล้านไม่บานไกล              คงจะช่วยชาวเมืองใหม่ได้ไม่น้อย
     ฝ่ายกระทรวงวิทยาศาสตร์ไม่อาจกลั้น  ปากคอสั่นเพราะไม่ได้พูดบ่อย
กระอึกกระอักพยักพเยิดเปิดปากคอย        ผมขอร้อยห้าสิบล้านเพื่อการนี้
     จะสั่งให้นักวิจัยเอาไปคิด                ค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ให้เป็นศรี
ถ้าคิดออกจะฟูเฟื่องกระเดื่องดี               ทาทุกปีแล้วจะฟื้นกลับคืนคง
     ฝ่ายศึกษาฯอ้าแขนแอ่นอกรับ           การจะดับความทุกข์นี้เรื่องขี้ผง
ก่อนจะล้างน้ำด่างไงเอาใส่ลง                เดินหย่งหย่งสองสามเดือนก็เหมือนเดิม
     สร้างหลักสูตรวิชาอาจารย์สอน          ตั้งแต่เด็กเล็กอ่อนสอนให้เริ่ม
พอโตหน่อยหลักสูตรเปลี่ยนคอยเวียนเติม   เพียงขอเสริมห้าร้อยล้านงานจะดี


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:11
     ฝ่าย มท.รอจังหวะจะเสนอ             ผมเคยเจอบ่อยเลยไม่เคยหนี
ใช้ขมิ้นสมุนไพรในพงพี                     พอแห้งทาไม่กี่ทีก็นวลใย
     แต่การนี้ต้องส่งเสริมเพิ่มอาชีพ        ให้คนรีบเพาะพันธุ์ปลูกกันใหม่
เพียงจังหวัดละห้าล้านหว่านลงไป          ชาวประชาสุขใจได้เงินทอง
     ฝ่ายทบวงล่วงมา กว่าห้าทุ่ม           อย่างสุขุมลุ่มลึกฝึกสมอง
ไม่อยากจะเปิดศึกจึงตรึกตรอง              ผมขอร้องให้มหาวิทยาลัย
     เพราะเขามีอาจารย์ดีทุกที่ถิ่น           อันความรู้รู้สิ้นอย่าสงสัย
เขาจะออกแนะนำเดินย่ำไป                  สองร้อยล้านปันมาให้เป็นได้การ

     กลาโหมจู่โจมโถมเข้าใส่                ยามมีภัย แห้ง-เปียก เรียกทหาร
กำลังพลมีอวดทั้งยวดยาน                   กับชาวบ้านเป็นมิตรสนิทกัน
จะเป็นไรภัยแค่นี้มีหรือท้อ                    ทั้งเรือ ฮ. พอแบ่งอย่างแข็งขัน
สามร้อยล้านงบลับสลับกัน                   ไม่กี่วันทั้งแผ่นดินหมดสิ้นภัย


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:12
     กระทรวงคลังนั่งดูอยู่ไม่ห่าง            หน้าซีดจางทำท่าน้ำตาไหล
นั่งบวกลบงบประมาณบานตะไท            จะไปเอาที่ไหนมาให้มึง
     กะอีแค่คันขาอ่อนนอนไม่หลับ          ก็ไล่งับงบประมาณควานกันหึ่ง
สมุนไพรทาหนเดียวเดี๋ยวก็ตึง               สิบสลึงกูออกให้ไม่ง้อมัน
   
     ฝ่ายตาหานหว่านล้อมตะล่อมศึก       นี่ก็ดึกเกินไปไก่จะขัน
ข้อเสนอมากมายหลายฝ่ายกัน              ตัดสินพลันคงไม่ชอบรอบคอบดี
     เอายังงี้ก็แล้วกัน ทั่นทั้งหลาย          ไม่ให้เรื่องบานปลายจนยู่ยี่
ตั้งคณะกรรมการบานบุรี                      ไปไตร่ตรองสักปีอย่ารีรอ
     อนุกรรมการมือดีที่จัดจ้าน               คณะทำงานมากมีตามที่ขอ
เบี้ยประชุมให้ไปให้เพียงพอ                 ทั้งพวกหมอพวกอาจารย์เต็มบ้านเมือง
 


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:14
     ส่วนอีหนูอยู่นี่ไปก็ไกลนัก              ไปกับฉันสักพักก็สิ้นเรื่อง
การเดินทางอยู่กินไม่สิ้นเปลือง              ที่แสบคันระคายเคืองไม่ต้องกลัว
     ฉันจะดูแลแผ่เมตตาอาทรเฝ้า          ทุกเย็นเช้าจะหายาทาให้ทั่ว
ไม่กี่วันที่คันหายสบายตัว                    ที่หม่นมัวคงหายอีกไม่นาน
     พอเสร็จสรรพระงับเรื่องปลดเปลื้องทุกข์       ให้โฆษกรีบลุกไปส่งสาร
เพื่อบอกกล่าวประชาชนถึงผลงาน          ทุกข์ชาวบ้านเราแก้ไขไม่รีรอ
     พอเสร็จงานบานใจไปทั่วหน้า          ไม่ชักช้าคืนหลังยังเรือนหอ
ในท่ามกลางคนนัวเนียที่เคลียคลอ          ยกยอล้วนเปรมปลื้มลืมไม่ลง
    เสียงโหยหวนครวญคร่ำย้ำว่าแสบ      เสียงไซเรนวับแวบจนเสียงหลง
ผสมผสานซ่านใจได้แต่ปลง               มะเหลไถได้แต่ งง ลงตีแปลง

                                                  มีชัย ฤชุพันธุ์


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:16
                                สวัสดีปีใหม่ 2553

     เรายังเป็นคนไทยกันอยู่หรือ ?             เป็นคนไทยที่เขาลือว่ายิ้มง่าย
เป็นคนไทยที่เกาะเกี่ยวไม่เดียวดาย            เป็นคนไทยไม่ทำลายสังคมไทย
     เป็นคนไทยที่ใจดีมีน้ำจิต                   เป็นคนไทยที่เป็นมิตรกับคนได้
เป็นคนไทยที่อบอุ่นละมุนละไม                 เป็นคนไทยที่เอื้อเฟื้อแผ่เผื่อกัน
      เป็นคนไทยที่ใครใครเขาอิจฉา            ประเทศชาติพัฒนาเกินกว่าฝัน
พระประมุขทรงพระคุณอเนกอนันต์              พระทรงธรรมให้ร่มเย็นเป็นสุขใจ
       เรายังเป็นคนไทยกันอยู่หรือ ?            ที่เขาลือยังมีอยู่ดีไหม ?
จะทิ้งความร่มเย็นความเป็นไทย                 จะห้ำหั่นให้บรรลัยกระไรฤา ?
       จะขายชาติขายแผ่นดินให้สิ้นชาติ        เพราะเห็นแก่เงินบาทเขากวาดซื้อ
แล้วจะตอบลูกหลานว่านั่นคือ                   เป็นฝีมือของคนไทยในยุคนี้ ?
      จะเอาหน้าไปไว้ไหนในวันหน้า            ให้ลูกหลานก่นด่าจนป่นปี้
ไม่รักษาแผ่นดินไทยไว้ให้ดี                      เขาจะชี้นิ้วมาด่าประจาน
       เก็บสังคมอันอบอุ่นให้รุ่นลูก               ช่วยกันปลูกความรักสมัครสมาน
สร้างน้ำใจไมตรีที่เจือจาน                        ความร้าวฉานสิ้นไปในสิ้นปี
       ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่                        ขอให้ไทยคงเป็นไทยได้คงที่
สุขสำราญรู้รักษ์สามัคคี                           สมวจีที่เขาลือระบือนาม


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:17
เมื่อแม่เจ้าเกิดมาตาแสนรัก                       
เฝ้าฟูมฟักจนเติบใหญ่ให้ศึกษา
ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมา
เป็นเสมือนแก้วตาและดวงใจ
 
มาบัดนี้เขาเติบใหญ่ให้กำเนิด
ยามเจ้าเกิดเหมือนปลุกจิตชีวิตใหม่
เป็นยามที่ยายตาชราวัย
ในหัวใจเริ่มเฉื่อยชาล้าเต็มทน
 
เพียงเห็นเจ้าตัวกระจ้อยคอยอ้อแอ้
ความรู้สึกซ่านแผ่ทุกขุมขน
ความรักที่เคยมีล้นท้นกมล
ในบัดดลถ่ายสู่เจ้าเท่าทวี
 
ชีวิตเริ่มตื่นเต้นดังเช่นเก่า
เคยเงียบเหงากลับพลันขมันขมี
ถึงจะเหนื่อยยากบ้างในบางที
เจ้าวิ่งรี่หาตายายก็หายพลัน
 
เมื่อยามเจ้าป่วยไข้ร้องไห้จ้า
พลอยให้ตาหวั่นไหวหัวใจสั่น
เจ้ายามเจ้าพูดจ้อพ้อรำพัน
เหมือนดนตรีจากสวรรค์มาประทาน
 
เป็นสายเลือดสายสัมพันธ์อันซาบซึ้ง
เป็นที่พึ่งกันและกันฉันตาหลาน
ตาให้ความอบอุ่นละมุนมาน
เจ้าบันดาลให้ตารื่นชื่นอารมณ์
 
แต่ชีวิตมนุษย์ไม่หยุดที่
ผ่านวันปีเจ้าเติบกล้าสง่าสม
ตากับยายล้วนใกล้ฝั่งรังแต่จม
อยู่ชื่นชมเจ้าได้อีกไม่นาน
 
จึงสอนสั่งความไว้ให้รู้คิด
อันชีวิตต้องรู้ก่อและทอสาน
รู้เหนี่ยวรั้งรู้จังหวะรู้ประมาณ
การศึกษาวิชาการจะช่วยตน
 
จะคบใครใส่ใจดูให้ทั่ว
อย่าเผลอคบคนชั่วให้เสียผล
มีศีลธรรมกตัญญูรู้คุณคน
ต้องอดทนมานะพยายาม
 
อันโลกกว้างวันข้างหน้ายากกว่าคิด
เศรษฐกิจจะแข่งขันกันล้นหลาม
ต้องรู้จักเพ่งพินิจและติดตาม
รู้ถึงความเคลื่อนไหวในทุกการณ์
 
ชีวิตเจ้ายามเติบใหญ่จึงไม่ง่าย
ต้องเรียนรู้มากมายมหาศาล
ไม่มีใครช่วยคุ้มกันหรือบันดาล
หากล้มลงคงต้องคลานขึ้นมาเอง
 
ณ วันนี้ตายังอยู่ดูแลเจ้า
ยามโศกเศร้าทุกข์ระทมถูกข่มเหง
มีตาอยู่เคียงข้างไม่วังเวง
จึงควรเร่งเพียรกระทำแต่กรรมดี
 
สักวันหนึ่งถึงเวลาตาลาจาก
เจ้าต่างหากจะต้องอยู่สู้ที่นี่
เจ้าต้องหมั่นศึกษาหาวิธี
หาทางหนีทีไล่ไม่ล้มคลาน
 
เมื่อวันที่ไม่มีตามาอยู่ใกล้
เจ้าจักได้เดินก้าวอย่างกล้าหาญ
มีชีวิตหนักแน่นมีหลักการ
มีรากฐานพร้อมเมตตาและปราณี
 
เมื่อถึงคราที่ตาจะไปลับ
ชีวิตกลับคืนสู่ดิน ณ ถิ่นที่
ได้เห็นเจ้าโดดเด่นเป็นคนดี
เพียงเท่านี้ก็จากไปไร้กังวล
 
จากตา
มีชัย ฤชุพันธุ์
16 พฤษภาคม 2542


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:23
     ลูกรัก                                    พ่อฟูมฟักราวกับไข่อยู่ในหิน
เจ้าอยากได้สิ่งใดหาให้กิน                  ไม่ต้องดิ้นให้เหนื่อยยากลำบากกาย
     เมื่อรู้ความตามใจสารพัด               ไม่เคยขัดสิ่งจรุงที่มุ่งหมาย
จะสิ้นเปลืองเท่าใด ไม่เสียดาย             ใครกระทบแม้เพียงชายยังขัดเคือง
    อันเงินทองมากน้อยคอยจัดสรร         ให้เหนือคนทุกชั้นในทุกเรื่อง
บารมีพ่อเจือจานทั้งบ้านเมือง                เจ้าอ่าโอ่โตเขื่องประเทืองใจ
     ลูกเอ๋ย                                   กระไรเลยก่อเหตุเภทภัยใหญ่
ยังมีแต่อารมณ์ไม่สมวัย                      ต้นตระกูลจะบรรลัยในครั้งนี้
     ให้ทำการงานใดเป็นได้เรื่อง            จนมีเหตุต่อเนื่องไปทุกที่
ไม่คบหาปะปนกับคนดี                       อันธพาลบรรดามีคลุกคลีกัน
     เที่ยวอวดเบ่งไม่เกรงใจกับใครทั่ว       อันความชั่วกลั้วเกลือกไม่เลือกสรร
พ่อต้องเที่ยวแก้ไขไม่เว้นวัน                  ต้องพากันอดสูหดหู่ใจ
     ลูกพ่อ                                     พ่อก็เฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจใส่
โอ้กรรมเวรเบนผันไปฉันใด                   ไม่เข้าใจใยจึงเป็นไปเช่นนี้????


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 20:25
     พ่อครับ                                   ลูกจะกลับตัวได้อย่างไรเล่า
พ่อทำแบบอย่างให้แต่วัยเยาว์               จึงไม่เข้าใจวิถีแห่งชีวิต
     พ่อคอยให้แต่เงินทองของโก้หรู        ไม่เคยชี้ให้ดูว่าถูกผิด
ไม่เคยให้เวลามาใกล้ชิด                     คนสุจริตพ่อเคยด่าว่าโง่งม
     ผมคบเพื่อนเชือนแชแส่หาเรื่อง         ใช้เงินเปลืองหว่านไป พ่อให้ถม
พ่อมีเงินมากมายไม่ล่มจม                    แถมยังชมรู้จักหาบารมี
     ผมยิงใส่ผู้คนจนแทบดับ                 พ่อออกรับว่าไอ้นั่นมันใส่สี
ผมเข้าผับกินเหล้าเคล้านารี                  พ่อว่าดีรู้จักหาประสบการณ์
     ผมจะทำงานใดพ่อไม่ห่าง               อยู่เคียงข้างเป็นธุระคอยประสาน
เรื่องวิ่งเต้นรั้งเหนี่ยวพ่อเชี่ยวชาญ           ตำแหน่งงานผมรุดหน้าเหนือกว่าใคร
     พ่อชื่นชมบารมีที่ผมสร้าง               พ่อชื่นชมความกร่างความยิ่งใหญ่
มาบัดนี้พ่อจะจับผมกลับใจ                   เหมือนดัดไม้เมื่อต้นแก่ ให้แปรพันธุ์
     พ่อเลือกพันธุ์ปลูกต้นไม้และให้น้ำ      คอยตอกย้ำจนโตใหญ่ดังใฝ่ฝัน
จะหวังให้เถามะระต้นมะดัน                  เปลี่ยนแปรพันธุ์เป็นต้นรังได้ดังฤา
     ผมจึงเป็นดังเช่นที่เป็นอยู่               ไม่เคยรู้ผิดถูกเหมือนลูกดื้อ
ยังจะสร้างความป่วนปั่นลั่นระบือ             ให้คนลือว่ายิ่งใหญ่ในแผ่นดิน

                                                  มีชัย ฤชุพันธุ์
                                                     ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๑


กระทู้: บทกวีของมีชัย ฤชุพันธุ์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 21:06
        จาก มติชน วัน อังคาร ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2549
   เป็นส่วนหนึ่งของบทความของนายปรีชา สุวรรณทัต เพื่อนร่วมรุ่น 2501 คณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เขียนถึงเพื่อนร่วมรุ่นคือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีกระแสข่าวว่าจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธาน สนช.

        ในวันงานพบปะสังสวรรค์ประจำปีของชมรม นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่น 2501 ที่สมาคมธรรมศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว มีเพื่อนๆ รวมทั้งครอบครัว มาร่วมงานหลายร้อยคน  นิติ มธ.01 นั้น มีเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนกันมาแล้วแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ แตกต่างกันไปหลากหลาย เช่น คุณชวน หลีกภัย คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ คุณสมัคร สุนทรเวช และคุณพีระพงศ์ อิศรภักดี คุณสมลักษณ์ จัดกระบวนพล และคุณอุระ หวังอ้อมกลาง
        จุดเด่นของงานในวันนั้นได้มีการอ่านคำกลอน 01 ที่คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นผู้แต่ง โดยคุณอดุลย์ ซาลวาลา ขึ้นเวทีไปร่ายคำ
กลอนบทนี้     ใครๆ ที่ได้อ่าน ได้ฟังคำกลอนนี้แล้ว จะเกิดความรู้สึกจับใจเพราะตรงกับตัวตน ความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนๆ ทุกๆ คน โดยเฉพาะผู้แต่งด้วย กล่าวได้ว่าแม้งานเลิกแล้ว แต่ความประทับใจก็ยังฝังอยู่ แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความโปร่งใส ตัวเบา
คำกลอนของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ มีความดังนี้ครับ

ศูนย์หนึ่ง

     จากศูนย์หนึ่ง ถึงวันนี้ หลายปีแล้ว           เคยแฉล้ม แจ่มแจ๋ว กลับโรยร่วง
ต่างชีวิต ต่างเดินย่ำ ไปตามดวง                  ล้วนผลพวง แห่งกรรม โน้มนำไป
     บ้างมั่งมี ศรีสุข ไร้ทุกข์โศก                   บ้างป่วยไข้ ได้โรค จนสิ้นขัย
บ้างใหญ่โต โอ่อ่า เหนือกว่าใคร                  บ้างยากไร้ ต่ำเตี้ย ละเหี่ยทรวง
     ใครจะใหญ่ จะโต โอฬาริก                   ใครจะพลิก อื้อฉาว เป็นดาวร่วง
ใช่จะเปลี่ยน ความหลัง เราทั้งปวง                ความเป็นเพื่อน ใช่จะล่วง ไปตามวัย
     ในหน้าที่ บางครั้งมี ที่แตกต่าง               อาจจะอยู่ ตรงกันข้าม บ้างก็ได้
หมดภาระ ไยจะเก็บ ความเจ็บใจ                  หากทิ้งได้ ทิ้งให้เลือน เพราะเพื่อนกัน
    มาบัดนี้ วัยชรา มาถามไถ่                      จะไปหา เพื่อนใหม่ ที่ไหนนั่น
มีชีวิต อยู่ไป ไม่นานวัน                             ความผูกพัน พึ่งพิง อย่าทิ้งเลือน
     จากศูนย์หนึ่ง ถึงวันนี้ หลายปีแล้ว            อันความรัก ผูกพัน อย่างฉันเพื่อน
เป็นเหมือนหนึ่ง โยงใย ไว้คอยเตือน              เพื่อนคือเพื่อน ยากจะหา มาทดแทน