ต้องออกตัวว่า ตั้งใจจะนำเสนอข้อมูล(จากผู้อื่น) ที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจเนื่องในเทศกาลนี้ ไม่ได้ยืนข้างใด
และ เห่เรือ ในที่นี้ หมายถึง
เห่เรือ ที่เข้าใจกันทุกวันนี้ หมายถึงขับลำนำเป็นทำนองอย่างหนึ่งในกระบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตรา ทางชลมารค
มีข้อมูลจาก สารานุกรมไทยฯ
http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=30&chap=1&page=t30-1-infodetail06.htmlตัดมาบางส่วนว่า
กาพย์เห่เรือบทพระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร เมื่อศึกษาเนื้อหาของบทเห่เรือนั้นโดยละเอียดแล้ว
ไม่ปรากฏหลักฐานว่า เป็นบทที่แต่งสำหรับเห่เรือพระที่นั่งในพระราชพิธีใดๆ ทั้งสิ้น
บทเห่เรือพระราชนิพนธ์ตามหลักฐานที่ปรากฏในวงวรรณกรรมของไทย ล้วนเป็นบทเห่เรือเล่นแทบทั้งสิ้น และ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ไม่ทรงพบข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่นำมาใช้ในการเห่เรือพระที่นั่ง
บทเห่เรือสมัยอยุธยาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เหลือตกทอดมาถึงปัจจุบันมีเพียง ๒ เรื่อง เป็นพระนิพนธ์ใน
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร คือ
บทเห่เรือชมพยุหยาตราทางชลมารค สำนวนในเรื่องแสดงให้เห็นว่า ทรงพระนิพนธ์สำหรับเห่เรือพระที่นั่งของพระองค์เอง
และ บทเห่เรื่องกากี ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร สันนิษฐานว่า จะใช้บทเห่นี้เฉพาะเวลาทรงเรือประพาส
เป็นการส่วนพระองค์
บทเห่เรือชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ชั้นแรกสันนิษฐานว่า
ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับเห่เรือเสด็จประพาสเท่านั้น ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้นำบทเห่เรือ
ครั้งกรุงศรีอยุธยา และบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาใช้เห่เรือในราชการเป็นแบบอย่างสืบมา