ถ้าเข้าใจผิดกันจริง เรื่องนี้ก็ต้องเคลียร์กันให้ชัดเจนนะคะ
เพราะเป็นประวัติส่วนหนึ่งของจุฬาเลยทีเดียว
เบื้องต้นทราบว่า หลังจากมีวารสารจามจุรีได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไว้แล้วตามข้อความนี้ครับ
"....ในการอนุรักษ์เรือนภะรตราชา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนเรือนภะรตราชา เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘ และได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา เสด็จพระราชดำเนินเสวยพระสุธารส อีกทั้ง ได้รับรางวัลประเภทอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี ๒๕๔๐
นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักอนุสาสกเหลืออีกหนึ่งหลัง อยู่ริมถนนพญาไทเช่นกัน ปัจจุบันได้รับการบูรณะใช้เป็นที่ทำการของหอพักนิสิตจุฬาฯ
เพื่อให้อาคารมีการใช้สอยให้เกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งร้าง มหาวิทยาลัยจึงมีวัตถุประสงค์หลังจากเปิดการใช้เรือนภะรตราชา เป็นเรือนรับรองและสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ พบว่ามีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ที่ไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ จึงมีการก่อสร้างเรือนจุฬานฤมิตเมื่อ พ.ศ ๒๕๔๒ เคียงข้างกับเรือนภะรตราชา โดยสถาปนิกออกแบบให้กลมกลืนต่อเนื่องกัน
ดังนั้น เรือนภะรตราชา ที่มีอยู่ในปัจจุบัน คู่กับเรือนจุฬานฤมิตนั้น ไม่ใช่บ้านพักผู้บัญชาการมหาวิทยาลัยที่ถูกรื้อไปแล้ว หากเป็นกลุ่มเรือนไม้ที่สร้างขึ้นพร้อมกันอีกห้าหลัง เพื่อเป็นที่พักของผู้บัญชาการ ข้าราชการ และอาจารย์ชาวต่างประเทศ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ มีรูปแบบตะวันตกที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ผังพื้นเป็นรูปเหลี่ยม ใต้ถุนสูง ชั้นล่างโล่ง โครงสร้างเสาก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ ชั้นบนเป็นไม้ มีหน้าต่างและระเบียงโดยรอบ หลังคาจั่วหรือปั้นหยามุขชัน ยื่นชายคาโดยรอบ ที่เชิงชายประดับด้วยไม้ฉลุเช่นเดียวกับการตกแต่งราวบันไดและระเบียง .."