เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 12:28



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 12:28


        ประชุมเรื่องพระราม

ไทยเขษม ปีที่ ๗  เล่ม ๑๐  วันที่  ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓

มีอยู่ ๕ ตอน คือ

ทศรสชาดก

อัทกุตะรามายณะ

ทูตองคท

มหิราพณ์ปาลา

มยิลิราวณัน  กไต         หน้า ๑๒๕๒

       


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 12:42


        มี "ไทยเขษม" อยู่  ๑๗ เล่ม   ได้ตั้งโต๊ะไว้ต่างหากเผื่อสหายที่สนใจจะได้ค้นคว้า

พบเรื่องต่างๆมากมี    ที่ต้องนำมาเล่ากันเพราะหาอ่านยาก  และสนุกสนานเป็นความรู้อย่างแท้จริง

ท่านที่มีหนังสือไทยเขษม หรือผ่านตามา  เชิญท่านผ่านทางไปโดยสวัสดิภาพ     จุดประสงค์ของ

การเล่านี้ก็เพื่อคุยกันถึงเรื่องรามเกียรติ์ที่ไม่ได้มาจากคัมภีร์ของวาลมีกิ    คงมาจากหลายคัมภีร์

        ด้วยความเคารพ เสฐียรโกเศศ และ นาคะประทีป    จึงจะคัดลอกอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้

และขอย่อความบางตอนเพื่อให้กระทู้ไม่ยาวนานจนเกินกำลังของผู้อ่าน


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 12:52


คำชี้แจง


มยิลิราวณัน  เป็นพากย์ทมิฬ  แปลว่าเรื่อง ราพย์นกยูง (อสูรตนนี้ทรงอุณหิษปักหางนกยูง)

แยกศัพท์เป็น  มยิล (นกยูง)  _อิ_ราวณัน ;     กไต  คือ  กถา

เป็นเรื่องอยุ่ใน ปกรณ์ทมิฬ

เรียงเป็นภาษาไทยตามคำบอกเล่าของท่านพราหมณ์ ป. สุพรหมัณยศาสตรี  แห่งราชบัณฑิตยสภา



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 13:06


        ทศกัณฐ์ เสียทหารทั้งนายไพร่ไปเป็นอันมากแล้ว   จึงเรียกประชุมเสนาอมาตย์ว่าจะ

ปราบปรามการสงครามอย่างไรดี      อมาตย์ผู้หนึ่งแนะว่า  ทศกัณฑ์มีทายาท ชื่อ  มยิลิราวณัน  อยู่ในบาดาล

จะขอให้ช่วยก็ได้

        ทศกัณฑ์เห็นชอบด้วย   จึ่งระลึกถึง    ทันใดนั้น มยิลิราวณัน มาปรากฎแก่จักษุ  และทูลถามว่า

ไฉนป้อมปราการประตูหอรบลงกา  จึงพังทะลาย         ทศกัณฑ์ก็เล่าเรื่องให้ฟัง      มยิลิราวณันรับอาสาว่าจะเอาพระรามไปถวายพลีแก่เจ้าแม่กาลี


        ระหว่างนั้นพระพายุไปบอพญาพิเภษณ์ว่า   จะมีการลักตัวพระรามพระลักษณ์       พิเภษณ์ขอให้หนุมานไปทำการเฝ้ายามรักษาพระองค์

หนุมานแผลงฤทธิฺยื่นหางไปพัรพลับพลาโดยรอบ ๆ  ซ้อนกันเป็นป้อมขนมแน่นทึบ   แม้แต่แมลงวันหรือมดก็เล็ดลอดเข้าไม่ได้



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 05 ม.ค. 12, 13:38
หน้าตาหนังสือ มยิลิราวณัน กไต ฉบับดั้งเดิม ภาษาทมิฬ ;D




กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 13:44

        มยิราวณันกลับไปบาดาล   เห็นเป็นเรื่องเล็ก ๆ  จึงส่งเสนาผู้ใหญ่ให้ไปเอาองค์พระรามพระลักษณ์มา

มหาเสนาก็ยกกองขึ้นไป   พยายามจะแทรกหางหนุมานเข้าไป    แต่ถูกหางเบียดบดร่างกายบี้แบน  

บ้างกระดูกแตกละเอียด   ไม่สามารถจะเข้าไปได้   ก็พากันกลับไปรายงาน       ท้าวราพณ์ลองไปดูเองเห็นว่าจะเข้าไปไม่ได้แน่  

จึงแปลงกายเป็นพิเภษณ์ทำเป็นไปกำชับให้หนุมานระวังอย่างกวดขัน   แล้วขอเข้าไปตรวจตราหน้าที่   หนุมานก็อ้าปากให้เข้าไปทางนั้น

มยิลิราวณันก็ลักตัวพระรามพระลักษณ์ใส่หีบถือออกมา    แล้วลงไปบาดาล


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 13:55


        ขอบคุณ คุณหลวงเล็กค่ะ       ท่านเป็นผู้มีวาสนาสูงส่งยากจะหาผู้เทียมทัน

จะเหลียวไปทางใดก็มีหนังสือเก่าอยู่รอบกาย  แทบจะเล่าสู่กันฟังว่ามีบุญหล่นทับ

ขอให้ห้องสมุดส่วนตัวที่กำลังสร้างเสริมขึ้นใหม่จงเจริญก้าวหน้า   เก็บอย่างละสองเล่มคงเพียงพอ

สำหรับการใช้งาน


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 05 ม.ค. 12, 13:56


        ทศกัณฐ์ เสียทหารทั้งนายไพร่ไปเป็นอันมากแล้ว   
จึงเรียกประชุมเสนาอมาตย์ว่าจะปราบปรามการสงครามอย่างไรดี     
อมาตย์ผู้หนึ่งแนะว่า  ทศกัณฐ์มีทายาท ชื่อ  มยิลิราวณัน 
อยู่ในบาดาล  จะขอให้ช่วยก็ได้

        ทศกัณฐ์เห็นชอบด้วย  จึ่งระลึกถึง  ทันใดนั้น มยิลิราวณัน
มาปรากฎแก่จักษุ  และทูลถามว่า  ไฉนป้อมปราการประตูหอรบลงกา 
จึงพังทะลาย  ทศกัณฐ์ก็เล่าเรื่องให้ฟัง    มยิลิราวณันรับอาสาว่า
จะเอาพระรามไปถวายพลีแก่เจ้าแม่กาลี


ภาพประกอบการเล่าเรื่อง
ภาพซ้าย  ราวณะปรึกษากับอมาตย์
ภาพขวา  มยิลิราวณันเข้าเฝ้าราวณะ


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 05 ม.ค. 12, 14:11

        มยิราวณันกลับไปบาดาล   เห็นเป็นเรื่องเล็ก ๆ  จึงส่งเสนาผู้ใหญ่
ให้ไปเอาองค์พระรามพระลักษณ์มา  มหาเสนาก็ยกกองขึ้นไป  
พยายามจะแทรกหางหนุมานเข้าไป    แต่ถูกหางเบียดบดร่างกายบี้แบน  
บ้างกระดูกแตกละเอียด   ไม่สามารถจะเข้าไปได้   ก็พากันกลับไปรายงาน      
ท้าวราพณ์ลองไปดูเองเห็นว่าจะเข้าไปไม่ได้แน่   จึงแปลงกายเป็นพิเภษณ์
ทำเป็นไปกำชับให้หนุมานระวังอย่างกวดขัน   แล้วขอเข้าไปตรวจตราหน้าที่  
หนุมานก็อ้าปากให้เข้าไปทางนั้น

มยิลิราวณันก็ลักตัวพระรามพระลักษณ์ใส่หีบถือออกมา    แล้วลงไปบาดาล

ภาพประกอบ
ภาพบนซ้าย  พิเภษณ์เข้าเฝ้าทูลพระรามพระลักษมณ์ว่า
มยิลิราวณันจะมาลักพาทั้งสองพระองค์ไปจากพลับพลา

ภาพบนขวา  มยิลิราวณันเข้าไปลาชายา?

ภาพล่างซ้าย  มหาเสนากลับเฝ้าทูลมยิลิราวณันทราบเรื่อง
ที่ไม่สามารถเข้าไปลักพาพระรามพระลักษมณ์จากการคุ้มกันของหนุมานได้

ภาพล่างขวา  มยิลิราวณันแปลงเป็นพิเภษณ์เข้าไปลวงหนุมาน
แล้วลักพาพระรามพระลักษมณ์ลงใส่หีบออกมาจากพลับพลา


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 05 ม.ค. 12, 14:19


        ขอบคุณ คุณหลวงเล็กค่ะ       ท่านเป็นผู้มีวาสนาสูงส่งยากจะหาผู้เทียมทัน

จะเหลียวไปทางใดก็มีหนังสือเก่าอยู่รอบกาย  แทบจะเล่าสู่กันฟังว่ามีบุญหล่นทับ

ขอให้ห้องสมุดส่วนตัวที่กำลังสร้างเสริมขึ้นใหม่จงเจริญก้าวหน้า   เก็บอย่างละสองเล่มคงเพียงพอ

สำหรับการใช้งาน

       ขอบคุณที่ยอมา  ตอนนี้ก็ซ่อมห้องสมุดไปได้พอสมควร
เพิ่งไปรับบุญจากท่านผู้มีจิตเป็นพรหมเมื่อไม่นานมานี้ 
เล่นเอาแขนตึงไหล่ยอกหลายวัน  นี่ยังไม่นับที่เพิ่งไปเสาะหามาเพิ่มเองอีก
ตอนนี้เก็บอย่างละสองเล่ม ท่าจะไม่พอ  เพราะเก็บแยกเป็นสองที่ด้วย
เห็นถ้าจะต้องทวีคูณขึ้นอีก (หรือเปล่า?)


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 14:20

        ลำดับนั้น  พญาพิเภษณ์  เมื่อได้เวลาถึงยามปลอด   ได้ไปสนทนาสืบเหตุการณ์ที่หนุมาน

หนุมานแปลกใจจึ่งถามว่า  เมื่อกี้นี้ก็มาตรวจยามทีหนึ่งแล้ว   ล่วงเวลายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  ไฉนมาถามอีก

พญาพิเภษณ์ยิ่งประหลาดใจหนักขึ้น   รีบเข้าไปดูในพลับพลาที่ประทับ  ไม่เห็นองค์พระรามพระลักษณ์

ก็รู้ว่าถูกศัตรูเล็ดรอดเข้ามาลักสององค์ไปแล้ว        ทั้งพลับพลาก็โศกาอาดูรครวญคร่ำปรับทุกข์กันไม่เป็นสมฤดี


       พญาพิเภษณ์ได้สติ   สั่งหนุมานให้ไปตามในบาดาล    และชี้ทางไปบาดาลว่า   ที่กลางทะเลมีบัวทะเลใหญ่

มีดอกบัวมหึมา   ต้องลงไปทางหลอดดอกบัวนั้น          เมื่อถึงบาดาลแล้วจะพบป้อมไฟกาฬ   ยอดป้อมมีรากษส

ชื่อมัจฉครรภเป็นผู้รักษา     ซึ่งใคร ๆ จะเอาชนะมิได้   มีรากษสสองแสนเป็นบริวาร


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 16:40

     
        มีสระน้ำอยู่นอกเมืองอีกป้อมหนึ่ง    ชาวบาดาลจะออกไปตักน้ำที่นั่น   เมื่อตักน้ำแล้ว  จะกลับเข้าป้อมอีก   ต้องให้เจ้าหน้าที่

ชั่งตัวตรวจน้ำหนัก       ถ้าหนุมานล่วงป้อมนั้นได้  จะได้เห็นตัวเมือง

        หนุมานสาบานว่า   ถ้าเชิญองค์พระรามพระลักษณ์กลับคืนมาสู่พลับพลามิได้   ก็ไม่ขออยู่ดูหน้าโลก  จะฆ่าตัวตายเสียในบาดาล

จึ่งรีบออกไปตามทางที่พญาพิเภษณ์บอก        ไปจนถึงดอกบัว      ไปเห็นป้อมไฟกาล   ที่มีเปลวเพลิงรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ฮือ ๆ

หนุมานฆ่ารากษสสองแสนเรียบ

        ในที่สุดมัจฉครรภ์ผู้ขุนพลก็ออกมารบ   ฝีมือเข้มแข็งทัดเทียม  แสดงฤทธิ์ประหัตประหารเปลี่ยนทำนองรบ      ต่างหักโหมกำลังกันไม่ลง

หนุมานผู้ต้องสู้รบมาหลายระยะแล้ว  รู้สึกเหนื่อยอ่อนเต็มที   ขอพักรบ         

        และออกปากถามโดยดีว่าเป็นลูกเต้าเหล่ากอใคร      บิดามารดามีชื่อว่าอะไร


        ในชั้นแรก   มัจฉครรภ์ปฎิเสธ   และปรามาสว่าไม่สามารถต่อกรแล้วฤา      จึงมาล่วงถามถึงโคตรเค้าเหล่าตระกูล

แต่หนุมานทำไขสือในข้อนั้น   คงวิงวอนให้บอกวงศ์วาน          มัจฉครรภ์ทนวิงวอนมิได้    จึงสำแดงประวัติตนว่า

บิดาชื่อหนุมาน   มารดาเป็นปลาชื่อ ติมิติ

(สันสกฤต  ว่า  ติมิติมิงคล   เป็นปลาใหญ่เหลือขนาด   ทมิฬตัดเอาชื่อมาเรียกครึ่งเดียว) 


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 05 ม.ค. 12, 17:48
 


        หนุมานตกตะลึง   เพราะรู้สึกอยู่เสมอว่าตนเป็นพรหมจารี   ไฉนจึ่งมีลูกเป็นรากษสนี้

พลางควบคุมสติระลึกถึงเหตุการณ์ในหนหลัง    เห็นเหตุอยู่ราง ๆ ว่า    เวลาตนเข้าไปในเมืองลงกา

ขึ้นไปยังปราสาททศกัณฐ์ในเวลาดึกสงัด     เห็นเหล่ารากษสีนางในนอนกลิ้งหลับใหลไม่สำรวมกาย

บางทีใจลอยไปในเวลานั้น   เป็เหตุให้มีลูกได้เลยหรือไฉน      จึ่งร้องถามมัจฉาครรภดูอีกทีว่า   

"ก็ไหนชาวโลกยกย่องหนุมานว่าเป็นนิตยพรหมจารี   แต่ทว่าเขามีเมียด้วยหรือ"


        มัจฉครรภแถลงเหตุว่า   เมื่อตอนไปลงกา    เวลาที่หนุมานผลุดพ้นออกไปจากปากนางรากษสี ชื่อ  เว็ฏไก ( สํสกฤตว่า   สึหิกา, ผีเสื้อสมุทร)

มัเหื่อแตกมาก    หนุมานได้ปาดน้ำเหงื่อทิ้งลงไปในทะเล        ปลาขื่อติมิติกลืนเข้าไปก็มีลูก    คือตัวมัจฉครรภ



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 10:33


        หนุมานปลื้มใจ  ตรงเข้าไปกอดจูบ  บอกว่าตัวเองคือหนุมาน   เสียใจที่มารบกับลูก

ลูกก็เสียใจว่าได้ทำผิดที่ต่อสู้กับบิดา    หนุมานพูดว่าได้มาที่นี้เพื่อค้นหาองค์พระรามพระลักษณ์

ขอให้มัจฉครรภปล่อยให้ล่วงด่านเข้าไป   มัจฉครรภแสดงความเสียใจว่า  มิรู้ที่จะยอมได้อย่างไร  เพราะตั้งแต่เป็น

ตัวตนขึ้นมา   ก็ได้รับความอุปถัมภ์ด้วยความกรุณาปรานีจนเติบโต  ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาด่าน

หนุมานก็เป็นผู้รอบรู้ธรรมศาสตร์ทั้งหมดดีอยู่แล้ว

        หนุมานไม่ยอมฟังเสียง    ได้พยายามปลอบโยนเอาใจต่าง ๆ   ว่าถ้าพ่อเสียทีลูกก็จะได้รับความอัปยศด้วย

        มัจฉครรภ์ยืนยันว่า   ตราบเมื่อมีชีวิตอยู่จะทรยศต่อมยิลิราวณันไม่ได้     มีอยู่ทางหนึ่งก็คือต้องชกหน้าอกมัจฉครรภ์อย่างแรง

เพราะหนุมานมีแรงมากประหารรากษสเสียนับได้สองพัน   เมื่อมัจฉครรภ์สลบลง   ก็เป็นโอกาสที่จะผ่านป้อมไปได้โดยไม่มีใครขัดขวาง


        หนุมานไม่พอใจที่ต้องทำกับลูกถึงปานนั้น  แต่ก็ต้องทำ


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 10:52


        ป้อมชั้นในยังมีอีกหลายแห่ง   มีป้อมอิฐ  ป้อมทองเหลือง  ป้อมสัมฤทธิ์   ป้อมทองคำ

แต่ละแห่งมีหารรักษาการป้อมละมากมาย   หนุมานก็สังหารหมด          ไปถึงป้อมแก้วประพาลที่มีทหาร

แปดสิบแสน   หนุมานผู้มิได้นำอาวุธมาด้วยต้องถอนเสาธงมาเป็นอาวุธ


        ไปถึงด่านที่มีตราชูแขวนอยู่   มีกอวทหารเฝ้าอยู่หนาแน่น   หนุมานจึงจำต้องแฝงตัวคอยหาโอกาส

อยู่บนต้นไม้


        มยิลิราวณันตื่นก็สั่งนางทูรตัณฑิไกให้ไปตักน้ำด้วยหม้อทอง          นางขึ้นเสียงว่า  นางและลูกก็ถูกจองจำอยู่ด้วยกัน 

ที่ให้แม่ไปตักน้ำจะทำพิธีพลีกระมัง   ไม่จำเป็นต้องลำบากจะฆ่าเสียก็ได้  ไม้ต้องมีพิธีอะไร           มยิลิราวณันบอกว่าจะทำ

พิธีฆ่าพระรามพระลักษณ์ต่างหาก

       นางเดินออกมาตักน้ำ  เศร้าสร้อยละห้อยไหิ  รำพันถึงความชั่วช้าของมยิลิราวณัน  และการที่นางไร้ที่พึ่ง 

       หนุมานซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ได้ยินเสียงนางยักษีพิลาป   จึงถามว่าทำไมนางกับลูกจึงไม่มีที่พึ่ง        นางเกรงว่าจะเป็น

มยิลิราวณันแปลงมาคอยซุ่มถามเอาความ   จึ่งเงียบเสียงทันที

        หนุมานลงจากต้นไม้เข้าไปเล่าว่าตนเองคือหนุมาณ  มาที่นี้เพื่อช่วยพระรามพระลักษณ์และนางกับลูก   ขอให้บอกว่า พระรามพระลักษณ์อยู่ทางไหน



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 11:17


        ทูรตัณฑิไกย้อนถามว่า  "เขาว่าหนุมานเป็นชาติลิง   แต่ท่านนี้พูดภาษาคน   จะให้เชื่อได้อย่างไร"

หนุมานอวดว่าตนรู้จักภาษามนุษย์  ๖๔ ถาษา  พร้องศาสตร์ทั้งหลายมีนิติศาสตร์เป็นอาทิ    และรู้จนกระทั้งภาษามดแมลงหมดสิ้น

นางจึงขอให้หนุมานลองสำแดงวิศวรูป

(วิศวรูป  แปลตามพยัญชนะว่า รูปทั่วไป   อธิบายว่า  ให้เห็นรูปหนุมานครอบโลกหมด   คือแลไปไหนทิศไหนก็เห็นอวัยวะ

ของหนุมานทั้งนั้น   ทิศนี้เห็นหัว  ทิศนั้นเห็นมือ   ทิศโน้นเห็นหาง   หรือ  ให้เห็นส่วนต่าง ๆ ในโลกอยู่ในตัวหนุมานทั้งสิ้น

แปลว่ากายหนุมานเท่ากับเป็นฟ้าหุ้มโลกไว้)

(นักอ่านหนังสือเก่าตื่นเต้นมากเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้เพราะศาสตร์นี้ไม่เคยยินมาก่อน     แต่ไม่แปลกอะไรเพราะมีอีกมากมายที่ไม่เคยได้ยิน)


        เมื่อหนุมานสำแดงให้เห็นประจักษ์    นางก็เชื่อถือและเล่าเรื่องให้ฟังว่า   นางเป็นน้องของมยิลิราวนัณ     สามีชื่อกาลทัตต์

ลูกชื่อนิลเมฆ    พี่ชายมีลูกสาวคนหนึ่ง  นางก็มีลูกชายคนหนึรง   สามีก็เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่         วันหนึ่งสามีอุ้มลูกอยู่บนตักเฝ้าอยู่ในท้องพระโรง   

มยิลิรสวณันก็พาธิดามาด้วย  และได้พูดว่าจะยกลูกสาวให้กับหลาน        อากาศวาณี(เสียงจากท้องฟ้า)ก้องกังวาลมาว่า 

นิลเมฆจะได้เป็นลูกเขย  และจะได้เป็นเจ้าแห่งบาดาล     กังวาลอยู่ถึง ๓ ครั้ง     

        มยิลิราวณันกระโดดลงมาจากสิงหาสน์  เปล่งสูรนาทว่า  ที่กล่าวเมื่อกี้เป็นวาจาคึกคะนอง  อากาศวาณีมิบังควรจะ

ทึกทักว่าเป็นจริงจัง

        เลยจับตัวสามีนางไปฆ่า    พันธนาการลูกกับนางขังตรุไว้


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 06 ม.ค. 12, 15:25
ภาพประกอบการเล่าเรื่อง

ภาพซ้าย   พิเภษณ์บอกทางไปยังเมืองของมยิลิราวณันแก่หนุมาน

ภาพขวาบน  หนุมานได้ทราบความจริงว่ามัจฉครรภที่ตนสู้รบด้วย
คือบุตรของตนเองที่จากปลาติมิติที่กลืนเอาเหงื่อของหนุมานเข้าไป

ภาพขวาล่าง  หนุมานได้พบนางทูรตัณฑิไก ซึ่งแบกหม้อน้ำ
ออกไปตักน้ำที่สระนอกกำแพงเมืองตามคำสั่งของมยิลิราวณัน
เพื่อเอามาใช้ในพิธีพลี ฆ่าพระรามพระลักษมณ์


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 15:40

        หนุมานรับรองจะช่วย   และว่าถ้านางจะช่วยให้ล่วงด่านเข้าป้อมได้แล้ว  จะสังหารพญารากษสได้ง่าย

ทูรตัณฑิไกถามอย่างจนใจว่ารูปร่างหนุมานใหญ่โตปานนี้  จะเอาไปได้อย่างไร    หนุมานออกอุบายให้เอากิ่งมะม่วงมาใส่ลอยในหม้อน้ำ

แล้วแปลงตัวเป็นแมลงวันซ่อนตัวอยู่ใต้ใบมะม่วงนั้น       เมื่อนางกับหม้อน้ำขึ้นตราชู  ก็ผิดสังเกต  คือหนักมากกว่าคนเดียว

ทหารเข้าจับนางไว้จะไต่สวน   พอสบโอกาสหนุมานก็แปลงร่างเป็นอย่างเดิม   สังหารพลรากษสตายระเนระนาท


       นางพาหนุมานเดินไปตามทาง  ผ่านบ้านอมาตย์ผู้ใหญ่   นางบอกชื่อและความประพฤติชั่วร้ายทุจริตคิดมิชอบ  

หนุมานก็เอาหางสอดเข้าไปจับตัวออกมาฆ่าหมด        แล้วหักเครื่องจองจำนิลเมฆในตรุด้วย      พอถึงศาลเจ้าแม่กาลีก็

ส่งนิลเมฆกลับไป   พร้อมกับสั่งว่าถ้าเดือดร้อนก็ให้นึกถึงหนุมาน   จะมาช่วยทันที

  
        ประตูศาลปิดอยู่  หนุมานทุบด้วยกำปั้น   บานประตูทองซึ่งมีน้ำหนักต้องเข็นไปด้วยเกวียนหมื่นเล่มก็พังทะลายเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่  

เข้าไปเห็นกล่องทองก็เปิดดู  เห็นพระรามพระลักษณ์กำลังหลับใหลด้วยอำนาจมนต์สะกดของมยิลิราวณัน    จึ่งยกเอาหีบไปไว้ที่ภ้ำในภูผาแห่งหนึ่ง

เพราะอยากจะรบกับมยิลิราวณันให้เสร็จ

       เกิดการต่อสู้กันขึ้น    มยิลิราวณันมีอาวุธหลายอย่าง   หนุมานพุ่งกำปั้นประหารจนมยิลิราวณันบาดเจ็บตกลงมาจากรถ   หนุมาณก็ใช้หางรัดไว้

แล้วแกว่งแล้วฟาดลงกับพื้นดิน      มยิลิราวณันฟื้นขึ้นอีก         หนุมาณจึงไปถามนางทูรตัณฑิไก       นางบอกว่าน้องชายได้ซ่อนปราณทั้งห้าเป็นแมลงภู่

๕ ตัวซ่อนไว้ที่วินธัยบรรพต        ต้องเหยียบอกแล้วบีบแมลงภู่พร้อมกันให้ตาย            หนุมานก็จัดการไปตามนั้น


    


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 15:50
          ขอบคุณ คุณหลวงเล็กค่ะ    ในความเอื้อเฟื้อ


       หนุมานเชิญพระรามพระลักษณ์กลับไปยังพลับพลา

หลังจากเสร็จศึกบาดาลแล้วก็จัดการเสกสมรสลูกสาวมยิลิราวณันกับลูกชายของทูรตัณฑิไก

ตั้งนิลเมฆเป็นเจ้าบาดาล

ตั้งมัจฉครรภ์เป็นผู้พิทักษ์บาดาลตามเดิม       เพราะเกรงว่าถ้าเอาติดตัวไปด้วย  ก็ต้องบอกว่าเป็นลูก    จะถูกครหาทั้งสองสถาน

จากโลกที่เชื่อว่าเป็นพรหมจารี   ว่าเอาใครมาอ้างเป็นลูก         โลกที่ไม่เชื่อนั้นก็จะไยไพว่า  นี่หรือหนุมานเป็นนิตยพรหมจารี


(อ่านเพลิน  ไม่อยากเชื่ออยู่อย่างเดียวก็ตอนที่แปลงเป็นแมลงวันแล้วน้ำหนักไม่ลด...)


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 12, 16:00
ภาพประกอบจาก Mayili Ravanan Kathai ฉบับภาษาทมิฬ (http://www.tamilheritage.org/old/text/ebook/mayili/index.html)

รบกวนคุณหลวงกรุณาช่วยอธิบายภาพ

 ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ม.ค. 12, 16:04



        ยอดเยี่ยมค่ะคุณเพ็ญชมพู        ประทับใจในไมตรีที่มีมาเสมอ


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 06 ม.ค. 12, 17:35
เอ  คุณเพ็ญฯ ไม่ทราบว่า  เรื่องมยิลิราวณันนี้  มีที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
อ่านสะดวกบ้างหรือไม่   โปรดแนะนำแก่ผู้สนใจที่แวะเข้ามาอ่าน
 ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 12, 19:25
หนังสือเล่มนี้มีอยู่ ๒ เรื่อง

ลิ้งก์ที่ให้มีเพียงบางส่วนของหนังสือ

Two Tamil folktales: The story of King Matanakāma, The story of Peacock Rāvaṇa (http://books.google.com.pk/books?id=v5aU82lCwccC&printsec=frontcover&hl=th&source=gbs_ge_summary_r&cad=0#v=onepage&q&f=false)

 ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 12, 22:30


คำชี้แจง


มยิลิราวณัน  เป็นพากย์ทมิฬ  แปลว่าเรื่อง ราพย์นกยูง (อสูรตนนี้ทรงอุณหิษปักหางนกยูง)

แยกศัพท์เป็น  มยิล (นกยูง)  _อิ_ราวณัน ;     กไต  คือ  กถา

เป็นเรื่องอยุ่ใน ปกรณ์ทมิฬ

เรียงเป็นภาษาไทยตามคำบอกเล่าของท่านพราหมณ์ ป. สุพรหมัณยศาสตรี  แห่งราชบัณฑิตยสภา

เสฐียรโกเศศเล่าถึงเกร็ดเกี่ยวกับเรื่อง "มูลพลำ" ซึ่งมีในรามเกียรติ์ไทยและรามายณะของทมิฬ แต่ความหมายต่างกัน

"พอดีข้าพเจ้าได้ รามายณะภาษาทมิฬ จากแขกทมิฬคนหนึ่งที่ถนนสีลม หนังสือที่ได้มานี้มีขนาดใหญ่และหนาและเป็น ๒ เล่มจบ มีรูปภาพอยู่มากหน้า นึกดีใจว่าคงได้เรื่องบ้างเป็นแน่ เพราะระหว่างที่เราทำการค้นคว้าไปได้ความรู้ว่า อารยธรรมและวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ ในแหลมอินโดจีนและอินโดนีเซีย ที่ว่าได้มาจากอินเดียหาใช่ได้มาจากมัธยมประเทศทั้งหมดไม่ ส่วนมากมาทางอินเดียภาคใต้ มีชาติทมิฬ เป็นต้น แต่ รามายณะ ที่เราได้มาเป็นภาษาทมิฬ หมดหนทางจะรู้เรื่อง ได้ปรึกษากันอยู่ว่าจะทำอย่างไร ในที่สุดตกลงว่าลองแบกเอาหนังสือนี้ไปหอพระสมุด ถามพราหมณ์ ป.ส. ศาสตรีดู ลางทีจะได้เรื่องอะไรบ้าง

วันหนึ่งเราแบก รามายณะทมิฬ มาหาความรู้จากพราหมณ์ ป.ส. ศาสตรี หน้าที่ถามตรงที่มีรูปภาพตกแก่พระสารประเสริฐ เมื่อเปิดพบภาพแผ่นใดก็ซักพราหมณ์ว่าเป็นเรื่องตอนไหน ได้รับอธิบายแล้วก็จดไว้ ทำอย่างนี้ล่วงไปสักครู่ใหญ่ก็ถึงภาพแผ่นหนึ่ง มีรูปพระลักษณ์พระรามและบริวาร พญาวานรกำลังแผลงศรตรงไปยังยักษ์ซึ่งมีอยู่หลายตน ตรงนี้พราหมณ์ ป.ส. ศาสตรีอธิบายว่า กำลังยิงมูลพลำ พอได้ยินคำว่ามูลพลำเราก็หูผี่ง เพราะมูลพลำเป็นน้องสหัสเดชะ มีเรื่องอยู่ใน รามเกียรติ์ แต่ในต้นฉบับ รามายณะ ของวาลมีกิก็ไม่มี พระสารประเสริฐถามว่า "ตัวไหนเป็นมูลพลำ" พราหมณ์ ป.ส. ศาสตรีตอบว่า "หมดนั่น ไม่จำเป็นไม่ออกใช้" พระสารประเสริฐถามว่า "อะไร ไม่จำเป็นไม่ออกใช้ ไอพิษหรือ" เวลานั้นมหาสงครามเพิ่งยุติลงไม่สู้ช้านัก เรื่องใช้ไอพิษในสงครามครั้งนั้นยังเป็นความรู้สึกที่สด ๆ อยู่จึงได้ถามเช่นนั้น ส่วนพราหมณ์ ป.ส. ศาสตรี เวลานั้นพูดไทยยังไม่คล่องและไม่เข้าใจคำไทยว่าไอพิษคืออะไร ในที่สุดพูดไม่เข้าใจกัน ร้อนถึงข้าพเจ้าต้องเป็นล่ามพูดภาษาอังกฤษแทนจึงได้รู้เรื่องว่ามูลพลำไม่ใช่ชื่อพญายักษ์ แต่เป็นชื่อกองทหารรักษาพระองค์ของทศกัณฐ์ เป็นกองทหารที่ทศกัณฐ์เลือกคัดเอาไว้ใช้เมื่อถึงคราวคับขันเข้าที่อับจน เรื่องที่มาของมูลพลำใน รามเกียรติ์ จะมาจากทมิฬ จะได้มาทางตรงหรือทางอ้อมก็ตามที ทำให้เราเกิดสนใจเรื่องวัฒนธรรมของทมิฬขึ้นและได้ความรู้แปลก ๆ เกี่ยวกับอักษรศาสตร์ประวัติศาสตร์ของไทยอีกหลายอย่าง

ต่อมาเราพบ รามายณะ ฉบับของแคว้นกัศมีระ ซึ่งเขาย่อเรื่องไว้เป็นภาษาอังกฤษ ในนั้นมีเรื่องตรงกันกับ รามเกียรติ์ อยู่มาแห่ง นึกประหลาดใจว่าทำไมแคว้นกัศมีระซึ่งอยู่ห่างจากประเทศเราเป็นอย่างสุดหล้าฟ้าเขียว จึงมีเรื่อง รามายณะ พ้องกันกับเรา นึกถึงประวัติศาสตร์อินเดีย ก็ระลึกได้ว่าอารยธรรมของอินเดียฝ่ายใต้ มีชาติทมิฬเป็นต้น เคยแผ่ย้อนขึ้นไปถึงอินเดียฝ่ายเหนือโดยเฉพาะเรื่องลัทธิศาสนานิกายไศวะ เพราะฉะนั้น เราจึงเชื่อว่า รามเกียรติ์ ของเราจะโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ดี เห็นจะมาจากทมิฬเป็นส่วนมาก แต่เราก็ไม่สามารถจะทำการค้นคว้าก้าวหน้าต่อไป เรื่องที่มาของ รามเกียรติ์ ซึ่งเราต้องการทำเพื่อดำเนินตามรอยพระยุคลบาท แห่งพระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ดั่งที่มีพระราชปรารภไว้ในพระราชนิพนธ์ บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ ก็ต้องยุติลงเพราะทำไปไม่ตลอด"

คัดจาก หนังสืออัตชีวประวัติของพระยาอนุมานราชธน ของ เสฐียรโกเศศ บทที่ ๑๗ การทำหนังสือร่วมกับนาคะประทีป

 ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 12, 14:15
เรื่อง มยิลิราวณัน กไต ของทมิฬตรงกับรามเกียรติ์ของไทยตอน "ศึกไมยราพณ์" (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B9%8C)


เสฐียรโกเศศ เขียนไว้ในหนังสืออุปกรณ์รามเกียรติ์ (กรุงเทพมหานคร : ศิลปาบรรณาคาร,๒๕๑๕),๒๓๓-๒๓๗. ว่าในภาษาทมิฬเรียกชื่อตัวละครในรามเกียรติ์ดังนี้

ไมยราพณ์    =   มยิลิราพณ์
มัจฉานุ       =   มัจฉครภ
นางพิรากวน  =   นางทูรตัณฑิไก

http://www.youtube.com/watch?v=wcGqpm4XBSU&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=dDUUL57ocqE&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=rqMSRC3fYrg&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=czIjsxk9N80&feature=related

 ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 ม.ค. 12, 08:35
โขนของไทยเรื่องรามเกียรติ์ตอนศึกไมยราพณ์ดูบ่อยแล้ว
อยากดูการแสดงตอนอย่างเดียวกันของชนชาติอื่นบ้าง
ยิ่งถ้าได้การแสดงแถบอินเดียภาคใต้ด้วยจะดีมาก 
ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญฯ รับเป็นธุระจัดหามาให้ทัศนาได้หรือไม่ ;D


กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ม.ค. 12, 21:43
ขอนำการแสดงของอินเดียใต้เรียกวา กถกฬิ (http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=4337.0) (Kathakali) ศิลปะท้องถิ่นของเมืองคีราลา (Kerala)  มาให้ชมสัก ๑ ภาพ

ภาพจากมหกรรมรามายณะนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ จัดขึ้นที่โรงละครแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๖-๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยคุณ Cherokee1

ต้องการดูภาพอื่น ๆ ให้ไปที่ พันทิป  (http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11478620/E11478620.html)

จากซ้ายไปขวา พระราม-หนุมาน-พระลักษณ์

 ;D



กระทู้: มยิลิราวณัน กไต เสถียรโกเศศและนาคะประทีป
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ม.ค. 12, 08:33
กถกฬิ  กถ เทียบสันสกฤตบาลี ก็คือคำว่า  กถา  ที่แปลว่า เรื่องราว
ส่วน กฬิ  ถ้าเทียบความหมายที่แปลว่า เล่น แล้ว  ในบาลีมีคำว่า  กีฬฺ ธาตุ
ในความหมายว่า เล่น  แล้วมาสร้างเป็นคำนามว่า กีฬา 
ซึ่งมีใช้ในภาษาไทยแต่ความหมายแคบลง
ส่วนสันสกฤต  มี กฺรีฑฺ ธาตุ  ในความหมายว่า เล่น เหมือนกัน สร้างเป็นคำว่า กฺรีฑา
แปลว่า การเล่น  แต่ตกมาใช้ในภาษาไทย  ความหมายก็แคบลงยิ่งกว่าคำว่า กีฬา

เมืองคีราลา ผมไม่รู้จัก  รู้จักแต่รัฐเกรละ ตามที่ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้ใช้