เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 11:50



กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 11:50
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร.ศ.๑๑๒ เมื่อฝรั่งเศสนำเรือรบเข้ามาข่มขู่ ยื่นคำขาดให้สยามยอมรับผิดในการที่ไปทำร้ายคนฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตาย และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯจำยอมต้องจ่ายค่าปฏิกรรมนี้ถึง๓,๐๐๐,๐๐๐ฟรังก์ เป็นเหรียญเงินแท้ของแมกซิกันในถุงแดงที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯได้ทรงเก็บสะสมไว้ใต้พระแท่นบรรทม โดยมีพระราชดำรัสว่า “ให้ลูกหลานเอาไว้ใช้ไถ่บ้านไถ่เมือง”

เหรียญเงินดังกล่าวนี้หนักเหรียญละ๒๗กรัม รวม๘๐๑,๒๘๒เหรียญ น้ำหนักรวมทั้งหมด๒๓ตัน(๒๓,๐๐๐กิโลกรัม) เทียบเท่ากับเงิน๒,๔๐๐,๐๐๐ฟรังก์ ยังขาดอีกถึง๖๐๐,๐๐๐ฟรังก์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯต้องรวบรวมจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ร่วมสมทบจนครบ นำใส่กระสอบขนด้วยรถม้าขบวนยาวเหยียดไปส่งยังที่เรือปืนลูแตงเทียบท่าอยู่ ทหารฝรั่งเศสใช้เวลาเป็นวันในการขนกระสอบเงินลงไปเก็บยังใต้ท้องจนเรือแปล้น้ำ เมื่อถึงไซ่ง่อนกระสอบหลายใบแตก ฝรั่งเศสต้องถ่ายใส่ถังแล้วนำขึ้นชั่งทีละถังตามภาพ(เครดิต-ไกรฤกษ์ นานา) เห็นว่าถูกต้องแล้วจึงส่งต่อไปยังประเทศแม่ต่อไป

ผลงานที่ฝรั่งเศสฟันสยามไปครั้งนั้น สร้างความโลภให้ฝรั่งชาติอื่นอิจฉาตาลุกวาวไปตามๆกัน ต่างหาโอกาสที่จะเชือดเฉือนเอาจากสยามบ้าง ภายใต้ศัพท์หรูทางการทูตว่า Gunboat Policy


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 11:58
คนไทยคงจะน้อยคนนักที่ทราบว่า ต่อจากร.ศ.๑๑๒ สหรัฐอเมริกาคือชาติทีสอง ที่ใช้นโยบายดังกล่าวกับสยามในร.ศ.๑๑๕ เมื่อรัฐบาลสหรัฐตกลงใจที่จะส่งเรือปืนลำหนึ่งที่รักษาการอยู่ในทะเลจีนใต้ให้เข้ามากรุงเทพ เพื่อข่มขู่รัฐบาลสยามให้ปฏิบัติตามความต้องการของกงสุลใหญ่อเมริกันที่นี่
เอกสารข้อมูลทางฝ่ายไทยหาได้ยากเสียจริงๆ แต่ของฝรั่งพอหาได้โดยใช้อินทรเนตร

ข่าวพาดหัวจากหนังสือพิมพ์อเมริกัน EVENING TELEGRAM ตีพิมพ์ในนิวยอร์ค วันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม ๑๘๙๗  

GUNBOAT MACHIAS EN ROUTE
 
Started from Canton for the Siamese Capital This Morning.
TO PROTECT AMERICAN INTERESTS


เรือปืนมาชิอัสออกเดินทางไปแล้ว
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนอเมริกัน


วอชิงตัน: เรือปืนมาชิอัสออกจากกวางตุ้งมุ่งไปสู่กรุงเทพแล้วเช้านี้ ตามคำสั่งทางโทรเลขของรัฐมนตรีต่างประเทศ “เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนอเมริกัน” ด้วยระยะทางประมาณ๒๐๐๐ไมล์ มาชิอัสประมาณว่าจะถึงจุดหมายภายในหนึ่งสัปดาห์
ทางการมิได้เปิดเผยรายละเอียดในรายงานที่ได้รับจากจากกรุงเทพอันเป็นเหตุให้ต้องส่งเรือรบไปที่นั่น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุคงจะมาจากการที่นายเอดเวร์ด เคลเลตต์ รองกงสุลใหญ่ของสหรัฐอเมริกาถูกทหารของสยามทำร้ายแน่นอน

หนังสือพิมพ์ที่เราได้รับจากสยามเมื่อสามสัปดาห์ที่แล้วลงข่าวว่า นายเคลเลตต์ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เมื่อสองปีก่อน โดนทหารมัดตัวและทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่เราไม่สามารถยืนยันข่าวที่หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวรายงานในตอนท้ายว่านายเคลเลตต์มีสิทธิ์ที่จะทำมาค้าขาย หรืออาจเป็นไปได้ว่าธุรกิจส่วนตัวบางอย่างของเขาคือตัวการที่ทำให้ถูกจับกุมโดยเจ้าพนักงานท้องถิ่น

เวลานี้คดีความที่ฟ้องร้องกันในเรื่องที่ดินป่าสักของคนอเมริกันชื่อชี๊ค ผู้ซึ่งได้รับสัมปทานมูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลสยามก็ยังคงดำเนินไปอยู่ เมื่อชี๊คยังมีชีวิตอยู่นั้น กิจการของเขามีกำไรงดงาม แต่หลังมรณกรรม มีความต้องการที่จะยุติสัมปทาน รัฐบาลสยามจึงได้เข้าแทรกแซงเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้มีการขายช้างงานจำนวนมากที่ใช้สำหรับชักลากซุงออกจากป่า
กล่าวกันว่า นายเคลเลตต์คือผู้บริหารกิจการป่าไม้ที่กำลังมีปัญหานั่นเอง หรือไม่เขาก็เป็นตัวแทนของผู้รับมรดก การกระทำของเขาในนามของคนเหล่านั้นอาจสร้างความขัดแย้งกับทางราชการสยามก็ได้

เรือรบอเมริกันมิได้ปรากฏให้เห็นในสยามมาประมาณเจ็ดปีแล้ว และแม้ว่าท่านอัครราชทูตแบร์แรตต์จะได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดีในประเทศนั้น แต่คนไทยก็รู้สึกว่าจะไม่ค่อยยำเกรงธงชาติอเมริกันสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักรหรือฝรั่งเศส


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 12:28
หนังสือพิมพ์The World ซึ่งออกในนิวยอร์คเช่นกัน ตีพิมพ์เรื่องนี้ต่อมาโดยโปรยหัวว่า ทหารสยามรุมทำร้ายรองกงสุลสหรัฐบาดเจ็บสาหัส ส่วนเนื้อในข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้ได้สร้างความตึงเครียดขึ้นระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ โดยอ้างจดหมายลงวันที่๒๒พฤศจิกายน ส่งจากเชียงใหม่ความว่า เรื่องเกิดเมื่อสามวันก่อน เมื่อนายเคลเลตต์รองกงสุลใหญ่ซึ่งมาพำนักเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาที่ดินของหมอแมเรียน ชีค (Dr.Marion Alphonso Cheek) ได้สั่งการให้เสมียนของสถานกงสุลชื่อนายสายไปยังที่ทำการไปรณีย์เมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่มของวันที่๑๙ พฤศจิกายน ซึ่งนอกจากจดหมายจำนวนหนึ่งแล้ว นายสายได้ถือไม้เท้าธรรมดาๆโดยมีคนใช้อีกคนหนึ่งถือตะเกียงไปด้วยกัน
ครั้นเดินผ่านค่ายทหารนายสายได้ถูกทหารเรียกตัวเข้าไปในค่ายพร้อมกล่าวหาถืออาวุธไม้ตะพด เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่ห้ามการกระทำดังกล่าว นายสายได้ปฏิเสธว่าตนถือไม้เท้าเล็กๆหาใช่อาวุธไม่ และกล่าวว่าตนเป็นคนในบังคับของกงสุลอเมริกัน แต่ทหารไม่รับฟัง ขณะนั้น นายซูเชอร์ซึ่งทำงานให้บริษัทเบอร์ลี่(ยุคเกอร์)ผ่านมาหน้าค่ายและได้เห็นการโต้เถียงดังกล่าว รองกงสุลอเมริกันซึ่งกำลังจะรับประทานอาหารค่ำเมื่อคนใช้ที่ถือตะเกียงนำความมารายงาน นายเคลเล็ตต์ นายแฮร์รีส นายซูเชอร์จึงรีบไปที่ค่ายทหารอย่างด่วน นายเคลเล็ตต์ขอทราบเหตุผลของการจับกุมดังกล่าว และเรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวนายสายทันที ทั้งให้คืนไม้เท้าของกลางด้วย แต่กลับถูกปฏิเสธด้วยกิริยาหยาบคาย เมื่อคณะทั้งหมดออกมาจากที่นั้นโดยมีนายสายพยายามติดตามมาด้วย จึงถูกล้อมกรอบอยู่หน้าอาคาร โดยไม่พูดไม่จาทหารบางคนได้ใช้พานท้ายปืนตีนายเคลเล็ตต์ทันที ที่เหลือก็ติดดาบปลายปืน  หลายคนขึ้นกระสุนปืนพร้อมจะยิง นายเคลเล็ตต์ถอยหลังไปพิงกำแพงพยายามป้องกันตัวเองแต่ไม่สู้จะได้ผล และเกรงจะเกิดการนองเลือดขึ้น จึงถอยหนีมาพร้อมกับคนอื่นๆ ส่วนนายแฮร์รีสและนายซูเชอร์สองคนนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายของการข่มขู่ทำร้ายก็เอาตนเข้ากำบังนายเคลเล็ตต์  นายสายถูกลากตัวกลับไปขังคุกท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของพวกทหารที่สามารถรุมยำฝรั่งระดับกงสุลได้ 

ต่อมาในคืนนั้นผู้บังคับการทหารสยามทราบเรื่องจึงสั่งการให้ปล่อยตัวนายสาย และส่งนายทหารไปเยี่ยมถามอาการบาดเจ็บ ซึ่งนายเคลเล็ตต์ได้ฝากคำตอบไปบอกว่าจะไม่เจรจาความใดๆในเรื่องที่ตนถูกดูหมิ่นและทำร้ายร่างกายครั้งนี้ จนกว่าจะได้รับคำสั่งอย่างชัดเจนจากท่านอัครราชทูต จอห์น บาร์เรตต์ในกรุงเทพ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 12:39
เรื่องที่ผมนำมาเล่านี้มีความสลับซับซ้อนนะครับ ขอบอก จึงขอความกรุณาท่านผู้ชำนาญในการสอดส่องอินทรเนตรอย่าหาข้อความอะไรมาปาดผมโดยไม่ดูตามาตาเรือ เพราะจะทำให้ผมหกคะเมนตีลังกาได้ แต่ไม่ว่ากันถ้าผมกล่าวสิ่งใดออกไปแล้วท่านจะทักว่าผิด และผมจะยินดีเป็นที่ยิ่งหากท่านมีข้อมูลมาเสริมเรื่องที่ผมดำเนินไปแล้ว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 14:02
Lewison Evening Journal ฉบับ ๑๙ กุมภาพันธุ์ ๑๘๙๗ ลงข่าวเรื่องนี้ว่า

บุรุษซึ่งต้องส่งเรือรบไปคุ้มกัน

ไม่ใช่คนอเมริกันทุกคนจะดังมาจากนอกประเทศได้อย่างเช่นเอ็ดเวร์ด เคลเลตต์ ชาวสปริงฟิลด์ นายเคลเลตต์ถูกทำร้ายโดยทหารในประเทศสยามและต้องการได้รับอะไรชดเชย รัฐบาลสหรัฐก็สนองตอบด้วยการส่งเรือรบไปยังกรุงเทพแล้ว

นายเคลเลตต์ปรากฏว่ามีตำแหน่งเป็นรองกงสุลประจำประเทศสยาม ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ไม่มีเงินเดือน แต่นายเคลเลตต์เป็นคนมั่งมีโดยเฉพาะเขามีธุรกิจใหญ่อยู่ในเชียงใหม่ เมืองที่ห่างไปจากกรุงเทพร่วม๕๐๐ไมล์ ที่ซึ่งเขาเกิดปัญหากับทหารในท้องถิ่นด้วยการกระทำอันหยาบคาย บางทีหากว่าเขาไม่มีตำแหน่งเป็นทางการดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นอาจถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นี่อัครราชทูตจอห์น บาร์เรตต์มีความเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐถูกดูหมิ่น สมควรจะต้องกู้เกียรติคืนมา จึงได้ทำหนังสือมายังรัฐบาลให้ส่งเรือปืนมาชิอัสไปกรุงเทพเพื่อให้บทเรียนเล็กๆกับชาวสยาม

นายเคลเลตต์อายุสามสิบปีเศษ เกิดในแคนซัสแต่ครอบครัวย้ายไปสปริงฟิลด์เมื่ออายุได้แปดปี จบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์คเมื่ออายุยี่สิบสอง แล้วกลับไปทำอาชีพทนายความแบบไม่ค่อยจะจริงจังนักที่บ้านเกิด ด้วยเหตุว่าบิดาเป็นคนร่ำรวยมาก
เมื่อนายบอยด์ นักการทูตจากสปริงฟิลด์ผู้ล่วงลับได้รับแต่งตั้งให้ไปเป็นอัครราชทูตประจำกรุงสยาม นายเคลเลตต์เห็นโอกาสที่จะได้ติดตามมายังดินแดนอันไกลโพ้น โดยได้รับแต่งตั้งให้มีตำแหน่งรองกงสุลกิตติมศักดิ์ เมื่อมาถึงก็พบช่องทางในการทำธุรกิจจึงได้ตั้งรกรากในสยามแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บิดาของเขาถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้วและทิ้งที่ดินผืนมหึมาไว้เป็นมรดก ที่ซึ่งมารดาของเขายังคงอาศัยอยู่ เธอได้รับรายงานว่าลูกชายของเธอไม่ได้บาดเจ็บสาหัส และเธอก็มิได้สนใจด้วยซ้ำว่าปัญหาทางการทูตของทั้งสองประเทศกำลังก่อตัวลุกลามไปใหญ่โตแล้วแค่ไหนอย่างไร

รูปของนายเคลเลตต์หาได้รูปเดียว จากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 14:49
ไม่มีเอกสารไทยที่กล่าวถึงการเข้ามาแสดงอำนาจของเรือปืนมาชิอัสโดยละเอียดพิศดารเหมือนคราวฝรั่งเศส หรือผมไม่มีความสามารถที่จะหาเจอก็ได้ นอกจากข้อความไม่กี่บรรทัดในบทความอย่างยาวในเรื่องประวัติความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ว่า

นอกจากนั้นสัมพันธ์ไมตรีระหว่างไทยและอเมริกันยังขึ้นอยู่กับกงสุลอเมริกันเองด้วย ผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดน่าจะได้แก่ ฮัลเดอร์มาน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งระหว่างปี พ.ศ.๒๔๒๓-๒๔๒๘ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากกงสุลเป็นอัครราชทูต หลังสมัยฮัลเดอร์มานความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอเมริกันยังมีปัญหาอยู่ เช่นในกรณีของชีค และกรณีเคลเลตต์ เป็นต้น ได้มีการเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาใช้นโยบายเรือปืนกับไทยบ้าง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งเรือรบลำหนึ่งมาที่กรุงเทพ ผู้บังคับการเรือร่วมด้วยอัครราชทูตอเมริกันเข้ามาเจรจากับรัฐบาลไทย ฝ่ายไทยยอมให้มีการตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อตัดสินชี้ขาด คณะตุลาการผสมตัดสินว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ผิด รัฐบาลไทยยอมรับคำตัดสินด้วยดี เหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนอเมริกันในเมืองไทย เช่น มิสชันนารีจะดำเนินไปด้วยดีก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ในระดับสูงไม่สู้จะราบรื่นนัก  

ส่วนเอกสารที่เป็นทางการของอเมริกันก็เหนียมที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้ แม้แต่ในปูมเรือของมาชิอัสเองก็มิได้กล่าวถึงภารกิจในสยามเลยแม้แต่นิดเดียว
อย่างไรก็ดี ผมมีหลักฐานว่าเรือปืนมาชิอัสมาจอดอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาในเดือนกุมภาพันธุ์แน่ๆ แต่จะอยู่ที่ปากน้ำ หรือปากลัด หรือบริเวณใดของแม่น้ำเจ้าพระยาผมไม่ทราบ ฝากคุณหนุ่มสยามช่วยค้นด้วยนะครับว่า ในพ.ศ.๒๔๓๙ สถานทูตของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่แห่งหนตำบลใด แต่คงไม่ติดแม่น้ำเจ้าพระยากระมังจึงไม่มีรูปให้ดูเลย
หลักฐานเดียวที่ว่านี้เป็นคำสั่งโยกย้ายนายทหารที่ใจความไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ และมีบรรทัดเดียวที่หลุดออกมาในเรื่องของตำแหน่งที่อยู่ของเรือก็คือ

September, 1894, to February, 1897, U. S. S. "Machias," Asiatic Station.
Detached from " Machias " at Bankok Siam, by telegraph, February, 1897


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 15:09
เหตุการณ์ในครั้งนั้น อัครราชทูต จอห์น บาร์เรตต์ ได้ยื่นหนังสือขึ้นร้องต่อกรมหลวงเทววงศ์วโรปการ เสนาบดีต่างประเทศ ขอให้พิจารณาสอบสวนคดีนี้โดยตั้งคณะอนุญาโตตุลาการผสม ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายสหรัฐและฝ่ายสยามขึ้นพิจารณาคดี โดยทางฝ่ายสยามเห็นด้วย และได้แต่งตั้งนายปิแอร์ โอร์ต ผู้ช่วยที่ปรึกษากฎหมายชาวเบลเยี่ยมที่เข้ามารับราชการในสยามขณะนั้น ให้เดินทางไปทำหน้าที่พิจารณาคดีร่วมกับนายจอห์น บาร์เรตต์ อัครราชทูตสหรัฐเอง ณ เมืองเชียงใหม่


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 16:39
นายปิแอร์ โอร์ต และนายจอห์น บาร์เรตต์ ออกเดินทางจากกรุงเทพเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๐ โดยทางเรือขึ้นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านเมืองชัยนาท แยกปากน้ำโพขึ้นมาตามลำน้ำปิง ผ่านกำแพงเพชร เมืองตาก ต่อด้วยเรือหางแมงป่อง ทวนแก่งต่างๆขึ้นไปจนถึงเมืองเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๒๘สิงหาคมปีเดียวกัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 16:50
พักเหนื่อยแล้วทั้งสองได้ร่วมกันพิจารณาคดีโดยเบิกโจทก์และจำเลย พร้อมกับพยานทั้งสองฝ่ายมาให้การ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคมจนกระทั่งถึงวันที่ ๒๐ กันยายน การพิจารณาคดีก็เสร็จสิ้นลง โดยลงเห็นว่า แม้ทหารสยามจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็มีเหตุอันสมควรให้อภัย จากความตื่นเต้นบุ่มบ่ามของรองกงสุลสหรัฐเอง ที่ทำให้เหตุการณ์เกิดความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นทำร้ายกันและมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย

จึงพร้อมใจตัดสินให้ทหารที่ใช้กำลังประทุษร้ายรองกงสุลสหรัฐเหล่านั้นมีความผิดลดหลั่นกันไป แล้วได้ลงนามในคำพิพากษาลงโทษทหารเหล่านั้นดังนี้

๑ นายร้อยเอกหลวงภูนาถ ผู้บังคับบัญชากองทหารหน่วยนี้ มีความผิดฐานไม่กำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ในระเบียบวินัยอันดี ให้ลงโทษด้วยการโยกย้ายไปกรุงเทพทันทีเมื่อมีคำพิพากษานี้ และให้รายงานตัวกับนายทหารของสหรัฐอเมริกากับนายทหารของสยามระดับยศเดียวกัน โดยไม่อนุญาตให้กลับมาเชียงใหม่ภายในเวลา๕ปี และให้ลดยศลงเป็นนายร้อยโทโดยจะไม่ได้รับการเลื่อนยศเป็นเวลา๒ปี กับให้พักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา๑ปี
๒ นายร้อยตรีช้อย ผู้บังคับหมวด มีความผิดฐานอยู่ในเหตุการณ์แต่มิได้ห้ามปรามผู้ใต้บังคับบัญชามิให้ทำร้ายผู้ช่วยกงสุลอเมริกันจนได้รับบาดเจ็บ ให้ลงโทษด้วยการโยกย้ายไปกรุงเทพทันทีเมื่อมีคำพิพากษานี้ และให้รายงานตัวกับนายทหารของสหรัฐอเมริกากับนายทหารของสยามระดับยศเดียวกัน โดยไม่อนุญาตให้กลับมาเชียงใหม่ภายในเวลา๕ปี และจะไม่ได้รับการเลื่อนยศเป็นเวลา๑๘เดือน กับให้พักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา๖เดือน
๓ พลทหารคราม พลทหารเนียม พลทหารพูน ให้ลงโทษด้วยการโยกย้ายไปกรุงเทพทันทีเมื่อมีคำพิพากษานี้ และให้รายงานตัวกับนายทหารของสหรัฐอเมริกากับนายทหารของสยามระดับยศเดียวกัน โดยไม่อนุญาตให้กลับมาเชียงใหม่ภายในเวลา๕ปี และให้พักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา๓เดือน

และให้

ก รัฐบาลสยามทำหนังสือแสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานทูตในกรุงเทพ ต่อเหตุการณ์ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของกงสุลที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของทหารสยาม ซึ่งรัฐบาลสยามจะได้มีคำสั่งให้พระทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่กำกับราชการมณฑลลาวเฉียง ให้กำหนดมาตรการในการป้องกันเรื่องดังกล่าวมิให้เกิดขึ้นอีก
ข ให้ตีพิมพ์คำพิพากษานี้ในพระราชกิจจานุเบกษาภายในกำหนดเวลาอันเหมาะสม โดยฉบับหนึ่งให้ปิดประกาศไว้ที่ประตูหน้าของสถานีตำรวจแห่งนครเชียงใหม่เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสัปดาห์ ทั้งนี้ภายในกำหนดเวลาไม่เกิน๗๕วัน นับจากมีคำพิพากษานี้

ลงนามพร้อมกันเป็น๒ฉบับ ณ วันที่ ๒๐ กันยายน ๑๘๙๗
จอห์น แบร์แลตต์
อัครราชทูตและกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา
อนุญาโตตุลาการ
และ
ปิแอร์ โอร์ต
ผู้ช่วยที่ปรึกษากฏหมายรัฐบาลสยาม
อนุญาโตตุลาการ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ส.ค. 13, 16:56
ถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงงง
เรื่องแค่เนี๊ยะ ถึงกับเรียกเรือปืนเข้ามากรุงเทพเชียวหรือ

แล้วไง ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน ตรงไหน
.
.
.
ใจเย็นๆนะคร้าบ ใจเย็นๆ ผมบอกแล้วว่าเรื่องนี้มันสลับซับซ้อน ตัวละครเอกๆยังไม่ได้แสดงบทเลย

(จบองก์๑ พึงรอ ต่อองก์๒ ภาคค่ำ)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 21 ส.ค. 13, 03:22
มาลงชื่อกันท่านอาจารย์เหงาครับ  8)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 08:51
คร้าบ ขอบคุณคร้าบ
ถ้าไม่มีใครลงชื่อ คาบหน้าท่านอาจารย์ใหญ่คงพิจารณาไล่ออก ไม่ให้เลกเซ่อร์แล้ว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 09:08
ความจริงแล้ว นี่มิใช่ครั้งแรกที่นายจอห์น แบร์แลตต์ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐใช้นโยบายGunboat Policyกับสยาม โดยปีก่อนหน้านั้นอัครราชทูตอเมริกันผู้นี้ได้ร้องขอให้เรือรบของสหรัฐลำหนึ่ง ซึ่งกำลังเทียบท่าอยู่ที่สิงคโปรให้แวะมาอวดธงในกรงเทพหน่อย เพื่อกระตุ้นให้สยามสนใจคดีที่หมอชีค อดีตมิชชันนารีอเมริกันในเชียงใหม่ยื่นฟ้องรัฐบาลสยามว่าทำลายธุรกิจของตนต่อศาลกงสุลของอเมริกัน ซึ่งฝ่ายสยามยังคงเพิกเฉยในการต่อสู้คดีนี้อยู่จนหมอชีคถึงแก่กรรมไปแล้ว ฝ่ายทายาทกลัวเรื่องจะเงียบหายจึงได้วิ่งเต้นติดตามเรื่องมา แต่ครั้งนั้นรัฐบาลอเมริกันเห็นว่าเกินเหตุไปหน่อย จึงมิได้เออออด้วย

แต่คราวนี้ฟังว่า พอทูตส่งรองกงสุลใหญ่ไปหาทางจบคดีแต่กลับถูกฝ่ายสยามทำร้าย รัฐบาลสหรัฐจึงยอมส่งเรือปืนลำหนึ่งไปสนับสนุนทูตตามคำขอ
ก็ได้ผลอยู่ละครับ เมื่อเข้าเฝ้ากรมหมื่นเทววงศ์ฯ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยที่จะให้ใช้ระบบอนุญาโตตุลาการในการชำระคดี โดยแยกและไม่เกี่ยวข้องกันระหว่างคดีอาญาที่รองกงสุลถูกทำร้าย กับคคีแพ่งของหมอชีค

หมอชีคคือใคร ความจริงเอกสารในเน็ทก็มีกล่าวถึงมะกันหนุ่มผู้นี้ไว้เยอะ เวปไทยส่วนใหญ่ก็ไปในแนวสรรเสริญ เพราะมีบทบาทในการเผยแพร่ศาสนาในระหว่างที่เป็นมิชชันนารีอยู่ในเชียงใหม่ แต่คนที่ผ่าตัดเอากึ๋นของหมอชีคมาให้ดูกันอย่างหมดไส้หมดพุง เป็นหมอเหมือนกัน ชื่อ นพ.วิบูล วิจิตรวาทการ ซึ่งได้เขียนเรื่อง “หมอชีค นักบุญมิชชันนารีอเมริกัน” ไว้อย่างละเอียดลออ

ผมขออนุญาตป้ายมาใช้เพื่อปูเรื่องไปสู่ตอนจบครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 09:22
กวาดสายตามองหานักเรียนหลังห้อง... 8)  หายไปไหนกันหมด  >:(

มาปั่นเรตติ้ง ขยายความคำว่า Gunboat policy ที่ท่านอาจารย์หน้าห้องเกริ่นเอาไว้ตอนต้นกระทู้ค่ะ

คำนี้ เรียกอีกอย่างว่า Gunboat diplomacy เรียกอย่างไม่เป็นทางการ(อีกที) ว่า "big stick diplomacy"  เป็นคำที่บัญญัติขึ้นในนโยบายต่างประเทศของพี่กัน ที่ใช้กับน้องๆประเทศอื่นที่ตัวกะจ้อยร่อยกว่าพี่    

นโยบาย มีความหมายคล้ายๆกับพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6  เคยทรงไว้ ว่า "กำหมัดคือยุติธรรมจงจำไว้  ใครหมัดใหญ่ได้เปรียบเรียบเทียวเกลอ"   เพียงแต่อเมริกาไม่ใช้หมัด   ใช้ไม้หน้าสามผ่านทางเรือติดอาวุธ  ส่งไปเพื่อจะขู่ฮื่อแฮ่หากว่าในประเทศเล็กๆนั้นเกิดทำอะไรไม่ถูกความประสงค์ของอเมริกา   เช่นเจ้าของประเทศมีข้อพิพาทกับคนอเมริกันในประเทศ อย่างในไทย   หรือว่าประเทศนั้นมีโลกส่วนตัวสูงไม่ชอบเปิดประตูออกมาต้อนรับแขกฝรั่ง  ทั้งๆฝรั่งอุตส่าห์ไปเคาะประตูขอเข้าไปเยี่ยม  อย่างญี่ปุ่นเคยเจอ       นโยบายเรือปืนก็ถูกงัดเอาออกมาใช้ เบ่งกล้ามให้ดู แทนคำถามว่า
"จะยอมดีๆหรือจะให้ใช้กำลัง  ห๊า! ว่าไง "


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ส.ค. 13, 09:53
อ. NAVARAT.C ถามมาว่า สถานกลสุลอเมริกัน ช่วง พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่ไหน

ก็จะส่งคำตอบให้ว่า ตั้งอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ใต้กงสุลอังกฤษ เหนือสถานทูตฝรั่งเศส รั้วเรือนติดกับวัดม่วงแค คร้าบบบ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 09:56
ขอบคุณคุณหนุ่มสยามมาก คงไม่ต้องเดาต่อว่าเรือปืนของอเมริกันมาจอดที่ไหน เพื่อให้เข้าตาเสนาบดีสยาม

ไม่ว่าจะเป็น Gunboat policy หรือ Gunboat diplomacy หรือ Big stick diplomacy ดูเหมือนจะมีญี่ปุ่นกับสยามเท่านั้น ที่รอดตัวเพราะเข้าใจฝรั่ง มันก็เพียงแต่จะเข้ามาหาเงินไปใช้ของมัน ถ้าไม่ได้จากกำไรในการค้าขาย ก็จะปล้นเอาดื้อๆ

จีน ไม่เข้าใจตรงนี้ หรืออาจจะปรับตัวไม่ทันนึกว่าตัวเป็นมหาอำนาจที่สุดในโลก ผลก็คือถูกปืนเรือถล่มยับก่อนเข้าปล้นจนของมีค่าหมดพระราชวัง พม่ากับญวนเป็นชาติที่ยอมตายแบบผึ้งหวงรัง ซึ่งก็ได้ทั้งตายทั้งเสียทรัพย์ไปเยอะมากในเวลาหลายสิบทศวรรษก่อนจะไล่ฝรั่งออกไปได้ ดีที่เมืองร้อนอย่างบ้านเราฝรั่งไม่ชอบ มาตายเพราะไข้มากกว่าโดนฆ่า หาไม่แล้วคนพื้นเมืองเจ้าของประเทศแถวนี้คงต้องชะตากรรมเหมือนพวกอินเดียนแดง ที่ถูกฝรั่งปล้นฆ่า เอาแผ่นดินไปเป็นถิ่นอาศัยแห่งใหม่ของตัวอย่างสง่าผ่าเผย
 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 10:02
หมอชีค นักบุญมิชชันนารีอเมริกัน

มิชชันนารีอเมริกันคนหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับกันว่า เป็นนักบุญที่มีความสามารถทุกทาง คือ หมอมารีออน ชีค (Marion Cheek) ซึ่ง คนไทยเรียกกวันว่าหมอชิต ท่านผู้นี้จบวิชาแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกัน เมื่ออายุเพียง 21 ปี เป็นหนุ่มรูปหล่อ เดินทางเข้าสู่กรุงสยามพร้อมกับสตรีฝรั่งอีก 2 คน เมื่อ พ.ศ. 2417 หมอชีคอยู่ได้ไม่นาน ก็จีบลูกสาวหมอบรัดเล่ย์และแต่งงานกับเธอ จึงกลายเป็นลูกเขยของหมอบรัดเล่ย์ไป ในปีต่อมาได้รับหน้าที่ทำการเผยแพร่คริสตศาสนาและช่วยเหลือชนชาวไทยที่นครเชียงใหม่

ในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า หมอชีคนี้เป็นคนเก่งมาก นอกจากนั้นยังขยันขันแข็งมีสุขภาพที่ดีและพลานามัยผิดมนุษย์ธรรมดา สามารถตรวจและรักษาคนไข้ได้ถึงปีละหนึ่งหมื่นสามพันคน ในเวลาว่างท่านชอบล่าสัตว์ สามารถยิงปืนสั้นและยาวได้อย่างแม่นยำจึงเป็นที่นับถือยำเกรงในหมู่ชาวบ้าน ตลอดจนฝรั่งทั้งหลายที่อยู่ในถิ่นเหนือ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 10:06
ความเก่งและคล่องแคล่วของหมอชีคนี้ ทำให้ท่านหันมาสนใจกับการค้าขายเซ็งลี้ป่าไม้ ขณะนั้นฝรั่งเพิ่งค้นพบว่าถิ่นเหนือของเรานี้อุดมสมบูรณ์ มีป่าไม้สักขึ้นอยู่ทั่วไป ไม่มีใครตัดมาขายอย่างที่ทำกันในประเทศพม่าเมืองขึ้นของอังกฤษ ในพ.ศ. 2415 กัปตันเรือชาวเดนมาร์กคนหนึ่ง ชื่อนายแอนเดอร์เซ็น บรรทุกไม้สักใส่เรือสำเภาไทยชื่อทูลกระหม่อม ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ปรากฎว่าสามารถขายไม้สักได้จนหมดเกลี้ยงลำเรือทำกำไรได้ถึงร้อยเปอร์เซนต์ เมื่อกัปตันแอนเดอร์เซ็นกลับมาถึงเมืองไทย ข่าวความสำเร็จในการขายไม้สักนี้แพร่กระจายโดยรวดเร็ว จึงมีบริษัทอังกฤษหลายแห่งพยายามแย่งกันติดต่อขอสัมปทานป่าไม้จากรัฐบาลไทย

บริษัทบอร์เนียวจึงแต่งตั้งให้หมอชีคเป็นตัวแทน ฝรั่งอีกคนหนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานบริษัทบอร์เนียวคือ นายหลุย ลิโอโนเวนส์ บุตรชายของนางแอนนา ลิโอโนเวนส์ ที่เคยสอนภาษาอังกฤษในพระราชวังของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองมีหน้าที่ตัดและล่องไม้สักลงมาจากเชียงใหม่ เพื่อส่งไปขายประเทศต่าง ๆ ในยุโรปต่อไป

นาย หลุย ลิโอโนเวนส์นั้น เติบโตในพระราชวังพร้อมกับสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และได้สมรสกับแคโรไลน์ นอกซ์ ลูกสาวกงสุลอังกฤษที่เกิดกับภรรยาคนไทยชื่อ คุณปราง จึงเป็นผู้มีอำนาจอิทธิพล ปลูกบ้านใหญ่โตอยู่ริมแม่น้ำ มีเรือลำใหญ่ชื่อ กัปตันลิโอโนเวนส์ ส่วนแคโรไลน์ลูกครึ่งอังกฤษไทยภรรยาของเขานั้น เป็นคนสวยงามมีกริยามารยาทอ่อนโยน ชาวบ้านต่างรักใคร่และเรียกเธอกันว่า"ดวงแข"


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 10:14
ทั้งนายหลุยและหมอชีคประสบความสำเร็จในการขอสัมปาทานป่าไม้ นายหลุยนั้นทำได้เพราะใกล้ชิดกับองค์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนหมอชีคประสบความสำเร็จโดยอาศัยความเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วของตนเอง

บริษัทบอร์เนียวนั้น ความจริงก็มีความพอใจในผลงานของฝรั่งทั้งสองคนนี้มาก แต่ก็มีข้อข้องใจที่คุณหมอชีคนี้ ดูท่านจะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหลือเกิน เมื่อตรวจบัญชีเปรียบเทียบจำนวนเงินที่หมอชีคเบิกจากบริษัทบอร์เนียวกับรายจ่ายต่างๆ ก็ยังปรากฎว่าท่านเบิกเกินไปถึง 253,353 บาท และไม่สามารถบอกได้ว่าเอาไปใช้ทำอะไร เงินสองแสนห้าหมื่นบาทสมัยนั้น ก็มีค่าเท่ากับหลายสิบล้านสมัยนี้ ทางบริษัทบอร์เนียวจึงทำสัญญาขึ้นใหม่กับหมอชีค ตกลงว่าจะจ่ายเงินให้เพียงปีละ 2,000 ปอนด์เท่านั้น และขอให้หมอชีคคืนเงินสองแสนห้าหมื่นให้แก่บริษัทเสีย ทางบริษัทบอร์เนียวก็จะไม่ทำการฟ้องร้องอะไร

ในแผ่นดินของรัชกาลที่ห้านั้น เจ้าครองเมืองเหนือต่างๆ เช่นเชียงใหม่ ลำปาง และแพร่ มีนักมวยและสาวงามฟ้อนรำไว้ประดับวาสนา ในวังเจ้าทั้งหลายนั้น มีงานรื่นเริงอยู่เสมอ แข่งฟ้อนรำและแข่งมวยกันระหว่างคณะละคร และคณะมวยจากถิ่นต่างๆ ฝรั่งที่มีอำนาจวาสนาเช่น นายหลุย ลิโอโนเวนส์และหมอชีค ก็ต้องมีคณะมวยและนักฟ้อนของตนไว้ด้วย เพื่อให้คบค้าสมาคมกับเจ้านายฝ่ายสยามได้โดยไม่น้อยหน้า นอกจากแข่งฟ้อนรำและต่อยมวยแล้ว ยังนิยมเล่นการพนันกันในเขตวัง ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทบอร์เนียวออกเงินให้ฝรั่งเล่นอย่างไม่อั้น ถ้านายหลุยหรือหมอชีคเล่นเสียทางบริษัทก็จะชดใช้เงินให้ทุกบาททุกสตางค์

สมบัติที่เลื่องลือที่สุดของหมอชีค มิใช่เงินทองบ้านช่องหรือคณะนักมวย หากเป็นฮาเร็มเก็บหญิงไทยที่ท่านนักบุญมิชชันนารีอเมริกันนี้ได้สะสมไว้ เป็นที่เลื่องลือกันในเมืองเชียงใหม่ว่า หมอชีคชอบซื้อลูกสาวชาวบ้านชาวนามาทำเมีย โดยแลกเปลี่ยนเด็กผู้หญิงกับควาย2-3ตัว เอามาเลี้ยงไว้ในเขตบ้านของท่าน ให้เสื้อผ้าอาหารการกินเป็นอย่างดี และมีเงินใช้กันทุกคน ฮาเร็มของหมอชีคนี้ ตั้งอยู่หลังวัดไทยแห่งหนึ่ง นักประวัติศาสตร์อังกฤษ ชื่อ W.S. Bristowe บันทึกไว้ว่า หมอชีคเก็บเด็กสาวไว้ประมาณ 20 กว่าคน มีชื่อว่า อ้อน ลวง นัน ม้อย ตุ้ย เจียน หวน คุ้ม และโนจา เป็นต้น โนจานั้น หมอชีคให้เกียรติเป็นเมียคนสำคัญ เพราะได้มาจากเจ้าชาวเหนือคนหนึ่ง เป็นรางวัลในการรักษาโรคสำเร็จ โนจานี้ ภายหลังเป็นปัญหามากเพราะขี้หึงและชอบใช้อำนาจกับเมียน้อยทั้งหลาย จนในที่สุดหมอชีคต้องส่งกลับบ้าน และมอบเงินให้เป็นค่าทดแทนถึง 2 หมื่นรูปี


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 10:17
ความคลั่งในกามอารมณ์ของหมอชีคนักบุญคริสตศาสนาและนายหลุยเพื่อนคู่หูของเขานี้ เป็นที่ทราบดีในสังคมชั้นสูงของเชียงใหม่ ถึงกับมีเพลงล้อเลียนแต่งโดยนายแพ่ง วณิสร ลูกชายพระยาเทพ ซึ่งนิยมร้องกันทั่วไป เพราะเป็นที่รู้กันว่าฝรั่งร่างยักษ์สองคนนี้ ชอบสมสู่หญิงไทยพร้อมกัน โดยจะเรียกผู้หญิงขึ้นไปบนห้องนอนทีละสองคน แต่จะร่วมกันสมสู่ทีละคนเดียวและปล่อยให้สาวชาวเหนืออีกผู้หนึ่งนั่งดู เมื่อเสร็จกับคนหนึ่งแล้ว จึงร่วมกันรุมปลุกปล้ำอีกคนหนึ่งต่อไป ความสนุกสนานนี้ มักติดต่อกันนานยืดยาวถึงสองคืน และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว หญิงสาวทั้งหลายก็จะได้รับรางวัลเป็นเสื้อผ้าเงินทอง

นักเขียนอังกฤษ นาย W.S. Bristowe ได้แปลเพลงพื้นเมืองไว้ดังนี้

“DOCTOR CHITT AND MISSA LOUIS
SLEEPING WITH TWO GIRLS
TWO NIGHTS FOR FIFTEEN RUPEES
MISS LUANG IS ON THE BED
MISS ON IS WAITING
HURRY UP AND FINISH, DOCTOR
DOCTOR CHITT AND MISSA LOUIS
SLEEPING WITH TWO GIRLS
TWO NIGHTS FOR FIFTEEN RUPEES
MISS KUM ASKED FOR SILVER
MISS HUAN ASKED FOR CLOTH
 MISS NOJA ASKED FOR AN ELEPHANT
HURRY UP AND FINISH, DOCTOR"


ส่วนซาร่าห์ บลัดเลย์ เมียฝรั่งของหมอชีคนั้น ก็ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับความประพฤติของท่านนักบุญนี้ดี แต่ต้องจำใจไม่พูดจาต่อว่าต่อขานอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ลูกชายคนโตถูกปืนลั่นใส่บาดเจ็บสาหัส เธอจึงพาลูก 9 คนที่มีกับหมอชีค เดินทางออกจากเมืองไทย กลับไปอยู่ประเทศอเมริกาโดยลำพัง มิได้พบกับสามีอีกต่อไป


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 10:21
ขอเชิญคุณเพ็ญช่วยหาคลิ๊ปเพลงข้างบนมาประกอบหน่อยครับ อยากฟังเปื้อนเอิ้นกำเมืองต่วย

ผมจะขอพักสักครู่ครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 11:01
ต้นฉบับของเพลงข้างบนมีดังนี้

มีมิตรรักนักเพลงยกมือขอฟังเพลงท้องถิ่นล้านนามา ๑ ท่านคือคุณศรีสยาม

เพลงนี้เป็นเรื่องของคู่หูคู่แข่งในกิจการค้าไม้สักทางเหนือ ในฮาเร็มของหมอชี้คหลังวัดมหาวัน

เป็นเพลงฮิตติดปากคนเชียงใหม่เมื่อร้อยปีมาแล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่ที่พอจำได้เล่าว่า กระทั่งเด็กเล็ก ๆ หรือหญิงสาวก็ชอบร้องเล่นกันดัง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากใจแต่ประการใด ทั้ง ๆ ที่เนื้อหานั้นบรรยายกิจกรรมทางเพศระหว่าง "หมอชิต" และ "มิตซ่าหลุย" กับนางเล็ก ๆ

ขอเชิญคุณศรีสยามรับฟังได้ ณ บัดนี้

พ่อเลี้ยงชิตกับมิตสะหลวย
เอาสาวนอนตวย (นอนด้วย)
สองคืนสิบห้า (รูปี)
อีหลวงนอนเตียง
อีออนนั่งท่า (นั่งรอ)
ขะจั๋บโวย ๆ พ่อเลี้ยง...(ขยับไว ๆ พ่อเลี้ยง)

พ่อเลี้ยงชิตกับมิตสะหลวย
เอาสาวนอนตวย
สองคืนสิบห้า
อีดำขอเงิน
อีเฮือนขอผ้า
อีโนจาขอจ๊าง (ช้าง)
ขะจั๋บโวย ๆ พ่อเลี้ยง....

คนอื่น ๆ ขอเงิน ขอผ้า ยังพอว่า

โนจาเล่นขอช้าง สมัยนี้เทียบกับรถเบนซ์กระมัง

โนจานี้เป็นถึงนางพระราชทานจากองค์เจ้าหลวงทีเดียว


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 11:06
โอ้ อื้อ ฮืออออออออ
หามาได้จ๊ะใด


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 11:11
ขอฟังแบบคลิ๊ปเสียงหน่อยครับ คลิ๊ปเสียง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 11:30
ทั้งหมอชิตและมิสสะหลวยเข้าข่ายวิปริตทางเพศ        ดูๆแกก็ไม่เห็นกระมิดกระเมี้ยนอะไรกับความลับที่เปิดเผยกันทั้งเมืองแบบนี้
 :-\

แต่ถ้าพูดถึงความดี ก็ได้ชื่อว่าทำประโยชน์แก่ส่วนรวมเช่นกัน หมอชีคเคยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงเมื่อปี พ.ศ. 2421 ชาวบ้านเรียกชื่อว่า“ขัวกุลา” คำว่า “ขัว” ในภาษาเหนือแปลว่า สะพาน ส่วนคำว่า “กุลา” นั้นใช้เรียกคนต่างชาติ  เรียกชาวตะวันตกว่า “กุลาขาว”

สะพานขัวกุลาเป็นสะพานขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้สัก ขนาดกว้างแข็งแรง ทอดขวางแม่น้ำปิงบริเวณหน้าวัดเกตการาม ปลายสะพานยาวเกือบถึงถนนวิชยานนท์    สมัยนั้นยังไม่มีการสร้างถนนเลียบริมน้ำปิงบริเวณตลาดต้นลำไย ต่อมาเมื่อมีการสร้างถนนเลียบริมน้ำปิงขึ้น จึงตัดปลายสะพานให้สิ้นสุดที่ถนนตัดใหม่ดังกล่าว

ขัวกุลาถูกรื้อถอนออกในปี พ.ศ. 2483 เนื่องจากโครงสร้างไม้นั้นผุพังลงไป   ปัจจุบันสร้างสะพานคอนกรีตชื่อจันทร์สมอนุสรณ์ขึ้นมาแทน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ส.ค. 13, 11:32
โอ้ อื้อ ฮืออออออออ
หามาได้จ๊ะใด


Like มาด้วยความสยองมั๊ก ๆ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ส.ค. 13, 11:35
แนบภาพสะพานขัวกุลา เพิ่มบรรยากาศเมืองเหนือ จ้าววววว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 11:38
อีกภาพนึง จ้าววววว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ส.ค. 13, 11:45
หยุดยะก๋าน ยะง๋าน มากินขันโตก จ้าววว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 11:48
ตอบ# 26  #   27
และ #28 พร้อมกันเลยค่ะ

ยินดีจ้าดนักเจ้า


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 11:51
จ้าววววว


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 11:54
อ้างถึง
อ. NAVARAT.C ถามมาว่า สถานกลสุลอเมริกัน ช่วง พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่ไหน

ก็จะส่งคำตอบให้ว่า ตั้งอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ใต้กงสุลอังกฤษ เหนือสถานทูตฝรั่งเศส รั้วเรือนติดกับวัดม่วงแค คร้าบบบ

ในหนังสิอสมุดภาพรัชกาลที่๔ มีภาพหนึ่งบรรยายว่า สถานกงสุลไม่ทราบประเทศ เป็นไปได้ไหมว่าหลังอาคารที่เห็นนั้นคือวัดม่วงแค


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 12:13
อุโบสถวัดม่วงแค


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 12:16
^
มีสิทธิ์นะครับ มีสิทธิ์
ระหว่างรอคุณเพ็ญเข้าห้องแลปไปอัดเสียง และคุณหนุ่มเข้าห้องสมุดไปหาหลักฐาน ผมจะต่อของคุณหมอวิบูลให้จบ

ตัวหมอชีคเองนั้น เมื่อบริษัทบอร์เนียวจำกัดจำนวนเงินที่จ่ายให้เหลือเพียง 2,000 ปอนด์ต่อปี และยังเรียกร้องให้คืนเงินที่เบิกเกินอีกสองแสนห้าหมื่นบาท ก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงลาออกจากตำแหน่งผู้แทนบริษัทบอร์เนียว และมาทำสัญญากับรัฐบาลสยามแทน โดยมีข้อตกลงว่า รัฐบาลไทยจะให้เงินเขายืมใช้ในการลงทุนเป็นจำนวน 800,000 บาท คิดดอกเบี้ยเจ็ดเปอร์เซนต์ครึ่งต่อปี หมอชีคได้รับสัมปทานให้ตัดไม้สักค้าขายผลกำไรที่ได้มานั้น แบ่งออกเป็นสามส่วน เป็นของรัฐบาลไทยหนึ่งส่วน และเป็นของหมอชีคเองสองส่วน

หมอชีคกับนายหลุยจึงกลายเป็นคู่แข่งกัน โดยหมอชีคทำธุรกิจร่วมกับรัฐบาลไทย และนายหลุยทำงานให้บริษัทบอร์เนียวต่อไป ผลปรากฏว่านายหลุยค้าขายเก่งกว่ามาก หมอชีคนั้น เมื่อมีฐานะร่ำรวยใหญ่โตเพราะได้เงินจากรัฐบาลไทยมาอุดหนุน ก็ลืมตัวขยายกิจกรรมเกินความสามารถของตน เรียกน้องชายและน้องสาวมาจากอเมริกาเพื่อช่วยดำเนินงาน สร้างโรงเลื่อยไม้ที่เชียงใหม่ สั่งเครื่องจักรมาจากอเมริกา ซื้อเรือลำใหญ่ชื่อแม่ปิงไว้ประดับเกียรติ ตั้งบริษัทก่อสร้างตึกและสะพาน เมื่อเวลาล่วงมาสองปี หมอชีคก็ไม่มีผลกำไรมาแบ่งให้รัฐบาลไทยเลย ซ้ำเงินแปดแสนบาทที่ขอยืมมาลงทุนนั้น แม้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่มีจะจ่ายให้แก่รัฐบาลสยาม

หมอชีคแก้ตัวกับฝ่ายไทยว่า สองปีที่ผ่านมานี้ฝนไม่ตกแผ่นดินจึงแห้ง ไม้สักที่ตัดไว้ต้องกองทิ้งอยู่ในป่า ไม่สามารถจะลอยลงมาทางใต้ได้ เงินที่ขอยืมมานั้นก็เอาไปลงทุนหมดสิ้น ไม่มีเหลือพอจ่ายค่าดอกเบี้ย ขอให้รัฐบาลสยามใจเย็น ๆ หน่อย เมื่อธุรกิจดีขึ้นเขาจะจ่ายให้ทั้งต้นทุน ดอกเบี้ยและผลกำไร

ฝ่ายไทยเราชักไม่ค่อยไว้ใจนักบุญอเมริกันผู้นี้ เพราะได้ข่าวว่าระหว่างที่เขาพูดว่าเงินหมดนั้น เขาได้ส่งเงินไปให้ซาร่าห์ภรรยาที่อเมริกาเป็นค่าใช้สอยถึงสามหมื่นห้าพันบาท


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 12:18
ฝ่ายไทยจึงเร่งรัดให้หมอชีคใช้ดอกเบี้ยให้แก่รัฐบาลไทยตามสัญญา หมอชีคร้อนตัวจึงเจรจาขายซุง 9,000 ต้นให้แก่นายหลุยเพื่อได้เงินสดมาบ้าง และความเก่งคล่องแคล่วของเขานี้ ทำให้สามารถเจรจากับบริษัทฝรั่งจากเมืองแขก ชื่อ Bombay Burmah Trading Corporation ให้จ่ายค่าดอกเบี้ยค้างจ่ายสองปีแก่รัฐบาลไทย และให้หมอชีคขอยืมเงินบริษัทมาลงทุนอีกสี่แสนบาท โดยหมอชีครับรองว่าจะทดแทนแลกเปลี่ยนด้วยซุงสองหมื่นต้นในปีต่อไป

ฝ่ายรัฐบาลไทยไม่ยอมรับเงินจากบริษัทบอมเบ-เบอม่า-เทรดดิ้ง เพราะได้ทราบว่าบริษัทนี้มีบทบาทสำคัญในการยุยงให้อังกฤษตีเมืองพม่า จึงเกรงว่า ถ้าอนุญาตให้มาดำเนินกิจการในเมืองไทยร่วมกับหมอชีค ประเทศเราก็จะถูกอังกฤษยึดเป็นเมืองขึ้นต่อไป

หมอชีคจึงหันกลับมาทางบริษัทบอร์เนียวอีก รับรองว่าจะตัดไม้ซุงให้สองหมื่นต้น ขอให้บริษัทบอร์เนียวซื้อในราคาสี่แสนกว่าบาท นอกจากนั้นยังติดต่อขอยืมเงินจากพ่อค้าคนจีนชื่อ คิงเส็งลี อีกหกหมื่นสามพันบาท แต่การเจรจาเหล่านี้ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะทางรัฐบาลไทยหมดความไว้วางใจและความเลื่อมใสในตัวหมอชีคแล้ว คิดว่าเป็นคนกะล่อนคดโกงคบไม่ได้ จึงแต่งตั้งให้หลวงศรีสมบัติมีอำนาจยึดไม้ซุงของหมอชีคที่ตัดไว้ทั้งหมดมาเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลสยาม เป็นค่าชดใช้เงินต้นขั้วและดอกเบี้ยที่ขอยืมไป สมบัติต่างๆ ของหมอชีครวมทั้งช้าง 76 ตัว จึงถูกฝ่ายไทยริบไว้หมด

หมอชีคต่อสู้รัฐบาลโดยยื่นฟ้องต่อศาลกงสุลอเมริกัน ใช้ทนายความเป็นคนอังกฤษชื่อ E.B. Michell เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยเป็นเงินถึง 100,456 ปอนด์ ยอมรับว่าเขาติดเงินรัฐบาลไทยอยู่ 76,639 ปอนด์ แต่รัฐบาลไทยใช้พละการยึดไม้ซุงและอุปกรณ์ ทำลายธุรกิจของเขาจนมีผลเสียหายถึง 100,465 ปอนด์ เพราะฉะนั้นรัฐบาลไทยจะต้องใช้จ่ายค่าเสียหายให้แก่เขาเป็นเงิน 23,817 ปอนด์ หรือ 190, 536 บาท


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 12:22
คดีฟ้องร้องนี้ ยึดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 8 ปี ผู้ตัดสินความคือ Sir Nicholas Hannen กงสุลใหญ่และผู้พิพากษาสูงสุดของอังกฤษในเขตแดนจีนและญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2441  ว่าการที่ท่านนักบุญชีคขอยืมเงินจากรัฐบาลไทยแปดแสนบาทแล้วไม่ยอมใช้ทั้งต้นทุนและดอกเบี้ยนั้น ไม่ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด  ส่วนการที่รัฐบาลไทยไปยึดต้นซุงและอุปกรณ์ของหมอชีคโดยพละการนั้น มีผลให้ธุรกิจของหมอชีคผู้น่าสงสารต้องล้มเหลว ฝ่ายไทยจึงผิดหนักหนา กงสุลใหญ่อังกฤษตัดสินให้หมอชีคไม่ต้องใช้เงินแปดแสนบาทที่ยืมมาแม้แต่สตางค์แดงเดียว และบังคับให้รัฐบาลไทยจ่ายค่าเสียหายให้แก่นักบุญชีคเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวน 706,721 บาท ซึ่งสูงกว่าจำนวน 190,536 บาทที่นายชีคฟ้องไว้ถึงสามเท่าครึ่ง รวมความแล้ว สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ต้องเสียเงินให้แก่นักบุญมิชชันนารีอเมริกันนี้ถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาทโดยไม่ได้อะไรตอบแทนเลย เราต้องปฏิบัติตามคำประกาศของเซอร์นิโคลัส นี้ทุกประการ เพราะบ้านเมืองเราอ่อนแอกลัวเขาจะมาตีเอาเป็นเมืองขึ้น เงินเจ็ดแสนว่าบาทนี้ เซอร์นิโคลัสมันแอบได้เป็นของตัวเองกี่ส่วน ผู้เขียนไม่ทราบ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 12:29
ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เห็นหรือยังครับ

สยามเราต้องยอมเค้า เพราะแผลที่ไอ้เสดฟันไว้ยังระบมอยู่ ถือว่าเสียสินดีกว่าเสียศักดิ์

เสียสินสงวนศักดิ์ไว้   วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์     สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง          ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้     ชีพม้วยมรณา

โคลงโลกนิติบทนี้ ฝ่ายไทยเสียให้ฝรั่งหมดเลย ยกเว้นเสียสัตย์ เพราะรัฐบาลยอมจ่ายตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการโดยดีเพื่อตัดปัญหา หากยึกยักแล้วเกิดอะไรขึ้นมันจะไม่คุ้มกัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 12:36
การที่ท่านนักบุญชีคขอยืมเงินจากรัฐบาลไทยแปดแสนบาทแล้วไม่ยอมใช้ทั้งต้นทุนและดอกเบี้ยนั้น ไม่ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด  ส่วนการที่รัฐบาลไทยไปยึดต้นซุงและอุปกรณ์ของหมอชีคโดยพละการนั้น มีผลให้ธุรกิจของหมอชีคผู้น่าสงสารต้องล้มเหลว ฝ่ายไทยจึงผิดหนักหนา


ซาบซึ้งกับคำตัดสินยิ่งนัก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 12:54
หมอชีคเองไม่ได้มีโอกาสใช้จ่ายเงินเจ็ดแสนงวดหลังนี้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนาดลบันดาลให้ล้มเจ็บตายไปเสียก่อนที่คดีจะสุดสิ้นลง เมื่อท่านนักบุญชีคขึ้นสวรรค์ไปแล้ว นายหลุยก็ได้รับฮาเร็มของเขาเป็นมรดก ปลุกปล้ำผู้หญิงไทยต่อไป แต่คราวนี้ต้องสนุกสนานในกามอารมณ์อยู่แต่ผู้เดียว

บ้านไม้สักสามชั้นที่หมอชี๊คสร้างขึ้นริมน้ำปิงหลังนี้นั้น หลังจากที่หมอชี้คได้เสียชีวิตในปี ๒๔๓๘ ได้ตกเป็นสมบัติของนายหลุยส์เพื่อนร่วมรสนิยม แต่สุดท้ายนายหลุยส์ได้นำไปใช้หนี้ให้แก่เจ้าดารารัศมีแทนเงินยืม ๒๕,๖๙๖ รูปี  เจ้าดารารัศมีได้บ้านหมอชี้คมาก็ประทานต่อให้เจ้าแก้วนวรัฐพระเชษฐา ภายหลังเจ้าแก้วนวรัฐได้รับสถาปนาเป็นเจ้าหลวง คุ้มแห่งนี้จึงกลายเป็นคุ้มหลวงแห่งแรกที่อยู่นอกกำแพงเมือง 
คุ้มหลวงริมปิงหลังนี้ตั้งอยู่บนถนนวิชยานนท์

เมื่อเจ้าแก้วนวรัฐถึงพิราลัยในปี พ.ศ.2482 คุ้มหลวงริมปิง ถูกทิ้งให้รกร้างจนถึงปีพ.ศ.๒๔๘๘ จากนั้นนายชู โอสถาพันธุ์ (เต๊กชอ แซ่โอ้ว) พ่อค้าจีนได้ซื้อไปในราคา๑๘๐,๐๐๐ บาท
พ.ศ.๒๔๙๙ คุ้มหลวงริมปิงได้ถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างตลาดนวรัฐดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 13:28
หมอชีคเองไม่ได้มีโอกาสใช้จ่ายเงินเจ็ดแสนงวดหลังนี้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนาดลบันดาลให้ล้มเจ็บตายไปเสียก่อนที่คดีจะสุดสิ้นลง เมื่อท่านนักบุญชีคขึ้นสวรรค์ไปแล้ว นายหลุยก็ได้รับฮาเร็มของเขาเป็นมรดก ปลุกปล้ำผู้หญิงไทยต่อไป แต่คราวนี้ต้องสนุกสนานในกามอารมณ์อยู่แต่ผู้เดียว

ท่านนักบุญชีคน่าลงมากกว่าขึ้นนะคะ  ดูจากพฤติกรรม


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ส.ค. 13, 13:35
อ้างถึง
อ. NAVARAT.C ถามมาว่า สถานกลสุลอเมริกัน ช่วง พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่ไหน

ก็จะส่งคำตอบให้ว่า ตั้งอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ใต้กงสุลอังกฤษ เหนือสถานทูตฝรั่งเศส รั้วเรือนติดกับวัดม่วงแค คร้าบบบ

ในหนังสิอสมุดภาพรัชกาลที่๔ มีภาพหนึ่งบรรยายว่า สถานกงสุลไม่ทราบประเทศ เป็นไปได้ไหมว่าหลังอาคารที่เห็นนั้นคือวัดม่วงแค

หากได้กลับภาพซ้ายเป็นขวา เห็นหลังคาโบสถ์อยู่ซ้ายมือ จะใช่เลยครับ  ;D


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 13:47
เยี่ยมเลยคุณหนุ่ม เยี่ยมจริงๆ เป็นการค้นพบที่มีค่ายิ่ง

อ่ะ เอาแบบไม่สยองไป๑อัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 13:48
ไม่ว่าจะเป็น Gunboat policy หรือ Gunboat diplomacy หรือ Big stick diplomacy ดูเหมือนจะมีญี่ปุ่นกับสยามเท่านั้น ที่รอดตัวเพราะเข้าใจฝรั่ง มันก็เพียงแต่จะเข้ามาหาเงินไปใช้ของมัน ถ้าไม่ได้จากกำไรในการค้าขาย ก็จะปล้นเอาดื้อๆ

จีนไม่เข้าใจตรงนี้ หรืออาจจะปรับตัวไม่ทันนึกว่าตัวเป็นมหาอำนาจที่สุดในโลก ผลก็คือถูกปืนเรือถล่มยับก่อนเข้าปล้นจนของมีค่าหมดพระราชวัง พม่ากับญวนเป็นชาติที่ยอมตายแบบผึ้งหวงรัง ซึ่งก็ได้ทั้งตายทั้งเสียทรัพย์ไปเยอะมากในเวลาหลายสิบทศวรรษก่อนจะไล่ฝรั่งออกไปได้ ดีที่เมืองร้อนอย่างบ้านเราฝรั่งไม่ชอบ มาตายเพราะไข้มากกว่าโดนฆ่า หาไม่แล้วคนพื้นเมืองเจ้าของประเทศแถวนี้คงต้องชะตากรรมเหมือนพวกอินเดียนแดง ที่ถูกฝรั่งปล้นฆ่า เอาแผ่นดินไปเป็นถิ่นอาศัยแห่งใหม่ของตัวอย่างสง่าผ่าเผย

     มาขยายความจากที่ท่านนวรัตนเกริ่นไว้ข้างบนค่ะ
    ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ต้องกลืนเลือดเป็นลิ่มๆ  จากถูกอเมริกาขวิดเอาไว้      พี่ยุ่นเขาอยู่ของเขาดีๆ   วันร้ายคืนร้าย  อเมริกาก็ส่งกองทัพเรือประกอบด้วยเรือรบ 4 ลำติดอาวุธหนักจนเพียบ  มีผู้บัญชาการชื่อพลเรือจัตวาแมทธิว ซี เพอร์รี่ มาโผล่ที่อ่าวอีโด (Edo Bay ) หรืออีกนัยหนึ่งอ่าวโตเกียว(Tokyo Bay) เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1853  ตรงกับพ.ศ. 2396 ในรัชกาลที่ 4 ของเรา
    ผู้สำเร็จราชการญี่ปุ่นถูกยื่นคำขาดให้เปิดประเทศค้าขายกับพี่กัน    จะมามัวปิดหน้าร้าน นั่งแล่ปลาดิบกินกับลูกเมียพี่น้องอยู่เงียบๆเหมือนเดิมไม่ได้      ไม่อยากเปิดร้านก็ต้องเปิดเดี๋ยวนี้     ถ้าไม่เปิดประเทศเรอะ  นี่แน่ะ  ยูเอาธงขาวในมือไอไป    ถ้ายูต้องการให้ไอหยุดถล่มเมืองยูด้วยกระสุุนปืนใหญ่เป็นห่าฝนจากเรือเมื่อไหร่  ก็โบกธงขาวเป็นสัญญาณนะ  ง่ายๆ ทำไม่ยาก

    ว่าแล้ว  นายพลเพอร์รี่ก็สาธิตแสนยานุภาพให้ดู  ด้วยการออกคำสั่งกองเรือของเขาให้ระดมยิงปืนใหญ่ถล่มบ้านเรือนริมอ่าวให้ชมเป็นขวัญตา  เพราะมาคราวนี้เรือรบอเมริกันแบกปืนใหญ่ชนิดใหม่เรียกว่า new Paixhans shell guns มาด้วย     ดิฉันไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกอะไรเจาะจงลงไปหรือเปล่านอกจากคำว่าปืนใหญ่  ต้องขอแรงท่านผู้รู้ในเรือนไทย    รู้แต่มีคำอธิบายว่าลูกกระสุนกระทบที่ไหนก็ระเบิดตูมที่นั่น  อานุภาพการทำลายล้างสูง  ถล่มอาคารบ้านเรือนได้ไม่มีชิ้นดี  
    สรุปว่าญี่ปุ่นก็ต้องเปิดประตูต้อนรับแขกที่ตัวเองไม่อยากจะได้  แลกกับชีวิตพลเมือง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ส.ค. 13, 14:20
ปืนที่ว่าใช้ลูกกระสุนเพลิงครับ ไม่ใช่แบบปกติที่กระทบแตกเมื่อถูกเป้า

ญี่ปุ่นชิมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปเล็กน้อยก็ประจักษ์ในคุณภาพสินค้าฝรั่ง เพราะบ้านเรือนของญี่ปุ่นทำด้วยไม้และกระดาษ ตูมเดียวก็วอดวายเละเทะ

บ้านเรือนของไทยส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้มุงหลังคาจาก โดนเข้าไปอย่างในภาพก็คงหมดเมืองเหมือนกัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 14:22
ญี่ปุ่น ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ภาคฝรั่งโหด  :o  :o  :o


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 14:40
ญี่ปุ่น ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ภาคฝรั่งโหด  :o  :o  :o

ไปข่มขู่เปิดประเทศเค้า   เค้าก็เลยบุกเข้าประเทศตะเอง
ไม่น่าเล๊ย


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 13, 09:49
แยกกระทู้เรื่องสถานกงสุลไปแล้วค่ะ   จะได้ไปอภิปรายกันให้จุใจว่าเป็นสถานกงสุลของประเทศไหนกันแน่

สถานกงสุลปริศนา (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5729.15)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:16
Jalito

กว่าจะเข้าห้องเรียนได้ก็เกือบเป็นคนสุดท้ายทุกที เค้าล้างถ้วยล้างชามกันเรียบร้อยแล้ว

ดูชื่อหัวข้อแล้วเห็นภาพพี่ไทยตัวจ้อยแบบบางลงไปนอนคลุกฝุ่นเลือดอาบร่างบาดแผลเต็มตัวในลานบ้านตัวเอง มี 3 ไอ้หรั่งอาวุธครบมือ ยืนล้อมกรอบกระเหี้ยนกระหือรืออยู่

มีอดีตผบ.ทร.ท่านหนึ่ง ตอนท่านเกิดคุณพ่อได้ตั้งชื่อลูกชายเื่พื่อระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญของชาติว่า 'ฝรั่ง' ทั้งที่เป็นไทยแท้ ผมไม่แดง ผิวไม่เผือกแต่อย่างใด  พอโตเป็นหนุ่มเข้าเรียนโรงเรียนนายเรือ  นนร.ฝรั่ง ถูกเพื่อนๆล้อเชิงเหยียด ตลอดถึงผบ.โรงเรียนก็ไม่แฮปปี้ที่ต่อไปจะมีนายทหารเรือไทยชื่อนี้ ต่อมาท่านจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ค่อนข้างทันสมัยว่า 'ประยูร'  แต่ก็ยังไม่วายซ้ำกับคนอื่น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย ภรรยาของท่านที่เป็นคุณครูโรงเรียนราชินีนั่นเอง เป็นคู่แท้กันซะจริงๆเลย

บ้านของท่านที่ใกล้ๆหัวถนนพระราม4 พระโขนง เลยมีป้ายชื่อติดที่ประตูรั้วบ้านว่า 'บ้านสองประยูร"


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:18
V_Mee
ขอแก้ไขชื่อผู้แต่งเพลงล้อหมอจิก (หมอชีค) กับมิสซาหลุย (มิสเตอร์หลุย)ครับ
อาจารย์ประสงค์  ปัญญาเพชร เหลนของพญาเทพวณีสอน (หนานสิทธิ)  ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า หนานแปง  ญาณวุฒิ  บุตรเขยของพญาเทพวณีสอน คนเลี้ยงช้างของพระเจ้าอินทวิชยานนท์และคนสนิทของเจ้าแก้วนวรัฐฯ และมีศักดิ์เป็นคุณตาของ อาจารย์ประสงค์เป็นผู้แต่งค่าวซอนี้ไว้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:19
เพ็ญชมพู
นายแปง วณีสอน กับ หนานแปง  ญาณวุฒิ  เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า  ฮืม
 

 
 
 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:21
V_Mee
เป็นคนเดียวกันครับ  แต่นายแปงนั้นนามสกุลญาณวุฒิ  ไม่ใช่วณีสอน  นามสกุลวณีสอนเป็นนามสกุลพญาเทพวณีสอนหรือเพี้ยเทพ (ในเอกสารเก่าจะเรียกบรรดาศักดิ์ "พญา" ของหลวงพระบางและล้านนาว่า "เพี้ย") ผู้เป็นนายช้างประจำหอหลวงตามที่คุณจิรนันท์  พิตรปรีชา กล่าวถึง

หนานแปง  ญาณวุฒินั้น เป็นพี่เขยของท้าวคำวังวณีสอนผู้เป็นคุณตาของอาจารย์ประสงค์  ปัญญาเพชร  และเป็นคุณปู่ของอาจารย์สุรสีห์  ญาณวุฒิ  ซึ่งทั้งสองท่านนี้เป็นชาวเชียงใหม่และเป็นผู้ชี้แจงให้ทราบว่าข้อมูลของคุณจิรนันท์นั้นคลาดเคลื่อน 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:42
องก์๓

ท่านได้อ่านบันเทิงคดีที่นายแพทย์วิบูลได้เขียนไว้แล้ว  ถือเป็นการปูพื้นก่อนที่ผมจะนำไปสู่การวิเคราะห์โดยตัวผมเอง ทั้งนี้ โดยอาศัยแหล่งข้อมูลที่พบในอินเทอเน็ททั้งหมด และน่าเสียดายว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นทางการของฝ่ายสยามเลย ดังนั้น ผมจะพยายามทิ้งร่องรอยของเอกสารที่ผมค้นมาได้นั้นให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ในการศึกษาหากจะมีนักกฎหมายผู้ใดเข้ามาอ่าน และนำไปขยายผลต่อในทางที่ถูกต้องตามควร

เอกสารแรกคือ บันทึกคดีพิพาทระหว่างประเทศที่นำไปสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ที่ลงคำพิพากษาคดีนี้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:48
ท่านที่ไม่ได้สนใจขนาดหนักก็ไม่ต้องอ่านต้นฉบับก็ได้นะครับ เดี๋ยวจะมีที่ผมแปลมาแล้วตามมา ผมเอามาลงไว้สำหรับบางท่านเท่านั้น จะได้ทุ่นเวลาในการไปแสวงหาเอกสารเบื้องต้น

ถ้าไม่สะใจ ก็ตามสายโยงนี้ครับ

http://books.google.co.th/books?id=eAACk7DmRCkC&pg=PA581&lpg=PA581&dq=dr.marion+cheek+award&source=bl&ots=lGX0UzSqA1&sig=wc-u2U6gdg9dihZVCZyPT8Rkxu0&hl=th&sa=X&ei=d64WUoyVIMfkkAWak4CYBA&ved=0CCwQ6AEwAA#v=onepage&q=dr.marion%20cheek%20award&f=false


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:52
2


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:53
3


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:53
4


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 10:59
ถือเป็นสำนวนคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการที่สั้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเอกสารที่ทั้งสองฝ่ายนำมาอ้างเป็นพยานกว่า๒๐๐๐หน้า

ต่อไปนี้เป็นสำนวนแปลของสถาปนิกให้ผู้อ่านส่วนใหญ่ในเรือนไทยนะครับ ผิดถูกก็ขออภัยนักกฏหมายตัวจริงไว้ก่อน และขอขอบคุณหากจะเข้ามาแก้ไขให้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 11:04
คำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ นิโคลัส เฮนเนน (Sir Nicholas J. Hennen) ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๑๘๙๘ ต่อคดีนายแพทย์ชีค ระหว่างสยามและสหรัฐอเมริกา

เนื่องด้วย ข้อตกลงที่กระทำขึ้นระหว่างกรมหมื่นเทววงศ์วโรปกรณ์ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งสยาม กับนายจอห์น บาร์แรตต์ อัครราชทูตและกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ให้การพิจารณาทุกสาเหตุแห่งข้อพิพาท ตามประเด็นของข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นกรณีย์ความระหว่างรัฐบาลสยามกับกิจการของนายแพทย์ชีคผู้วายชนม์ อยู่ภายใต้การตัดสินของข้าพเจ้า เซอร์ นิโคลัส จอห์น เฮนเนน หัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาในสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร ประจำประเทศจีนและญี่ปุ่น และ

เนื่องด้วย เพื่อปริวรรตให้เป็นไปตามข้อ ๓ แห่งข้อตกลงข้างต้น ข้าพเจ้าได้มานั่งพิจารณาคดีในกรุงเทพในวันที่ ๑ กุมภาพันธุ์ ๑๘๙๘ และใช้เวลาอีกเก้าวันติดต่อกัน ตรวจสอบข้อกล่าวหาและข้อแก้ต่าง เอกสาร การพิสูจน์หลักฐาน และสิ่งอื่นๆที่ยื่นเสนอให้ข้าพเจ้าโดยทั้งสองฝ่าย และรับฟังคำให้การของคู่กรณีย์ที่มีข้อขัดแย้งกัน และ

เนื่องด้วย การเตรียมการในเบื่องต้นทั้งหมดซึ่งคู่กรณีย์พึงปฏิบัติตามระบุในข้อตกลงข้างต้นได้รับจัดทำโดยเรียบร้อย ข้าพเจ้าได้นำมาพินิจพิเคราะห์โดยรอบคอบ ทั้งประเด็นในสัญญา และข้อเท็จจริงต่างๆที่คู่กรณีย์กล่าวหากัน โดยใช้เอกสาร หลักฐาน ข้อโต้แย้ง และการสื่อสารระหว่างข้าพเจ้ากับทั้งสองฝ่ายเสมอกันระหว่างการนั่งพิจารณาคดี  บัดนี้ อาศัยความเป็นกลางและการพิจารณาอย่างเสมอภาค ข้าพเจ้าสามารถบรรลุซึ่งคำตัดสิน ดังนี้

เนื่องด้วย ในวันที่๒๐ สิงหาคม ๑๘๙๒ และหลังจากนั้นมา รัฐบาลสยามได้เข้ายึดและเข้าครอบครองกิจการซึ่งอยู่ภายใต้ความควบคุมของนายแพทย์ชีค และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า การเข้ายึดและเข้าครอบครองกิจการดังกล่าว เป็นการละเมิด ข้อสอง แห่งสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรสยาม และ

เนื่องด้วย ในการพิจารณาเหตุผลด้านความเป็นธรรมของการเข้ายึดและการเข้าครอบครองกิจการดังกล่าว ด้วยข้อกล่าวหาว่านายแพทย์ชีคผิดสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไงนั้นๆ ของสัญญานั้นๆ ซึ่งกระทำขึ้นระหว่างนายแพทย์ชีคและรัฐบาลสยาม หนึ่งในนั้นก็คือ นายแพทย์ชีคไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่รัฐบาลสยามให้เงินกู้แก่นายแพทย์ชีค ซึ่งมีกำหนดจ่ายทุกวันที่ ๓๑ มีนาคมของแต่ละปี และ

เนื่องด้วย เป็นสิ่งจำเป็นที่การผิดสัญญาในการกระทำตามเงื่อนไขใดๆ จะต้องสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยการมีจริงของเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว ซึ่งต้องนำมาแสดงให้ประจักษ์ตั้งแต่แรก และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้ประจักษ์จนเป็นที่พอใจ ว่าสัญญาดังกล่าวมีข้อความหรือถ้อยคำที่มีนัยยะ ให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ามีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ ดังที่มีการกล่าวหาว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามนั้น และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้ประจักษ์จนเป็นที่พอใจว่า นายแพทย์ชีคได้กระทำผิดสัญญา ในการกระทำอื่นๆตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกล่าวหาว่าได้ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งรัฐบาลสยามนำมาบังคับใช้ และ

เนื่องด้วย ในวันที่๑๕ มิถุนายน ๑๘๙๓ รัฐบาลสยามได้ออกคำสั่ง หรืออนุญาตให้ออกคำสั่ง ดังปรากฏในเอกสารและคำให้การว่า “คำสั่งนครเชียงใหม่” ซึ่งตามความเห็นของข้าพเจ้าว่าไม่มีความเป็นธรรม ซึ่งคำสั่งดังกล่าวสามารถคำนวณได้ว่าจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อนายแพทย์ชีคเพียงใด และได้เกิดขึ้นไปแล้วจริงๆเท่าไหร่ และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กิจการของนายแพทย์ชีคผู้วายชนม์ น่าจะดำรงสถานภาพอยู่นานเท่านานอย่างที่ควรจะเป็น หากรัฐบาลสยามมิได้เข้าไปยึดทรัพย์สินและเข้าครอบครองกิจการของนายแพทย์ชีคในเดือนสิงหาคม ๑๘๙๒ และไม่ได้ออกออกคำสั่ง หรืออนุญาตให้ออกคำสั่งนครเชียงใหม่  
ข้าพเจ้า ณ บัดนี้ จึงตัดสินให้กิจการของนายแพทย์ชีคได้รับเงินชดเชยจำนวน ๗๐๖,๗๒๑(เจ็ดแสนหกพันเจ็ดร้อยยี่สิบเอ็ด)บาท จากรัฐบาลสยาม เพื่อความพึงพอใจของผู้เรียกร้องดังที่ข้าพเจ้าพิจารณาแล้ว และ
ตัดสินให้ “หนังสือยินยอมให้ขายจำนองทรัพย์สิน” ลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๑๘๘๙ ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป เงินที่ให้กู้ทั้งหมด รวมทั้งดอกเบี้ย ข้าพเจ้าได้นำมาหักกลบลบกันแล้วกับจำนวนเงินที่รัฐบาลสยามต้องชดเชยข้างต้น กับกิจการของนายแพทย์ชีค และหนังสือยินยอมให้ขายจำนองทรัพย์สินดังกล่าว และ

เนื่องจาก มีข้อกล่าวหาจากฝ่ายของนายแพทย์ชีค โดยตัวแทนของเขา ว่ารัฐบาลสยามให้คำมั่นว่าจะให้นายแพทย์ชีคได้สัมปทานในป่าหลายแปลงดังเอกสารและคำให้การ ระบุว่า “ป่าเมืองน่าน” โดยค่าชดเชยสำหรับการไม่ปฏิบัติตามคำมั่นดังกล่าว ฝ่ายนายแพทย์ชีคได้เรียกร้องมาด้วย และ

เนื่องจาก ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้ประจักษ์จนเป็นที่พอใจว่า มีการให้คำมั่นเช่นนั้นจริง ข้าพเจ้า ณ บัดนี้ตัดสินว่า ธุรกิจของนายแพทย์ชีคจะไม่ได้รับชดเชยใดๆจากรัฐบาลสยาม เฉพาะในส่วนที่เรียกร้องดังกล่าวนี้

บันทึกคำให้การ ความเห็นและคำตัดสินได้ทำขึ้นเหมือนกันสองชุดและลงนามโดยข้าพเจ้า ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๑๘๙๘ ที่นครเซี่ยงไฮ้ แห่งอาณาจักรจีน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 11:12
พักให้คิดสักครู่ครับ ใครจะมีความเห็นอย่างไรก็เชิญนะครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 13, 11:51
อยากจะขอเชิญท่านสมาชิกเรือนไทยที่มีความรู้ทางกฎหมาย ไม่ว่าโดยอาชีพหรือโดยสมัครเล่นมาออกความเห็นนะคะ

ดิฉันไม่รู้ภาษากฎหมาย     เท่าที่อ่านจากคุณนวรัตนแปลมา   เหมือนกับว่าข้อเท็จจริงที่หมอชี้คผิดสัญญาไม่จ่ายดอกเบี้ยไปกู้จากรัฐบาลสยาม ซึ่งมีกำหนดจ่ายทุกวันที่ ๓๑ มีนาคมของแต่ละปี  เป็นเรื่องที่อนุญาโตคนนี้ตัดสินว่า สัญญานั้นไม่มีจริง  หรือต่อให้มีจริง ทางฝ่ายสยามก็ไม่ได้นำมาแสดงเป็นหลักฐานในสำนวน   ทำให้ยกมาอ้างไม่ได้ที่ไปยึดทรัพย์เขา
แต่เรื่องฝ่ายสยามไปยึดทรัพย์สินของหมอชี้ค เป็นเรื่องมีจริง เห็นกันจริง  ก็เลยพิจารณาเฉพาะประเด็นนี้เป็นหลัก

ฟังๆคล้ายกับหมอชี้คเป็นหนี้นอกระบบ     ฝ่ายเจ้าหนี้ไม่มีหลักฐานว่าลูกหนี้มากู้เงินจริง    แต่ลูกหนี้มีหลักฐานว่าเขาโดนยึดบ้านยึดรถ   เพราะงั้นต้องคืนของให้เขาพร้อมค่าปรับด้วย
มันจะเป็นไปได้ละหรือที่รัฐบาลไม่เคยทำสัญญาอะไรกับหมอชี้ค   พูดกันแค่ปากเท่านั้น   หรือมีสัญญาจริงแต่ในนั้นไม่ได้ระบุชัดเจน

"ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้ประจักษ์จนเป็นที่พอใจ"
แปลว่า ไม่มีหลักฐาน  หรือมีแล้วแต่เท่าไหร่ๆข้าพเจ้าก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 13:01
ครับ ข้อวินิจฉัยว่ารัฐบาลสยามผิด มีอยู่สามสี่ประเด็น คือ

อ้างถึง
เนื่องด้วย ในการพิจารณาเหตุผลด้านความเป็นธรรมของการเข้ายึดและการเข้าครอบครองกิจการดังกล่าว ด้วยข้อกล่าวหาว่านายแพทย์ชีคผิดสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไงนั้นๆ ของสัญญานั้นๆ ซึ่งกระทำขึ้นระหว่างนายแพทย์ชีคและรัฐบาลสยาม หนึ่งในนั้นก็คือ นายแพทย์ชีคไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่รัฐบาลสยามให้เงินกู้แก่นายแพทย์ชีค ซึ่งมีกำหนดจ่ายทุกวันที่ ๓๑ มีนาคมของแต่ละปี และ

เนื่องด้วย เป็นสิ่งจำเป็นที่การผิดสัญญาในการกระทำตามเงื่อนไขใดๆ จะต้องสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยการมีจริงของเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว ซึ่งต้องนำมาแสดงให้เห็นตั้งแต่แรก และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้เห็นจนเป็นที่พอใจ ว่าสัญญาดังกล่าวมีข้อความหรือถ้อยคำที่มีนัยยะ ให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ามีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ ดังที่มีการกล่าวหาว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามนั้น และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้เห็นจนเป็นที่พอใจว่า นายแพทย์ชีคได้กระทำผิดสัญญา ในการกระทำอื่นๆตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกล่าวหาว่าได้ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งรัฐบาลสยามนำมาบังคับใช้ และ

ท่านอาจารย์เทาชมพูตีประเด็นถูกต้องตรงเผง ตรงนี้ใครอ่านก็ต้องสันนิฐานว่า โอ้ นี่ไม่มีสัญญากู้ยืมเงินกันหรอกหรือ ในบทความทั้งหลายที่ฝรั่งเอามาเขียนๆกันก็ไม่ได้แจ้งว่า แล้วความจริงมีหรือเปล่า หรือมีเป็นภาษาไทย ให้ล่ามแปลผิดๆถูกๆให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา หรือเลวร้ายที่สุดไปกว่านั้น ทนายฝ่ายสยามมิได้นำสัญญาที่มีมาให้อนุญาโตเห็นประจักษ์ด้วยตาเลย ไม่ว่าเหตุใด ฝรั่งคนอ่านก็คงสมน้ำหน้าในใจว่าคนไทยนี่โง่ชมัด


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 13:47
ก่อนอื่น ผมยืนยันว่า สัญญาระหว่างรัฐบาลสยามและหมอชีคมีอยู่จริง เป็นภาษาอังกฤษที่แน่นอนว่าร่างโดยที่ปรึกษากฏหมายฝรั่ง

โชคดีที่ผมหาเจอในเน็ท เป็นบันทึกหนังสือราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่มีไปยังบุคคลต่างๆ ในคดีของหมอชีคนั้น ผมจะไม่แปลทั้งหมด นอกจากเฉพาะที่สำคัญๆเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังว่ากันอยู่โดยตรง
บังเอิญเรื่องนี้ ใครไม่ทราบที่มีเส้นใหญ่ สามารถกระทุ้งให้วุฒิสมาชิกตั้งกระทู้ถามรัฐบาลสหรัฐในสภาว่าคดีหมอชีคเป็นอย่างไร ไปถึงไหนแล้ว ท่านประธานาธิบดีเลยสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศสรุปเรื่องเสนอเพื่อทราบ
ส่วนหนึ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศส่งให้สภาผ่านท่านประธานาธิบดีในวันที่๒ มีนาคม ๑๘๙๗ ก็คือสัญญาที่รัฐบาลสยามกระทำกับหมอชีค

สัญญาฉบับนี้ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ ในนามของรัฐบาลสยามทรงลงพระนามเป็นคู่สัญญากับนายแพทย์ชีค ในวันที่๒๓ เมษายน ๑๘๘๙ โดยมีกรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ ทรงลงพระนามในฐานะพยาน
 
ตัดที่จั่วหัวไปนะครับ สาระของสัญญาเป็นดังนี้

First. That His Royal Highness Prince Warawan Nakorn agrees to advance to Dr. M. A. Cheek the sum of 600,000 ticals to be used in the working of teak forests and the purchasing of teak wood.
ข้อหนึ่ง กรมหมื่นนราธิปจะจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่นายแพทย์ชีค เป็นเงิน ๖๐๐.๐๐๐.บาท เพื่อใช้ในการทำงานในป่าและการจัดซื้อไม้สัก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 13:51
Second. That Dr. M. A. Cheek shall, by the way of security, execute a bill of sale mortgage in favor of His Royal Highness Prince Warawan Nakorn on all teak wood now belonging to Dr. M. A. Cheek, according to a schedule accompanying this agreement, and on all teak wood which may be worked or purchased by him during the currency of this agreement; also on 76 elephants now belonging to Dr. Cheek and on all elephants which may be purchased by, or which may become the property of, Dr. M. A. Cheek during the currency of this agreement.
Dr. Cheek shall pay to His Royal Highness Prince Warawan Nakorn interest at the rate of 7.5% per cent per aunum on all moneys advanced to him by His Royal Highness Prince Warawan Nakorn.

ข้อสอง นายแพทย์ชีคจะทำหนังสือยินยอมให้ขายจำนองทรัพย์สินให้แก่กรมหมื่นนราธิป สำหรับไม้สักทั้งหมดที่ในขณะนี้เป็นของนายแพทย์ชีค ตามรายการที่ผนวกท้ายสัญญานี้ และสำหรับไม้สักที่นายแพทย์ชีคจะตัดโค่นหรือจะจัดซื้อต่อไปภายใต้สัญญานี้ กับทั้งช้างอีก๗๖เชือกที่นายแพทย์ชีคขณะนี้เป็นเจ้าของ หรือจะจัดซื้อต่อไปภายใต้สัญญานี้
นายแพทย์ชีคจะจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมหมื่นนราธิปในอัตรา ๗.๕% ต่อปี สำหรับเงินทั้งหมดที่กรมหมื่นนราธิปจ่ายเงินล่วงหน้าให้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 14:09
Third. That Dr. Cheek will deliver at Bangkok, at an estimated price of 3 pikot, all wood which may be worked or purchased by him; upon the arrival of the wood at Bangkok ,the estimated price of 3 pikot shall be released and Dr. Cheek may at any time after such delivery draw from His Royal Highness Prince Warawan Nakorn the amount of money so released for carrying on the work up country.

Fourth. That at the end of each season (about the 31st of March) Dr. Cheek shall make up his books and render a statement of the amount of wood in stock, the value of such wood, and the actual cost of wood delivered at Bangkok during the season; the difference between the actual cost of the wood delivered at Bangkok and the estimated cost of 3 pikot shall be debited or credited as the amount may be found to be greater or less than the. estimated cost of 3 pikot In reckoning the cost of the wood delivered at Bangkok, Dr. Cheek shall include all expenses incurred in the handling of the wood. Dr. Cheek shall receive no salary.

Fifth. That Dr. Cheek shall have the management of the working of the teak forests, and of the buying and selling or disposing of the wood. Mr. Cheek will sell the wood at Bangkok, or will cut up and ship the wood as may be most profitable to the parties to this agreement, provided that the wood is not sold at a price of less than 3 pikot. Dr. Cheek shall not sell the wood at a less rate than 3 pikot, except with the knowledge of His Royal Highness Prince Warawan Nakorn. If the wood cannot be sold at a price amounting to 3 pikot, His Royal Highness Prince Warawan Nakorn shall have the option of taking the wood over the rate of 3 pikot, or disposing of it.

ข้อสาม สี่ และห้า ผมไม่แปลนะครับ เพราะไม่ใช่ประเด็นที่อนุญาโตยกขึ้นมาวินิจฉัย
อนึ่ง ผมไม่ทราบความหมายของคำว่า pikot น่าจะเป็นหน่วย จำนวนเงินสกุลใดสกุลหนึ่ง/ปริมาตรไม้  ถ้าticalทราบว่าแปลว่าบาท ใครทราบโปรดบอกด้วยครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 14:28
Sixth. That Dr. Cheek shall make up the books of the teak business on the31st of March of each year, and the profits realized shall be divided as follows: His Royal Highness Prince Warawan Nakorn shall receive one-third and Dr. M. A. Cheek shall receive two-thirds of the net profits.
ข้อหก นายแพทย์ชีคจะสรุปบัญชีในกิจการทำไม้สักในวันที่๓๑ มีนาคมของทุกปี ผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงจะแบ่งกันดังนี้ กรมหมื่นนราธิปจะได้รับหนึ่งในสาม นายแพทย์ชีคจะได้รับสองในสาม ของกำไรสุทธิ

Seventh. That during the currency of this agreement all forest leases now held by Dr. Cheek, or which may be acquired by him, shall become the property of His Royal Highness Prince Warawan Nakorn.
ข้อเจ็ด ในระหว่างอายุสัญญานี้ สัมปทานป่าที่ปัจจุบันเป็นของนายแพทย์ชีค หรือที่จะอาจได้รับในอนาคต ถือว่าเป็นทรัพย์สินของกรมหมื่นนราธิป

ข้อนี้ผมถือว่าเป็นข้อสำคัญที่ผู้ร่างสัญญาฝ่ายสยามได้เตรียมการไว้แล้วและถูกมองข้ามโดยอนุญาโตคุลาการ กล่าวคือ ไม่ว่าจะผิดสัญญาหรือไม่ผิดสัญญา นายแพทย์ชีคก็ยินยอมรับว่า สัมปทานป่าก็เป็นทรัพย์สินของรัฐบาลสยาม รัฐบาลสยามย่อมมีสิทธิเข้าไปกระทำการใดๆในทรัพย์สินของตนได้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 23 ส.ค. 13, 14:29

อนึ่ง ผมไม่ทราบความหมายของคำว่า pikot น่าจะเป็นหน่วย จำนวนเงินสกุลใดสกุลหนึ่ง/ปริมาตรไม้  ถ้าticalทราบว่าแปลว่าบาท ใครทราบโปรดบอกด้วยครับ

Tical คือ บาท


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 14:32
Eighth. That all teak wood now held by Dr. Cheek (except 4,400 logs to be delivered to the Borneo Company, Limited) and all wood worked by him during the currency of this agreement shall be dealt with according to the terms of this agreement.

Ninth. That this agreement shall remain in force for a period of ten years from the date of signing unless Dr. Cheek shall at any time settle up the account and pay to His Royal Highness Prince Warawan Nakorn such sums of money as may be due to His Hoyal Highness Prince Warawan Nakorn from him.

Tenth. That Dr. Cheek shall, from time to time, advise His Royal Highness Prince Warawan Nakorn of all transactions connected with the working and purchasing and selling of the wood.

ไม่ต้องแปลครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 14:42
Eleventh. It is hereby agreed that no liabilities for losses incurred in the management of the business shall be shared by His Royal Highness Prince Warawan Nakorn.

สิบเอ็ด เป็นที่ยอมรับในที่นี้ว่า กรมหมื่นนราธิปจะไม่มีส่วนร่วมรับผิดใดๆต่อผลขาดทุนของการดำเนินธุรกิจ

ข้อนี้ก็สำคัญครับ เพราะทนายความฝ่ายอเมริกันพยายามต่อสู้ว่า คดีนี้ไม่ใช่เป็นการให้กู้ยืมเงิน แต่เป็นการร่วมธุรกิจกัน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่อนุญาโตตุลาการเหนือเมฆกว่า ไม่หยิบประเด็นนี้มาวินิจฉัยเลย

ลงพระนามและนาม

WARAWAN NAKORN.
MARION A. CHEEK.
 Witness:
DEVAWONGSE.


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 13, 15:13
ที่จริง อนุญาโตแกเขียนยังงี้เสียก็หมดเรื่อง 

Whereas I am of opinion that it will be proved to my satisfaction that any existing evidence,true or false, seen or unseen,  ever committed by Siamese Goverment,  will not be valid on any condition, I hereby decide and award solely on the said Doctor Marion Cheek.

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ข้าพเจ้าได้รับการพิสูจน์ให้ประจักษ์จนเป็นที่พอใจ  ว่าหลักฐานใดๆที่มีอยู่ทางฝ่ายรัฐบาลสยาม  ไม่ว่าจริงหรือเท็จ   มี  หรือไม่มีให้เห็น   ย่อมจะให้ถือเป็นโมฆะทั้งหมดโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ     ข้าพเจ้าจึงขอตัดสินให้นายแพทย์มาเรียน ชี้คได้รับการชดเชยค่าเสียหายทุกประการ

สรุปได้ว่าแกไม่ฟังฝ่ายไทยน่ะแหละ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 15:43
ใจเยนคร้าบ ใจเย็น
มาดูกันต่อว่าฝรั่งน่ะ เนียนขนาดไหนเวลาโกง เขาถนัดใช้มุมมองสองแง่สองง่ามตีความเข้าข้างฝ่ายที่เขากำหนดให้เป็นฝ่ายชนะ

นักกฎหมายแทบจะร้อยทั้งร้อยมักจะตีความตามอคติของตนถ้าเอาสีมาเป็นตัวตั้ง ไม่มีทางเสียหรอกที่จะไม่มีใจลำเอียง ฝรั่งก็เห็นแก่คนผิวขาวด้วยกัน โดยเฉพาะในยุคนั้นผิวเหลืองผิวดำอะไรยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะเกมการเมืองการค้าของฝรั่งได้

นายเฮนเนนนี้เป็นนักกฏหมายอังกฤษที่ไปเป็นผู้พิพากษาศาลสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในจีนและได้รับแต่งตั้งให้เป็นกงสุลในเซี่ยงไฮ้ด้วย มีอาชีพเล่นงานคนจีนในโรงเชือดที่เรียกว่าศาล โดยพื้นฐานจึงเกลียดเจ๊กอยู่แล้ว ไทยมองแล้วก็หน้าตาคล้ายๆกัน ยังไงก็หล่อสู้มะกันไม่ได้ ความแน่นแฟ้นระหว่างอังกฤษกับอเมริกายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ซี้ซ่ำปึ่กเหมือนพี่น้องตามกันมา พอทูตอเมริกันทาบทามไปก็ยอมรับงานโดยดี เรียกค่าตัวเพียงวันละ ๑๐ กินนี นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางและกินอยู่
 
1 guinea = one pound and one shilling เท่ากับ ๑.๕๐เหรียญสหรัฐ พ.ศ.นั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยอยู่ที่๒บาทต่อ๑เหรียญ(ค่านี้ได้จากรายงานของทูต) ค่าตัววันละ๑๐กินนีจึงเท่ากับ๓๐บาท นับว่าถูกเหลือเพราะมาอยู่๙วัน ได้ค่าเหนื่อยไปเพียง๒๗๐บาท แบ่งกันจ่ายคนละครึ่งระหว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเชื่อนะครับว่าหมอนี่จะได้เงินเข้ากระเป๋าไปเท่านั้นจริงๆ

ผมว่าฝ่ายสยามพลาดไปมากที่ยอมให้มีอนุญาโตตุลาการคนเดียว มีฝ่ายละคนอย่างคดีนายแบร์เรตต์จะดีกว่า ให้เถียงกันจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะยอมจึงจะให้ผ่าน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 16:30
ผมนั่งคิดนอนคิด พยายามตีความ ว่านายเฮนเนนเอาอะไรมาชี้ผิดฝ่ายสยาม  อะไรหมกเม็ดอยู่ในถ้อยคำเหล่านี้

เนื่องด้วย ในการพิจารณาเหตุผลด้านความเป็นธรรมของการเข้ายึดและการเข้าครอบครองกิจการดังกล่าว ด้วยข้อกล่าวหาว่านายแพทย์ชีคผิดสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไงนั้นๆ ของสัญญานั้นๆ ซึ่งกระทำขึ้นระหว่างนายแพทย์ชีคและรัฐบาลสยาม หนึ่งในนั้นก็คือ นายแพทย์ชีคไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่รัฐบาลสยามให้เงินกู้แก่นายแพทย์ชีค ซึ่งมีกำหนดจ่ายทุกวันที่ ๓๑ มีนาคมของแต่ละปี และ

เนื่องด้วย เป็นสิ่งจำเป็นที่การผิดสัญญาในการกระทำตามเงื่อนไขใดๆ จะต้องสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยการมีจริงของเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว ซึ่งต้องนำมาแสดงให้เห็นตั้งแต่แรก และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ข้าพเจ้ามิได้รับการพิสูจน์ให้เห็นจนเป็นที่พอใจ ว่าสัญญาดังกล่าวมีข้อความหรือถ้อยคำที่มีนัยยะ ให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ามีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ ดังที่มีการกล่าวหาว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามนั้น และ

มาดูสัญญานะครับ ฝ่ายสยามระบุสั้นๆในข้อ ๒ ว่า

นายแพทย์ชีคจะจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมหมื่นนราธิปในอัตรา ๗.๕% ต่อปี สำหรับเงินทั้งหมดที่กรมหมื่นนราธิปจ่ายเงินล่วงหน้าให้

ไม่ได้บอกว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ แต่เป็นที่เข้าใจในวงการเงินการธนาคารหรือแขกพาหุรัต ถ้าดอกเบี้ยจ่ายปีละครั้ง กำหนดวันจ่ายหมายถึงวันสิ้นปี
ปฏิทินฝรั่ง ถือวันที่ ๓๑ ธันวาคมเป็นวันสิ้นปี แต่ โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ฝ่ายไทยไปถือเอาวันที่ ๓๑ มีนาคมเป็นวันสิ้นปี แต่ไม่ปรากฏที่ใดเลยว่า นายแพทย์ชีคจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมหมื่นนราธิป ในวันที่ ๓๑ มีนาคม

ข้อความในข้อนี้ก็ไม่ได้ครอบคลุมถึงการจ่ายดอกเบี้ย

ข้อหก นายแพทย์ชีคจะสรุปบัญชีในกิจการทำไม้สักในวันที่๓๑ มีนาคมของทุกปี ผลกำไรที่เกิดขึ้นจริงจะแบ่งกันดังนี้ กรมหมื่นนราธิปจะได้รับหนึ่งในสาม นายแพทย์ชีคจะได้รับสองในสาม ของกำไรสุทธิ

ดังนั้น ถ้าคิดแบบฝรั่ง นายแพทย์ชีคก็ผิดนัดชำระดอกเบี้ยครั้งเดียว เพราะยังไม่ถึง ๓๑ ธันวาคม แต่ไทยนับเป็น ๒ ครั้งเพราะเลย ๓๑ มีนาคม ไปแล้ว
ถึงตรงนี้ ทนายฝ่ายไทยคงงกๆเงิ่นๆ ที่เห็นลูกความของตนถูกทนายฝ่ายตรงข้ามต้อนในศาล ว่ามีอะไรมาแสดงหรือเปล่า ว่าดอกเบี้ยจะต้องจ่ายในวันที่ ๓๑ มีนาคม อ้อ อ้างว่าเป็นที่รับรู้และปฏิบัติโดยทั่วไปในประเทศนี้หรือ ไหน ไหนครับท่าน ไหนเอกสาร ท่านได้ยื่นเอกสารในเรื่องนี้ให้อนุญาโตตุลาการก่อนการพิจารณาคดีหรือเปล่า

เห็นภาพไหมครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ส.ค. 13, 18:28
อ้างถึง
1 guinea = one pound and one shilling เท่ากับ ๑.๕๐เหรียญสหรัฐ พ.ศ.นั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยอยู่ที่๒บาทต่อ๑เหรียญ(ค่านี้ได้จากรายงานของทูต) ค่าตัววันละ๑๐กินนีจึงเท่ากับ๓๐บาท นับว่าถูกเหลือเพราะมาอยู่๙วัน ได้ค่าเหนื่อยไปเพียง๒๗๐บาท แบ่งกันจ่ายคนละครึ่งระหว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเชื่อนะครับว่าหมอนี่จะได้เงินเข้ากระเป๋าไปเท่านั้นจริงๆ

ขอแก้ไขสิ่งผิดครับ พบหลักฐานใหม่ตามนี้

His absence from Shanghai will probably be from fifty to sixty
days, making his total fee from $2,500 to $3,000, of which, according to
your instructions, the United States will pay half.
นับจากวันออกจากเซี่ยงไฮ้(Sir Nicholas Hannen)น่าจะเป็นประมาณห้าสิบถึงหกสิบวัน คิดค่าธรรมเนียมทั้งหมดระหว่าง๒๕๐๐-๓๐๐๐ เหรียญสหรัฐ (๕๐๐๐-๖๐๐๐บาท) ซึ่งจากคำสั่งของท่าน สหรัฐจะจ่ายครึ่งหนึ่ง

อึมม์ ก็ไม่น้อยแล้วละครับ  แต่จะมากพอหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องนึง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 24 ส.ค. 13, 05:42
มีความในเอกสารจดหมายเหตุระบุว่า  เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม  ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์  รองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ  ได้มีลายพระหัตถ์ทรงหารือ “เรื่องที่จะให้ฃ้าหลวงทำป่าไม้ในหัวเมืองลาวเฉียง”  ไปถึงพระเจ้าน้องยาเธอ  กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ  เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และเมื่อเมื่อเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้ทอดพระเนตรความในลายพระหัตถ์นั้นแล้ว  ได้มีลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) ทรงตอบความในพระดำรินั้นว่า

“ได้ตรวจกระแสพระดำริห์แลคำชี้แจงของจมื่นมหาดเล็กตลอดแล้ว  และเรื่องการป่าไม้นี้  เมื่อเกล้าฯ เดินทางมาในประเทศอินเดียและเมืองพม่า   ได้พบปะสนทนากับเจ้าพนักงานป่าไม้ฝ่ายอังกฤษหลายคน  ได้ทราบว่าการทำป่าไม้ตามแบบอังกฤษที่ถ่ายจากของเยอระมันมาอีกชั้นหนึ่งนั้น  มีเจ้าพนักงานป่าไม้คล้ายกับกรมโยธา  มีหน้าที่จะคิดตัดไม้ออกฃายเปนสินค้าทั้งรักษาป่ามิให้ฉิบหาย  ที่ว่าเหมือนการโยธานั้น  คือป่าใดควรจะทำเองก็ทำมิให้ประโยชน์ทอดทิ้งอยู่เปล่าๆ  หรือเสียเปรียบแก่พ่อค้าที่หากำไรเหลือเกิน  พนักงานป่าไม้อังกฤษได้แจ้งความแก่เกล้าฯ ว่า  ต่อไปจะคิดทำป่าไม้เองทั้งนั้น  แต่หากเวลานี้การกรมป่าไม้พึ่งจัดใหม่ได้ ๘ ปียังไม่เรียบร้อย  จึงยังต้องให้อนุญาตอยู่บ้าง  ยังแนะนำเฃ้ามาถึงการป่าไม้เมืองไทยว่าถ้ายังไม่คิดจะลงทุนรอนมากถึงตั้งกรมจัดการป่าไม้อย่างในประเทศอินเดียและเมืองพม่า  ถ้าออกเพียงกฎหมายแบ่งขนาดไม้ให้ตัด  และจัดวิธีตรวจตรารักษาไม้เล็กในป่าอย่าให้เปนอันตรายหมดไปเสียเท่านี้การก็จะดีขึ้นกว่าเดี๋ยวนี้มาก  และผู้ขออนุญาตทำป่าไม้ในเมืองไทยคงจะมีมากขึ้น  เพราะที่เมืองพม่าเลิกอนุญาตพวกรับทำป่าไม้  คงจะเฃ้ามาหาการทำเมืองไทยโดยมาก

การซึ่งฝ่าพระบาททรงพระดำริห์ที่จะให้ฃ้าหลวงทำป่าไม้เสียเองนั้น  ถ้าทำได้ดังพระดำริห์คงจะเปนการดีมาก  ทั้งฝ่ายประโยชน์ที่ได้ทรงชี้แจงมา  และแบบแผนประเทศที่ใกล้เคียงเฃาก็ทำอยู่แล้ว  ดังได้กราบทูลมาฃ้างต้น  แต่การที่จะให้ฃ้าหลวงทำตามพระดำริห์นี้ดูก็เหมือนให้ฃ้าหลวงเปนผู้ถืออนุญาตมากกว่าเปนเจ้าพนักงานป่าไม้อย่างที่เฃาจัดในอินเดียและเมืองพม่า  แต่ถึงกระนั้นก็ดีถ้าเรายังไม่คิดที่จะลงทุนรอนมากอย่างเฃาทำ  เพียงเท่านี้ก็จะดีขึ้น
แท้จริงวิธีทำการเช่นป่าไม้  พ่อค้าทำได้อย่างใดฃ้าหลวงก็ทำได้เหมือนกัน  ตั้งแต่โสหุ้ยค่าใช้สอยแลทุนรอนที่จะลงซื้อสิ่งของและจะจ้างผู้คนก็จะใช้ได้เท่ากัน  จะผิดกันมีก็มีอย่างเดียว  ที่ฃ้างพ่อค้าเฃามีความฉิบหายคอยเปนเครื่องตักเตือนให้หวาดไหว  และกระเบียดกระเสียรให้ร้อนใจหาผลประโยชน์อยู่เสมอ  ยิ่งกว่าผู้ทำการของราชาธิปตัยซึ่งไม่พึงกลัวการล้มละลาย  ถึงจะคิดให้ผลประโยชน์ผู้ทำการตามส่วนกำไรที่ได้  ถ้าไม่มีการควบคุมตรวจตราให้แรงก็จะไม่สู้มีประโยชน์อันใดผิดกับภาษีคอเวอนเมนต์อย่างแต่ก่อนนัก”


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ส.ค. 13, 05:48
รูปนายหันเหน็นครับ  เกิดเมื่อปี  1842  หลังจบปริญญาตรีจาก  University College London  เมื่อปี 1862 จากนั้นก็ออกเดินทางมาทำมาหากินเป็นนักกฏหมายทางตะวันออกไกลแถวๆ จีน ญี่ปุ่น นี่แหละ  ตำแหน่งเติบใหญ่ขึ้นจนได้เป็นอัศวินในปี 1895 นายหันเหน็นตายในปี 1900 ที่เซี่ยงไฮ้ ไม่กี่วันก่อนกำหนดการเกษียณและเดินทางกลับไปใช้ชีวิตในบ้านที่ซื้อไว้ที่อังกฤษ


Nicholas John Hannen  


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 24 ส.ค. 13, 05:49
นอกจากนั้นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ ยังได้ทรงนำแนวพระดำริเรื่องการจัดการป่าไม้ในมณฑลลาวเฉียงขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาเรียนพระราชปฏิบัติ  แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริเห็นชอบด้วยกับพระดำริในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงษ์  เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ที่ว่า

“การที่กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ ดำริห์จะทำโดยกิริยาที่ไม่ผิดกว่าราษฎรทั้งหลายที่ทำกันอยู่  ผิดกันแต่ออกเงินหลวงไปทำกับออกทุนของตนเองทำเท่านั้น  เป็นการไม่สมควรเลยที่จะออกเงินแผ่นดินไปทำการค้าขายเช่นราษฎรให้เกิดความวินาศขึ้น  เธอเชื่อว่าประเทศอื่นที่เขาจัดทำเปนหลวง  จะไม่ได้ทำดังนี้  เห็นว่าซึ่งเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ว่านี้ถูกแล้ว”

ประมวลความจากเอกสารจดหมายเหตุดังกล่าว  น่าจะอนุมานได้ว่า ทนายความของหมอชีคคงจะล่วงรู้ถึงแนวพระดำริในกรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์  จึงตั้งรูปต่อสู้คดีไปในทางที่รัฐบาลสยามร่วมลงทุนทำป่าไม้กับหมอชีคดังที่ท่านนวรัตนได้บรรยายมา


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ส.ค. 13, 07:05
ขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้ามาให้ข้อมูลในกระทู้นะครับ

ขออธิบายศัพท์ เพิ่มเติม

 “หนังสือยินยอมให้ขายจำนองทรัพย์สิน” ที่ผมแปลจาก Bill of sale mortgage ซึ่งปรากฏในสัญญาระหว่างรัฐบาลสยามกับหมอชีค และในคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการนั้น ผมควรต้องเปลี่ยนคำแปลเป็น “หนังสือขายจำนอง”

การค้ำประกันเงินกู้โดยวิธีนี้ ปัจจุบันไม่มีใครทำแล้ว คงมีแต่การ “จำนอง”เท่านั้น ฝรั่งเองก็เลิกใช้ ในอินเทอเน็ตหาคำอธิบายได้เพียงว่า

What is MORTGAGE BILL OF SALE?
Signed document by a borrower-mortgagor giving a lender-mortgagee the right to claim and sell the collateral-mortgaged property a default on the loan agreement occurs. It is not an absolute sale, only a conditional bill of sale. The mortgagor continues to hold the property and has the right to redeem it on complete debt repayment

ตีความแล้ว คือการขายจำนอง ลักษณะเดียวกับขายฝาก และจำนำ

ขายฝาก (sale with right of redemption) คือ การเอาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ของที่ดิน และ/หรือ ทรัพย์สินของลูกหนี้ ไปโอนให้เจ้าหนี้เลย แต่ลูกหนี้ยังทำประโยชน์ในที่ดินและ/หรือทรัพย์สินต่อไปได้ในระหว่างอายุสัญญา แต่หากลูกหนี้ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ที่ดินและ/หรือทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอันตกแก่เจ้าหนี้โดยสมบูรณ์ เจ้าหนี้มีสิทธิ์เข้ายึดครองที่ดินและ/หรือทรัพย์สินนั้นได้ทันที

จำนอง (mortgage) คือ การเอาหนังสือกรรมสิทธิ์ที่ดินของลูกหนี้ ไปจดทะเบียนยังกรมที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้ของตนให้แก่เจ้าหนี้ แต่ลูกหนี้ยังทำประโยชน์ในที่ดินต่อไปได้ในระหว่างอายุสัญญา แต่หากลูกหนี้ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด เจ้าหนี้มีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาล บังคับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวแก่เจ้าหนี้ได้ แล้วจึงสามารถเข้ายึดครองนั้น

จำนำ (pledge) คือ การเอาทรัพย์สินและหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของลูกหนี้ ไปให้เจ้าหนี้ยึดไว้เป็นหลักประกันเลย แต่สามารถไถ่ถอนคืนได้ตามกำหนดในสัญญา หากลูกหนี้ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอันตกแก่เจ้าหนี้โดยสมบูรณ์
 
ขายจำนอง(sale mortgage) ตามคำแปลจากภาษาอังกฤษข้างต้น คือการที่ลูกหนี้ยอมให้เจ้ามีสิทธิ์ขาดในหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน หากลูกหนี้มีการกระทำที่ผิดสัญญาขึ้น ไม่ใช่การขายขาด เพราะลูกหนี้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินได้และสมามารถไถ่ถอนหลักทรัพย์คืนด้วยการชำระหนี้หมดสิ้น

สรุปง่ายๆ จำนองนั้น เจ้าหนี้จะยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำสั่ง ส่วน ขายฝาก ขายจำนอง และจำนำ นั้น เจ้าหนี้เข้ายึดทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ทันทีเมื่อลูกหนี้กระทำผิดสัญญา หากลูกหนี้ไม่เห็นด้วย ก็ต้องไปฟ้องร้องต่อศาลให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย ดังเช่นคดีของหมอชีคนี้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ส.ค. 13, 09:02
การต่อสู้ในส่วนเนื้อหาของคดีนั้น ฝ่ายกฎหมายของสหรัฐตั้งประเด็นไว้ดังนี้

๑ ความเกี่ยวพันระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ถือว่า หมอชีคเป็นหุ้นส่วนกับสยาม หรือเป็นเพียงผู้กู้เงินเท่านั้น
คือหากว่าเป็นหุ้นส่วน กำไรก็ต้องกำไรด้วยกัน ขาดทุนก็ต้องขาดทุนด้วยกัน จะเรียกร้องเงินที่นำมาลงทุนคืนไม่ได้

๒ ตามกฎหมายนั้น หมอชีคได้กระทำผิดสัญญาไปแล้วหรือไม่ เมื่อสยามเข้ายึดไม้ซุงและนำไปขาย ณ วันที่ออกประกาศ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฏาคม ๑๘๙๓
คืออ้างว่า หมอชีคกำลังนำซุงดังกล่าวไปขาย เพื่อชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายที่ถือว่ายังไม่ได้มีการกระทำผิดสัญญา

๓ รัฐบาลสยามได้ใช้การแก้ปัญหาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แม้จะมีความเห็นว่าหมอชีคผิดสัญญาและต้องรับผิดต่อการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ที่ครบกำหนดชำระ
อันเนื่องมาจากประเด็นที่สามนี้ หมอชีคร้องเรียนรัฐบาลสหรัฐว่ากฎหมายของประเทศสยามไม่ได้ให้ความยุติธรรมต่อเขาเพียงพอในการยึดซุงไปขายทอดตลาดในราคาต่ำกว่าที่ควร ทำให้เขาต้องเสียหายเป็นเงินถึง ๑,๐๗๑,๕๕๔ บาท ซึ่ง หลังจากหักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกแล้ว หมอชีคเรียกร้องเงินชดเชย ๒๒๗,๔๐๘ บาท ขอให้ศาลใช้อำนาจอันล้นพ้นที่จะบังคับให้รัฐบาลสยามยอมจ่ายเงินให้เขาด้วย

แต่พระเดชพระคุณหันเหน็นของคุณประกอบ เมื่อฟันธงว่า รัฐบาลสยามเป็นฝ่ายผิด ที่ไม่ได้แสดงหลักฐานว่าหมอชีค ต้องจ่ายดอกเบี้ยประจำปีให้ภายใน ๓๑ มีนาคมแล้ว ก็คำนวณด้วยตนเองด้วยสูตรอันไม่จำเป็นต้องเปิดเผยว่า ความเสียหายของหมอชีคทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต จากละเมิดของสยามในคดีนี้ หักกลบลบหนี้แล้ว ให้รัฐบาลสยามจ่ายหมอชีค ๗๐๖,๗๒๑บาท (เจ็ดแสนหกพันเจ็ดร้อยยี่สิบเอ็ด) มากกว่าที่หมอชีคร้องขอเกิน ๓ เท่า

ผมไม่เคยได้ยินว่ามีศาลที่ไหน ต้ดสินให้โจทก์ได้จากจำเลยมากกว่าคำฟ้อง
ขอนำหน้านายหันเหม็นมาให้ดมดูอีกที


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ส.ค. 13, 09:57
คำตัดสินดังกล่าวไม่ว่าฝ่ายสยามเท่านั้นที่ช๊อก ฝ่ายอเมริกันเองยังฉงนสนเท่ห์ ทูตรายงานไปกระทรวงว่าจำนวนเงินที่อนุญาโตตุลาการตัดสินให้ฝ่ายอเมริกันได้นั้น แตกต่างกับความคาดหมายมโหฬารอย่างคาดไม่ถึง

ข้อทิ้งท้ายในบทความของนายแพทย์วิบูล วิจิตรวาทการที่ว่าไม่ทราบนายเห็นเหม็นรับเงินส่วนแบ่งไปเท่าไหร่ ผมก็ไม่มีใบเสร็จเหมือนกัน แต่ไปเจอบทความนี้ในเน็ท ขี้เกียจแปลทั้งหมดเพราะซ้ำซาก เอาเฉพาะท่อนนี้ก็แล้วกัน

Clarence Blachly reported the following: "Dr. Cheek conducted a large teak lumber industry in Northern Siam. Thirty nine elephants were used to handle the timber. It was floated down the river to Bankok. When Dr. Cheek died the Siamese Government confiscated the industry. Damages were sought by the family under international law and eventually $250,000 was awarded Mrs. Cheek….”  
คลาเรนส์ แบล์ชลีเขียนรายงานดังนี้ “นายแพทย์ชีคได้ดำเนินอุตสาหกรรมไม้สักขนาดใหญ่ในภาคเหนือของสยาม ใช้ช้างถึงสามสิบเก้าเชือกในการชักลากไม้เพื่อล่องแม่น้ำมากรุงเทพ เมื่อนายแพทย์ชีคถึงกรรมนั้น รัฐบาลได้เข้ายึดกิจการ ครอบครัวได้เรียกร้องค่าเสียหายภายใต้กฎหมายสากลระหว่างประเทศ ซึ่งสุดท้ายได้ตัดสินให้นางชีคได้รับเงิน ๒๕๐,๐๐๐เหรียญ

๒๕๐,๐๐๐เหรียญก็เท่ากับ๕๐๐,๐๐๐บาท คดีนี้ รัฐบาลสยามยอมจ่ายโดยทันทีไม่มีข้อโต้แย้ง ๗๐๖,๗๒๑ บาท เงินส่วนที่ขาดสองแสนกว่าบาทคงจะเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีของสหรัฐซึ่งเป็นงบลับไม่เปิดเผย เราจึงไม่ทราบว่านอกจากค่าทนายซึ่งเป็นคนอังกฤษหากินอยู่ในจีนที่น่าจะซี้กับนายเห็นเหม็น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆแล้ว ยังมีค่าจิ้มก้องส่งไปเมืองจีนรวมอยู่ในวงเงินนี้อีกหรือไม่ เท่าไร


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ส.ค. 13, 10:08
ภรรยาของหมอชีค คือลูกสาวของหมอบรัดเลย์ผู้มีคุณานุคุณต่อสยาม ได้หนีพฤติกามของหมอชีคไปเลี้ยงลูก๕คนอยู่ในอเมริกาคือผู้ที่ได้รับมรดก ในภาพนี้จะเห็นหน้าของเธอจากสาแหรกตระกูล เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับอีกภาพหนึ่งที่หาได้จากเวปไทย เราคงพอจะเห็นเค้าหน้าของหมอชีค สามีที่ยืนเคียงข้างเธอได้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 17:26
เรามักจะรู้กันเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างเหตุการณ์ร.ศ. 112 หรือการถูกเฉือนดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง   ที่ไทยรอดจากการล่าอาณานิคมมาอย่างหวุดหวิด    แต่กระทู้นี้ก็ทำให้รู้ว่า ฝรั่งรังแกสยามทุกรูปแบบเท่าที่จะทำได้    มีทางโกย(และโกง)ได้เท่าไหร่ก็โกยมากเท่านั้น   ไม่ต้องคำนึงว่าถูกหรือผิด     ยึดหลักมือใครยาวสาวได้สาวเอา

เรื่องคดีของหมอชี้ค  ไม่ต้องมาเถียงกันว่า สยามมีช่องโหว่เองในด้านหลักฐาน  เลยช่วยไม่ได้ที่จะแพ้    หรือว่าถ้าใครเป็นตุลาการก็ต้องตัดสินอย่างนายหันเหม็นอยู่ดี     เพราะยังไงหลักฐานความไม่ชอบมาพากลสุดๆ ก็คือการตัดสินค่าเสียหายที่เกินกว่าโจทก์ตั้งไว้ถึง 3 เท่า    ไม่มีศาลไหนเขาทำกัน     มีแต่ว่าจะให้ได้อย่างมากที่สุดก็ตามที่ขอ     แต่นายอนุญาโตคนนี้เรียกจากรัฐบาลสยามราวกับว่าตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสียกับหมอชี้คด้วย      ถ้าแกเป็นทนายความแทนที่จะเป็นตุลาการ  เราก็คงคิดว่าโก่งราคาให้หมอชี้คได้เยอะเท่าใด ตัวเองก็จะพลอยได้เปอร์เซ็นต์มากขึ้นไปเท่านั้น

ส้มก็เลยไปหล่นทับคุณนายชี้คทั้งเข่ง     ก็คงพอจะคุ้มกับที่เธอต้องหอบลูกหนีสามีกลับไปอยู่บ้านเมืองตัวเอง   


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 17:38
       ตามไปอ่านประวัติของนายนิโคลัส จอห์น ฮันเนนคนนี้ก็พบว่าแกก็ได้ดิบได้ดีอยู่ทางแถวตะวันออก     หลังจากตัดสินคดีให้รัฐบาลสยามต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้หมอชี้คผู้ผิดสัญญา ไม่นานนัก    ในค.ศ. 1891  แกก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาของศาลฎีกาอังกฤษประจำประเทศจีนและญี่ปุ่น     เท่านั้นยังไม่พอ  ยังควบตำแหน่งกงสุลเยนเนอรัลของอังกฤษในเซี่ยงไฮ้อีกด้วย     ก็หมายความว่า เป็นทั้งนักการทูต ทำงานเพื่อประโยชน์ของสหราชอาณาจักร   และตุลาการที่จะชี้ถูกชี้ผิดในคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในจีนและญี่ปุ่น  ไม่ว่าจะระหว่างอังกฤษกับคนอังกฤษ  หรืออังกฤษกับชาติอื่นๆ

      ในเมื่อนั่งคร่อมสองเก้าอี้แบบนี้พร้อมกัน เราก็คงเดาได้ไม่ยากว่าถ้าอังกฤษเกิดมีคดีพิพาทไม่ว่ากับคนชาติไหน     หัวหน้าผู้พิพากษาจะตัดสินให้จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส โปรตุเกส  อินเดีย  ฯลฯ เป็นฝ่ายชนะอังกฤษละหรือ?     จึงมีเสียงประท้วงอึงคะนึงจากบรรดาผู้คนชาติอื่นๆที่ไปทำมาหากินอยู่ในจีนและญี่ปุ่น  ว่ามันไม่แฟร์ที่แกนั่งควบเก้าอี้คู่แบบนี้   
      ในที่สุดฮันเนนก็ต้องสละเก้าอี้กงสุลไป  แต่ยังนั่งเก้าอี้หัวหน้าผู้พิพากษาอยู่      ถ้ามองจากวิธีตัดสินของแก ที่...อะไรๆก็ยังไม่สามารถพิสูจน์จนเป็นที่พอใจของข้าพเจ้า...และข้าพเจ้าเองก็พอใจอะไรก็ได้ตามแบบของข้าพเจ้า   ก็น่าเชื่อว่าตำแหน่งนี้คงจะน่าปรารถนาสำหรับแกมากกว่าตำแหน่งทูตอย่างตำแหน่งกงสุล  ซึ่งชี้ต้นตายปลายเป็นให้ใครไม่ได้ 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 13, 10:35
ผมเพียงต้องการให้หมดประเด็นสงสัยในคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ อันเนื่องมาจากการกระทำของสยามภายใต้สัญญาที่ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์  รองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทำกับนายแพทย์ มารีออน ชีค ซึ่งยังคงค้างอยู่อีกประเด็นหนึ่ง คือเรื่อง“คำสั่งนครเชียงใหม่”ว่าคืออะไร ดังอ้างในคำตัดสินนี้

เนื่องด้วย ในวันที่๑๕ มิถุนายน ๑๘๙๓ รัฐบาลสยามได้ออกคำสั่ง หรืออนุญาตให้ออกคำสั่ง ดังปรากฏในเอกสารและคำให้การว่า “คำสั่งนครเชียงใหม่” ซึ่งตามความเห็นของข้าพเจ้าว่าไม่มีความเป็นธรรม ซึ่งคำสั่งดังกล่าวสามารถคำนวณได้ว่าจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อนายแพทย์ชีคเพียงใด และได้เกิดขึ้นไปแล้วจริงๆเท่าไหร่ และ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กิจการของนายแพทย์ชีคผู้วายชนม์ น่าจะดำรงสถานภาพอยู่นานเท่านานอย่างที่ควรจะเป็น หากรัฐบาลสยามมิได้เข้าไปยึดทรัพย์สินและเข้าครอบครองกิจการของนายแพทย์ชีคในเดือนสิงหาคม ๑๘๙๒ และไม่ได้ออกออกคำสั่ง หรืออนุญาตให้ออกคำสั่งนครเชียงใหม่  


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 13, 10:41
ผมจึงได้แปล “ประกาศเมืองเชียงใหม่” ที่ออกโดยจมื่นราชบุตร (อเมริกันเขียนว่า Chow Mun Rajabut ซึ่งผมเดาว่าเป็น “เจ้ามั่นราชบุตร” ครั้นไปเปิดปูมเจ้าเชียงใหม่แล้วไม่มีจึงมึนๆอยู่ ต่อเมื่อได้เห็นชื่อตำแหน่งจมื่นมหาดเล็ก (Chow Mun Mahatlek) เจ้าพนักงานเชียงใหม่ปรากฏในลายพระหัตถ์กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ที่คุณวีหมีคัดลอกมาให้อ่านในกระทู้นี้จึงปิ๊งขึ้นมาได้) ประกาศเมืองเชียงใหม่นี้ พระยาทรงสุรเดช(อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง เป็นผู้สั่งให้กระทำขึ้น
 
วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๘๙๓

เนื่องจากเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติได้ทำหนังสือแจ้งว่า หมอมารีออนชีคได้กระทำสัญญากู้เงินเป็นจำนวนมากจากกระทรวงพระคลัง เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำป่าไม้ โดยนำป่าไม้ ท่อนไม้ในป่าและในลำน้ำ ช้าง และอุปกรณ์ในการทำป่าไม้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อกระทรวงพระคลัง ตามเงื่อนไขต่างๆที่ระบุอยู่ในสัญญานั้น

ต่อมาหมอมารีออนชีคได้ผิดสัญญาด้วยประการต่างๆ ดังนั้นจมื่นมหาดเล็กผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ โดยได้รับมอบอำนาจเต็มให้กระทำการแทนเสนาบดีกระทรวงพระคลัง จึงขอประกาศให้บรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้ทั้งหลาย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมอมารีออนชีค ในป่าไม้ ท่อนไม้ในป่าและในลำน้ำ ช้าง และอุปกรณ์ในการทำป่าไม้ดังกล่าว ให้มารายงานตัวต่อจมื่นมหาดเล็กภายในสิบห้าวันนับตั้งแต่ประกาศนี้ และเพื่อนำเอกสารที่ถูกต้องมาสำแดงตามกำหนด ซึ่งจะได้รับการพิจารณาผ่อนผัน ลดหย่อน หรือยกหนี้ให้ตามควร หากพ้นกำหนดดังกล่าวแล้ว หากสืบทราบได้ในภายหลังว่า ผู้ใดหลบซ่อน ปกปิด โยกย้าย หรือสำแดงเท็จ หรือไม่สำแดงบัญชีต่อเจ้าหน้าที่ภายในกำหนด ซึ่งป่าไม้ ท่อนไม้ในป่าและในลำน้ำ ช้าง และอุปกรณ์ในการทำป่าไม้ หรือหนี้สินต่อทางราชการ จะถูกดำเนินคดีในศาล และผู้กระทำผิดจะต้องรับโทษปรับ


ประทับตรา เจ้าราชบุตร


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 13, 10:54
ประกาศดังกล่าวออกภายหลังที่รัฐบาลยึดไม้ซุงในแม่น้ำเจ้าพระยาในเดือนสิงหาคม หลังจากเห็นว่าหมอชีคผิดสัญญาโดยสมบูรณ์แล้วตั้งแต่หลังวันที่๓๑ มีนาคม แต่จำเป็นต้องออกประกาศนี้ภายหลังประมาณปีหนึ่งต่อมา เพราะบรรดาลูกหนี้เจ้าหนี ตลอดจนบริวารของหมอชีคได้เริ่มเบียดบังทรัพย์สินที่หมอชีคเคยครอบครองอยู่ซึ่งรัฐบาลสยามยังมิได้ทำการยึดให้เด็ดขาด ทั้งนี้การกระทำทั้งหมดของรัฐบาลสยามอาศัยอำนาจที่หมอชีคยอมรับด้วยการลงนามในหนังสือขายจำนองทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่กรมหมื่นนราธิปฯ ซึ่งการขายจำนองนั้น เมื่อลูกหนี้ผิดสัญญา เจ้าหนี้มีสิทธิเข้าครอบครองทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ทันทีโดยไม่ต้องไปศาลดังที่ผมกล่าวแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีกฎหมายใดจำกัดสิทธิเสรีภาพของลูกหนี้มิให้นำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลหากเห็นว่าตนมิได้กระทำผิดตามเงื่อนไขของสัญญา ซึ่งหมอชีคได้ร่ายยาวในฟ้องยื่นต่อศาลกงสุลอเมริกันว่าตนไม่ผิดอย่างโน้นอย่างนี้ อ้างถึงวิธีการทำไม้ ฤดูกาลน้ำน้อยน้ำมากที่มีผลต่อการนำท่อนซุงออกจากป่ามาขายยังกรุงเทพ โน่นนี่นั่น  ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติของนายทุนในเชียงใหม่นั้น เจ้าหนี้จะยอมให้ดอกเบี้ยค้างชำระทบต้นไปชำระในปีที่ธรรมชาติเอื้ออำนวย สามารถนำไม้ออกจากป่ามาขายได้เมื่อไหร่ ก็จะชำระทั้งต้นทั้งดอกเมื่อนั้น ซึ่งตามความจริง รัฐบาลสยามอาจจะยอมรับก็ได้เพราะรับไปครั้งหนึ่ง หากไม่ไปสืบทราบมาว่าหมอชีคกำลังไปตกลงลากเอาบริษัทอังกฤษเข้ามาเอี่ยวในธุรกิจด้วย ซึ่งอาจจะสร้างความยุ่งยากมาให้ให้ได้ จึงจำเป็นต้องตัดตอนกับหมอชีค
 
อนุญาโตตุลาการไม่เอาข้อพิพาทนี้มาพิจารณาให้มีถกเถียงกันไปได้อีกยาว แต่ใช้วิชามารเลือกวินิจฉัยตรงกำหนดว่าครบรอบปีที่จะจ่ายดอกเบี้ยกันน่ะ เมื่อไหร่ ที่ให้การว่า ๓๑ มีนาคม น่ะ มีเอกสารสำแดงไหม ส่งให้อนุญาโตก่อนการนั่งพิจารณาคดีหรือเปล่า เมื่อไม่มี หมอชีคก็ไม่ได้ผิดสัญญา การเข้าไปยึดครองทรัพย์สินของหมอชีค และออกประกาศเพื่อเข้าไปจัดการในทรัพย์สินนั้น รัฐบาลสยามเป็นฝ่ายผิด…...แล


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 25 ส.ค. 13, 19:59
ประกาศฉบับลงวันที่  ๑๕  กรกฎาคม ๑๙๔๓ ที่ท่านนวรัตนกรุณาแปลมาให้อ่านนั้น  ออกจะแปลกตรงที่เป็นประดาศของรัฐบาลสยาม  แต่ประทับตราตำแหน่ง "เจ้าราชบุตร"  ซึ่งเวลานั้น ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าราชบุตรคือ เจ้าน้อยสุริยะ  ที่จ่อมาได้เป็นเจ้าราชวงศ์  เจ้าอุปราช และเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ตามลำดับ  หรือนี่เป็นประกาศที่เจ้าราชบุตรซึ่งในเวลานั้นมีตำแหน่งเป็น "เสนาคลัง" เมืงนครเชียงใหม่  รับคำสั่งข้าหลวงสยามมาออกประกาศให้ชาวเมืองเชียงใหม่ได้ทราบ  เพราะในเวลานั้นเมืองเชียงใหม่ยังมีฐานะเป็นประเทศราชเต็มรูปอยู่


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ส.ค. 13, 22:39
น่าจะเป็นประการหลังครับ เจ้าราชบุตรซึ่งในเวลานั้นมีตำแหน่งเป็น "เสนาคลัง" เมืองนครเชียงใหม่  รับคำสั่งข้าหลวงสยามมาออกประกาศ

ไม่ทราบว่าเอกสารในเรื่องเก่าๆของเชียงใหม่ ไม่ได้รายงานอะไรในเรื่องการทำป่าไม้ของหมอชีคบ้างเลยหรือ ฝากคุณวีหมีช่วยค้นหาอะไรมาเล่าให้อ่านบ้างนะครับ ขอบคุณมาก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 16:56

อนุญาโตตุลาการไม่เอาข้อพิพาทนี้มาพิจารณาให้มีถกเถียงกันไปได้อีกยาว แต่ใช้วิชามารเลือกวินิจฉัยตรงกำหนดว่าครบรอบปีที่จะจ่ายดอกเบี้ยกันน่ะ เมื่อไหร่ ที่ให้การว่า ๓๑ มีนาคม น่ะ มีเอกสารสำแดงไหม ส่งให้อนุญาโตก่อนการนั่งพิจารณาคดีหรือเปล่า เมื่อไม่มี หมอชีคก็ไม่ได้ผิดสัญญา การเข้าไปยึดครองทรัพย์สินของหมอชีค และออกประกาศเพื่อเข้าไปจัดการในทรัพย์สินนั้น รัฐบาลสยามเป็นฝ่ายผิด…...แล 

อนุญาโตตุลาการน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าฝ่ายไหนควรจะชนะ    ตั้งแต่ได้อ่านสำนวน    ดังนั้นอะไรที่เป็นหลักฐานมีน้ำหนักทางฝ่ายรัฐบาลสยาม ก็ปัดตกกระดานไป     หยิบขึ้นมาเฉพาะส่วนที่จะช่วยให้หมอชี้คเป็นฝ่ายได้มากกว่าเป็นฝ่ายเสีย      ถ้าหากว่าจะหากันแบบนี้ก็คงหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์ให้ได้ไม่ยาก      ส่วนหลักฐานอื่นถ้ามีก็ไล่จี้ให้ตกกระดานไปหมดเรื่องหมดราว
ตุลาการชาวอังกฤษคนนี้น่าจะตัดสินคดีให้ฝรั่งได้ผลดีจากเป็นความกับคนเอเชียมาก่อน    และคงทำงานได้ผลดีด้วย  นายจึงเห็นดีให้ควบสองตำแหน่งทั้งกงสุลและศาลเสร็จสรรพ     ใครอยากมีคดีความกับฝรั่งจะได้เลิกคิด    เพราะดูออกล่วงหน้าว่าแพ้ชัวร์ๆ 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 26 ส.ค. 13, 17:15
การพิจารณาคดีหมอชีคนี้ดำเนินมาาเมื่อหมอชีคเสียชีวิตแล้วครับ  แล้วคนที่เป็นต้นเรื่องฟ้องร้งคดีนี้คือเจ้าหนี้กองมรดกหมอชีค  ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ นายหลุย ที. เลียวโนเวนส์ หุ้นส่วนรายใหญ่ของหมอชีค 

นายหลุยคนนี้มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์ล้านนาว่า  เดี๋ยวก็ช่วยราชการสยาม  เดี๋ยวก็เที่ยวยุยงเจ้าประเทศราชล้านนาให้เป็นความกับรัฐบาลสยาม  ดูแกจะชอบค้าความเสียจริงๆ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 13, 18:11
ในเอกสารทั้งหมดที่ผมเจอจากเน็ท ไม่มีสำนวนใดกล่าวถึงนายหลุยส์ดังว่าเลยครับ หมอชีคฟ้องเองต่อกงสุลอเมริกัน แต่ยังไม่ทันการพิจารณาแกก็ไปตายเสียด้วยนิวมอเนียอย่างกระทันหันที่เกาะสีชัง หลังจากนั้นอีกหลายปีกงสุลได้ดำเนินการต่อโดยได้รับการร้องขอจากทายาทของผู้ฟ้อง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 20:25
ประวัติของนายหลุยส์ก็ไม่เบาเหมือนกัน
สมัยรัชกาลที่ 4    นางแอนนาผู้เป็นแม่มาถวายพระอักษรเจ้านายเล็กๆอยู่ในพระบรมมหาราชวัง   นายหลุยส์ซึ่งยังเด็ก ก็ติดหน้าตามหลังมาเล่นกับเจ้านายด้วย  เมื่อแม่สอนหนังสือตัวเองก็ได้เรียนด้วย   เป็นเหตุให้คุ้นเคยกับสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์  พอโตขึ้นอีกหน่อย แม่ก็ส่งตัวออกจากสยามไปเรียนหนังสือต่อที่อังกฤษ     เมื่อนางแอนนาอำลาชีวิตครูในราชสำนัก เดินทางไปพำนักอยู่ในอเมริกา  หลุยส์ซึ่งโตเป็นหนุ่มแล้วก็ออกจากอังกฤษไปอยู่กับแม่    แต่ไปก่อหนี้ก่อสินรุงรังจนกระทั่งต้องหลบหนีเจ้าหนี้ออกจากอเมริกา    แม่ลูกจึงไม่ได้เจอกันอีกถึง 19 ปี

หลุยส์กลับมาที่สยามอีกครั้งเมื่ออายุ 27   สมัครเข้าเป็นทหาร ได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยเอก แต่ก็อยู่ในกองทัพไม่นาน  ก็ลาออกไปค้าซุงไม้สักทางเหนือ      เรื่องราวต่อมาก็เป็นอย่างรู้ๆกันคือสร้างความร่ำรวยขึ้นมาจากสัมปทานป่าไม้   มีบริษัทของตัวเอง

หลุยส์อยู่มานานจนกระทั่งอำลาสยาม  กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนในวัย 57  คาโรลีนภรรยาคนแรกตายไปแล้วในตอนนั้น  เขาสมรสใหม่แต่ไม่มีลูกกับภรรยาใหม่ จนถึงแก่กรรมใน 6 ปีต่อมาจากไข้หวัดใหญ่


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: Neepata ที่ 29 ส.ค. 13, 02:17
สวัสดีค่ะ หนูพึ่งสมัครสมาชิกได้(หลังจากพยายามมานาน) เพราะไม่เห็นว่าตรงรหัสอักษรให้คีย์ตัวเลขแทน แหะแหะ พึ่งฉลาดตะกี้เอง  แต่ได้เข้ามาติดตามเรือนไทยเป็นระยะๆค่ะ ชอบอ่านกระทู้เพราะได้ความรู้เยอะเลยหลายเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิด ถามใครก็ไม่มีใครรู้  พอมานั่งอ่านแล้วเพลินพร้อมได้ความรู้ด้วย เช่นเรื่องนี้อ่านแล้ว รู้สึกโกรธฝรั่งที่จ้องมาเอาเปรียบไทย  ไม่ว่าจะสมัยไหนก็ยังเหมือนเดิม เลยคิดไปว่าพ่อหลวงรัชกาลที่5 ทรงเสียพระทัยแค่ไหนและต้องใช้พระปรีชาสามารถแค่ไหนที่จะฝ่าอุปสรรคพาประเทศไทยรอดพ้นมาได้อย่างทุกวันนี้  หนูขอเป็นนักเรียนเข้าใหม่มาขอความรู้จากอาจารย์ทุกท่านนะคะ   ;D


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 ส.ค. 13, 06:09
ยินดีครับ เข้ามาแล้วก็อย่าอ่านอย่างเดียวนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ซักถาม หรือร่วมแสดงความเห็นได้เสมอ

ว่าแต่ว่าโพสต์มาตอนตีสองเศษๆนี่ จากเมืองไทยหรือตอนนี้อยู่เมืองนอกเมืองใดครับ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: Neepata ที่ 29 ส.ค. 13, 17:04
หนูอยู่ไทยค่ะ  กลางวันจะยุ่งเลยไม่ได้เข้ามาอ่าน นานๆทีจะแว๊บอย่างวันนี้ค่ะ  แต่เวลาอ่านเรือนไทยจะเริ่มอ่านตั้งแต่ ห้าทุ่มยาวจนกว่าจะจบ ก็ประมาณตี3ค่ะ เพลินจนอ่านไปเรื่อยๆคิดตามไปเรื่อยๆ เพราะมีแต่เรื่องที่น่าสนใจค่ะ  พออ่านก็เอาไปถามแม่บ้างแต่ท่านก็ตอบไม่ได้หมดเพราะก็เกิดไม่ทันเหมือนกันค่ะ  ชอบที่เวลาอาจารย์ทุกท่านมาช่วยกันวิเคราะห์หาข้อมูลมาคุยกัน อยากร่วมด้วยแต่ความรู้+ประสบการณ์ด้อยนักขอเป็นผู้อ่านที่ดีไปก่อนนะคะ 


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ก.ย. 13, 08:37
จากหนังสือที่มีอยู่ในบ้านครับ

ฟื้นความหลังอเมริกัน-ไทย๑๕๐ปี หนังสือจัดพิมพ์โดยรัฐบาลสหรัฐ ที่กล่าวถึงแทบจะทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มมีสัมพันธไมตรีกับสยาม ยกเว้นเรื่องที่ผมนำมาเล่าสู่กันอ่านทั้งหมดในกระทู้นี้
ที่เอามาฝากได้จึงมีอย่างเดียว คือภาพกงสุลสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้น ผมหลงไปหาที่อื่นเสียตั้งนานแล้วก็ไม่เจอ จนถึงขั้นต้องแยกกระทู้ไปเสวนากันต่างหาก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 14:27
มาต่อกระทู้กันหน่อยในเรื่องบทบาทของการเป็นนักล่าเมืองขึ้นของสหรัฐอเมริกา

ดูเหมือนว่าอเมริกาจะมีภาพพจน์ที่เสียหายในด้านนี้น้อยกว่าประเทศในยุโรป แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่แสบ ในทศวรรษเดียวกันกับที่มาขวิดสยามนั้น อเมริกาก็เขมือบราชอาณาจักรฮาวายไปโดยมีพ่อค้าระดับนายทุนเป็นตัวชงให้เช่นทุกกรณีย์ในโลก โดยใช้ Gun Boat Policy เหมือนกับที่ใช้ในสยามนี่แหละ
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ ๑๘มกราคม๑๗๗๘ เรือสำรวจของกัปตัน เจมส์ คุ๊ค ของราชนาวีอังกฤษสปอนเซอร์โดย Earl of Sandwich ได้มาถึงเกาะนี้ก่อนใครเพื่อน และตั้งชื่อให้ว่าหมู่เกาะแซนด์วิช เรียกตามสำเนียงไทยๆที่หมอบลัดเลสะกดไว้คือ เกาะซันดาวิซ ไม่ทราบคุณตั้งฟังแล้วจะปวดหัวเหมือนได้ฟังเด็กพูดภาษาไทยในยุค AEC หรือเปล่า

หลังจากนั้น ทัพหน้าของอเมริกันชนในรูปลักษณ์ของมิชชันนารีก็นำคำสอนของพระเจ้าองค์ใหม่ใหม่ และแท่นพิมพ์เพื่อกระจายข่าวสารของพระองค์และข่าวในวงการพ่อค้า เมืองหลวงที่เงียบเหงาอย่างฮอนโนลูลูก็กลายเป็นเมืองท่าสำคัญ คึกคักไปด้วยเรือทุกสัญชาติที่แล่นไปมาระหว่างอเมริกาเหนือและเอเชียที่ต้องหยุดพักเติมเสบียงระหว่างทาง นักล่าปลาวาฬ และกลาสีเรือสินค้า ต่างนำเชื้อโรคไปสู่คนพื้นเมืองที่ขาดภูมิต้านทาน นานกว่าชาวเกาะดั้งเดิมที่รอดตายจากการระบาดของไข้ทรพิษ ซิฟิลิส โรคหัด ก็ปรับตัวได้ และจำเป็นต้องหาเงินเลี้ยงชีพต่อไปด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นลูกจ้างฝรั่ง ทำงานกรรมกรในไร่อ้อยที่นายทุนอเมริกันมาบุกเบิก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 14:36
ขณะนั้นฮาวายมีประมุขของราชอาณาจักรอิสระเล็กๆนี้เป็นพระราชินี ทรงพระนามว่า ลิลี โอคาลานี ผู้ได้รับการศึกษาแบบตะวันตกจากมิชชันนารี พระนางสามารถพตรัสและเขียนภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเท่าๆกับภาษาฮาวาย รวมทั้งตรัสภาษาฝรั่งเศส เยอรมันและภาษาละตินได้พอประมาณ นอกจากนั้น พระนางยังได้เคยเดินทางไปหาประสบการณ์ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ทำให้ทรงมีวิสัยทัศน์อันทันสมัย

ฮาวายในรัชสมัยของพระนางกำลังพยายามปฏิรูปประเทศด้วยการประกาศสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จัดการปกครองโดยผ่านรัฐสภาแห่งชาติ จัดการระบบการศึกษาของประชาชน และจัดระบบในเรื่องทรัพย์สินของเอกชน ที่ดินของชาวท้องถิ่น ตามแนวคิดของชาวตะวันตก

แต่ช้าไป


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 14:39
หลายทศวรรษก่อนหน้านั้น อุตสาหกรรมเกษตรที่เน้นปลูกอ้อยอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพื่อผลิตน้ำตาล ได้ทำให้แรงงานในไร่ขาดแคลน จนฝรั่งต้องนำเข้าคนจีนแถวกวางตุ้ง และญี่ปุ่นมาเป็นกรรมกรในไร่ เพิ่มสัดส่วนประชาชากรเป็นคนต่างด้าวขึ้นมาพอๆกับคนพื้นเมือง คนเหล่านี้เป็นปฏิปักษ์ต่อการดำรงชีวิตและขนบประเพณีดั้งเดิม ตลอดจนภาษาและวัฒนธรรมที่เจ้าของประเทศเห็นว่าดีงาม
 
อดีตมิชชันนารีอเมริกันและลูกหลานของพวกเขากลายสภาพเป็นนักธุรกิจ ผู้มาใหม่จากทั่วโลกก็เป็นคนทุกระดับชนชั้น บริษัท ห้างร้าน ธนาคารถูกก่อตั้งขึ้นทั่วราชอาณาจักร และเข้ากุมเศรษฐกิจของประเทศนั้นโดยสิ้นเชิง คนต่างชาติเหล่านี้จึงสามารถมีปากมีเสียงเรียกร้องความต้องการของตนเองต่อรัฐบาลของราชอาณาจักรได้อย่างดังฟังชัด


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 14:44
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เสนอสู่สภาโดยพระราชินีถูกต่อต้านโดยนักธุรกิจต่างชาติ เนื่องด้วยกระทบต่อผลประโยชน์ของตนในเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินและการเสียภาษี ขณะเดียวกันนั้น รัฐบาลสหรัฐเองก็ประกาศเก็บภาษีศุลกากรจากน้ำตาลที่นำเข้าจากต่างประเทศขึ้นเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของฮาวายวูบลงอย่างทันตาเห็น พ่อค้านายทุนจำเป็นต้องแก้เกมตรงนี้โดยด่วน ทำอย่างไรน้ำตาลของฮาวายจะหลุดจากบัญชีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ วิธีง่ายที่สุดก็คือ ทำให้ฮาวายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาไปเลย สิ้นเรื่อง

ไม่ทราบว่ามีการล๊อบบี้กันอย่างไร ใครต่อใครต้องลงขันจ่ายใครกันเท่าไหร่ แต่ในตอนเช้าวันหนึ่ง เรือยูเอสเอส บอสตัน ที่ประจำการอยู่ในฐานเรือรบในเกาะใกล้เคียง ก็ได้รับ“คำสั่งพิเศษเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ” ให้นำนาวิกโยธิน๑๖๒นายพร้อมอาวุธครบมือ ลงเรือแล้วถอนสมอเดินหน้าสู่ฮอนโนลูลู หนึ่งในบุคคลสำคัญที่อยู่บนเรือปืนลำนั้นคืออัครราชทูตของสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรฮาวาย
 
พระราชินีแห่งฮาวายไม่ทรงเคยระแคะระคายเลยว่า คนอเมริกันกลุ่มเล็กๆบนเกาะนี้ได้สมรู้ร่วมคิดกัน และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ต้องการชิงราชบัลลังก์ของพระนาง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 14:53
พ่อค้านายทุนหน้าเลือดที่คุมตลาดน้ำตาลของสหรัฐ ผู้มีไร่อ้อยและโรงงานหลายแห่งทั้งในแคลิฟอเนียและหมู่เกาะฮาวาย เป็นอเมริกันที่มีเชื้อสายยิว-เยอรมัน ชื่อคลอส สเปรกเคิลส์ ผู้มีฉายาว่า“ราชาแห่งน้ำตาล”(Sugar King) เขาร่ำรวยมหาศาลจนชาตินี้เขาและลูกหลานก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากที่จะรวยมากขึ้นไปอีก

นายคนนี้ได้ซ่องสุมกันวางแผนในสโมสรที่สงวนสิทธิ์เฉพาะพวกไฮโซที่รวมกลุ่มกันตั้งขึ้นมาเท่านั้น มีคนจำนวนหนึ่งพร้อมจะลงขันกับเขาเพื่อจะฉุดคร่าฮาวายไปสู่กรงเล็บของไอ้กัน แผนนั้นถึงระดับว่าถ้าจำเป็นก็ “อาจจะมีการการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายผู้มุ่งมั่นที่จะขยายระบอบทุนนิยมประชาธิปไตย กับชาวเกาะในราชอาณาจักรแห่งนี้”


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 15:04
สองวันหลังจากที่พระราชินีเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านสภา ในวันที่ ๑๖มกราคม พ.ศ.๒๔๓๖ ชาวยุโรปและอเมริกันราวหนึ่งพันคนที่ถูกปลุกระดมไว้ก่อนหน้าแล้วโดยกลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการรักษาความปลอดภัย” ก็มารวมตัวกันอย่างคึกคักหน้าอาคารแห่งหนึ่งกลางเมืองฮอนโนลูลูตามแผน เพื่อฟังคำปราศรัยของแกนนำผู้ที่บรรดานายทุนผู้ปิดบังตนเองกำหนดให้เป็น“ตัวเปิด” นายคนนี้เป็นนักกฎหมายชื่อลอร์ริน เธอร์สตั้น บุตรชายของมิชชันนารียุคบุกเบิก   ตั้งตนเป็นตัวแทนของ “ผู้มีความกังวลในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองอเมริกัน” ประกาศข้อเรียกร้องต่างๆของพวกตนให้รัฐบาลราชอาณาจักรฮาวายปฏิบัติตาม

เมื่อรัฐบาลยังทำเป็นงงๆต่อข้อเรียกร้อง เย็นวันนั้น เรือรบยูเอสเอส บอสตัน ก็เข้าเทียบท่าฮอนโนลูลู ผู้บังคับการเรือออกคำสั่งให้ทหารนาวิกโยธินขึ้นบก จัดแถวหน้าเดินมาตามถนนที่เงียบงัน มุ่งสู่พระราชวังที่ห่างจากท่าเรือไปเพียงไม่กี่ช่วงตึก


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 15:08
ขณะนั้นพระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว พระราชินีทรงได้ยินเสียงดุริยางค์และกลอง นำขบวนทหารอเมริกันกระชั้นใกล้เข้ามา พระนางได้เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรที่ระเบียงชั้นบน จากแสงไฟฟ้าริมถนนที่เพิ่งติดตั้งขึ้นใหม่ของเมือง  ทรงสามารถที่จะมองเห็นทหารฝรั่งร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบสนามสีน้ำเงิน เดินเตะเท้าพรึ่บๆอย่างเข้มแข็งฝุ่นตลบมุ่งตรงมาที่พระราชวัง พระนางตกพระทัย ทำไมอยู่ดีๆทหารอเมริกันจึงได้ออกมา ทั้งๆที่สถานการณ์ยังสงบเป็นปกติ หนำซ้ำ เมื่อมาถึงก็จัดการตั้งปืนกลแก๊ตลิ่งพร้อมลังกระสุน๑๔,๐๐๐นัด หมุนปากกระบอกปืนมา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเล็งมายังทิศทางที่พระนางประทับยืนอยู่ด้วย

พระนางทรงทอดอาลัย นี่คงถึงกาลที่ความหายนะของพระราชอาณาจักรจะมาถึง โดยที่ไม่ทรงสามารถจะหยุดยั้งได้


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 15:23
พระราชินีลิลี โอคาลานี ทรงถูกคุมพระองค์ในคืนนั้น และถูกปลดอย่างเป็นทางการเมื่อ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๑๘๙๓(๒๔๓๖) พระราชบัลลังก์ถูกปล่อยให้ว่างอยู่รอการตัดสินใจขั้นต่อไป พระนางจำต้องทรงยอมทำตามรัฐบาลเฉพาะกาลของฮาวาย แต่งตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศว่า บัดนี้ฮาวายเป็นดินแดนในอารักขาของสหรัฐอเมริกาแล้ว ในการนี้ทรงมีพระราชหัตถเลขาว่า

“ข้าพเจ้า พระราชินีลิลี โอคาลานี โดยพระกรุณาธิคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้าและภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฮาวาย ข้าพเจ้าขอประท้วงโดยสงบในการกระทำใดๆต่อข้าพเจ้าและรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฮาวาย โดยคนบางคนที่อ้างว่าได้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของราชอาณาจักรนี้ขึ้น ที่ข้าพเจ้ายอมจำนนต่อคือแสนยานุภาพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหม ฯพณฯจอห์น เอล สตีเวนส์ ได้สั่งการให้กองทหารของสหรัฐเข้ายึดโฮโนลูลูและประกาศสนับสนุนรัฐบาลเฉพาะกาลนั้น บัดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยกำลังอาวุธ อันอาจจะนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิต ภายใต้การประท้วงนี้ ข้าพเจ้า ผู้ถูกใช้กำลังบีบบังคับดังกล่าว ยอมมอบอำนาจของข้าพเจ้าให้จนกว่าจะถึงเวลาหนึ่ง เช่นเมื่อรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากพิจารณาข้อเท็จจริงที่จะถูกนำเสนอต่อไป จะยกเลิกรับรองการกระทำของตัวแทนเหล่านั้น และคืนสิทธิอำนาจของข้าพเจ้าในฐานะพระเจ้าแผ่นดินของหมู่เกาะฮาวายโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ”

ศาลเตี้ยอะไรก็ไม่รู้ที่รัฐบาลเฉพาะกาลตั้งขึ้น ได้ตัดสินจำคุกพระนาง๕ปีโดยให้ทำงานหนัก แต่ยังคงคุมขังพระนางไว้ในพระราชวังโอลานินั่นเอง หลังจากนั้นหนึ่งปี เมื่อเห็นว่าทรงไม่มีพิษมีภัย สาธารณรัฐฮาวายก็ประกาศนิรโทษกรรม และคืนสิทธิการเป็นพลเมืองแก่พระนางหลังจากทรงเป็นอิสระ
 
พระนางลิลี โอคาลานี เสด็จสวรรคตในเมื่อวันที่ ๑พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๐ พระศพของพระนางได้รับการจัดพิธีฝังในฐานะอดีตประมุขแห่งรัฐ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ถูกบริจาคให้ "กองทุนสมเด็จพระราชินี ลีลี โอกาลานี เพื่อเด็กกำพร้าและยากจน" ซึ่งกองทุนนี้ยังคงอยู่ในปัจจุบัน


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 15:52
ตำราประวัติศาสตร์ และหนังสือคู่มือท่องเที่ยวฮาวายของอเมริกันชนส่วนใหญ่ จะมองข้ามไปว่าลูกหลานของมิชชันนารีผู้อ้างพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการเดินทางไปยังเกาะฮาวาย ได้กลับกลายไปเป็นผู้ร่วมมือกับพ่อค้านายทุนผู้ละโมภ ปล้นอธิปไตยของราชอาณาจักรเล็กๆที่มีเสน่ห์แห่งนี้
 
ปัจจุบันตระกูลของมิชชันนารีเหล่านี้ และบริษัทต่างๆที่อยู่เบื้องหลังการล้มล้างพระราชินีลีลี โอคาลานีเมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมายังคงมีอำนาจครอบงำอยู่ในฮาวาย พวกเขายังคงเป็นเจ้าของที่ดิน ทรัพย์สิน และยังคงรักษาความร่ำรวยมหาศาล ภายในไม่กี่ปีที่พระราชินีถูกล้มล้าง พวกเขาได้ตรากฎหมายออกมาบังคับใช้ ให้คนอเมริกันสามารถอ้างสิทธิ์การเป็นพลเมืองของฮาวาย เข้าครอบครองที่ดิน๑.๘ล้านเอเคอร์ที่เป็นของชาวพื้นเมืองแท้ๆ คนต่างถิ่นพวกนี้จึงได้ร่ำรวยขึ้นทันตาเห็น ในขณะที่คนฮาวายเจ้าถิ่นยังคงยากจน อยู่ในฐานะลูกจ้างต่ำต้อยเหมือนเดิม

และนี่เป็นปล้นที่อุกอาจที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคล่าเมืองขึ้นของฝรั่ง


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 16:35
ตอนเด็กๆเคยอ่านประวัติศาสตร์ฮาวายฉบับปั้นน้ำเป็นตัวจากที่ไหนสักแห่ง     แล้วไม่เคยเฉลียวใจไปตรวจสอบ ก็เลยจำผิดมาตลอดว่า ฮาวายเข้าไปเป็นรัฐที่ห้าสิบของอเมริกาเพราะว่าพระราชินีลิลีอูโอคาลานีกับราษฎร พร้อมใจกันยกรัฐนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา   เรียกว่าเต็มอกเต็มใจเลยเชียวที่จะเป็นสาธารณรัฐ ปกครองโดยประชาชน แทนที่จะเป็นระบอบกษัตริย์แต่ดั้งเดิม

อ่านกระทู้จบ ก็ไปหาอ่านเพิ่มในกูเกิ้ลจึงพบว่าฮาวายก็มีประวัติศาสตร์ที่ขมขื่นอยู่ไม่น้อยกว่าประเทศเล็กประเทศน้อยอื่นๆทางเอเชีย 
แต่ที่จำถูกอีกอย่างคือพระนางผู้มีพระนามยาวจำยากองค์นี้ เป็นผู้แต่งเพลง ALoha Oe  ที่มีชื่อเสียงแพร่หลายไปทั่วโลก     จนทุกวันนี้ ถ้ามีสารคดีเกี่ยวกับฮาวาย  มักจะมีเพลงนี้บรรเลงเป็นแบคกราวน์อยู่เสมอ

" เดอะ คิง" เอลวิส เพรสลีย์ร้องเพลงนี้ในหนัง Blue Hawaii  ปี 1961

http://www.youtube.com/watch?v=LeLXcHWxjkQ


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 16:37
Aloha Oe บรรเลงด้วยกีต้าร์ล้วนๆ

http://www.youtube.com/watch?v=CjZyZ8IuSzw


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 16:54
๔๓ ปีหลังจากกับตันกุก  พวกมิชชันนารีก็บุก

เคยได้ยินเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเล่าว่า

ฝรั่งนำศาสนาเข้าไปสู่ชาวเกาะ เมื่อชาวเกาะหลับตาสวดมนต์ฝรั่งก็ขโมยเกาะไปเป็นของตน

ฮาวายก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เกาะเหล่านั้น

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 19:55


เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสำนวนที่ว่า "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง"

อเมริกากล่าวจีนเรื่องทิเบต ยังไม่เคยได้ยินจีนกล่าวหาอเมริกาเรื่องฮาวาย

 

ที่จีนยังไม่เคยกล่าวหาอเมริกาเรื่องฮาวาย เป็นเพราะเรื่องทิเบตและฮาวายมันคนละอย่างกันโดยสิ้นเชิง

คุณนวรัตนว่ากรณีจีน-ทิเบต และ อเมริกา-ฮาวาย มันคนละอย่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างที่คุณวายุว่าไหม

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ก.ย. 13, 20:09
ไม่ว่า ผมว่าที่จีนไม่กล่าวหาเรื่องนี้ เพราะมันหลังเย็นไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๕แล้วมากกว่านะครับ
ส่วนธิเบต องค์ดาไลลามะที่ถูกจีนยึดประเทศไป ท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่เลย


กระทู้: ไอ้เสดฟัน ไอ้กันขวิด ไอ้กิดเฉือน เหตุต่อจาก ร.ศ. ๑๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 ก.ย. 13, 09:24
กระทู้นี้ขอแยกไป

เมื่อสยามรับเสด็จกษัตริย์ฮาวายในสมัยรัชกาลที่๕

ก่อนถึงกาลล่มสลายของราชวงศ์ฮาวาย ในปี1881(๒๔๒๔) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้ทรงเคยถวายการต้อนรับกษัตริย์ David Kalakaua ซึ่งทรงใช้คำว่ากิงกาลกวัว กษัตริย์องค์สุดท้ายของฮาวายก่อนที่จะเสด็จสวรรคตและพระขนิษฐาขึ้นครองราชย์สมบัติ กิงกาลกวัวเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ทรงตั้งพระทัยในการเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วโลก นอกจากอเมริกาแล้ว ทรงมุ่งเยือนหลายประเทศทั้งในเอเซียและยุโรป เพื่อแสวงหาพันธมิตรที่จะประกันเอกราชของประเทศเล็กๆของพระองค์ ที่เสมือนแกะน้อยท่ามกลางสุนัขป่า


http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5767.0