เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 13, 21:56



กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 13, 21:56
ตั้งชื่อไว้เรียกเรตติ้งค่ะ

พรุ่งนี้จะมาเล่าว่ามีความเป็นมาอย่างไร  ถึงมาตั้งกระทู้ให้อ่านกัน
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าเป็นของต้องห้าม  หาใช่ว่าในอดีต วังหน้าตั้งคาสิโนขึ้นมาเป็นเรื่องถูกกฎหมายอย่างใดไม่


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ก.พ. 13, 06:51
พร้อมครับ  ;D พร้อมจัดหมอนอิงไว้ให้ท่านอื่นอีกหลายชุด  ;D


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 13, 10:33
ก่อนอื่นขอนำท่านกลับไปสู่วังหน้า หรือพระบวรราชวังในพ.ศ. 2394   เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จจากพระราชวังเดิมฝั่งธนบุรี มาประทับที่วังหน้าตามพระอิสริยยศ     

คำที่ทรงออกพระโอษฐ์ต้อนรับพระราชวังหน้า ก็คือ

" เออ  อยู่ดีดี ก็ให้มาเป็นสมภารวัดร้าง "

ทั้งนี้เพราะวังหน้าร้างมาเกือบ 20 ปี  นับแต่วังหน้าพระองค์ก่อน กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พ.ศ. 2375    วังที่ไม่มีเจ้านายปกครองก็ทรุดโทรมไม่เหลือดี  รกร้างหักพัง   ซุ้มประตูและหลังคาป้อมปราการรอบวังหักพังเกือบหมด  กำแพงวังชั้นกลางก็ไม่มี 
นอกนี้ ท้องสนามวังหน้ากลายเป็นร่องสวนเหมือนสวนผักผลไม้   จนชาวบ้านเรียกว่า "สวนพันชาติ" เพราะตำรวจชื่อพันชาติมาปลูกเหย้าเรือนอาศัยอยู่    แกก็ขุดร่องทำสวนเต็มตลอด จนถึงหน้าพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน  และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์     ส่วนสถานที่สำคัญอื่นๆเช่นศาลาลูกขุนและโรงช้าก็หักพังหมด  มีแต่รอยเหลืออยู่   

พักนำน้ำร้อนน้ำชามาเสิฟท่านทั้งหลายด้วยค่ะ  แก้ง่วง


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 13, 12:49
สภาพเดิมของวังหน้าคงถูกปล่อยปละละเลยมานานเป็นสิบๆปี    โขลนหรือพนักงานรักษาวังที่เคยประจำตามหน้าที่ก็คงอยู่กันไปแกนๆ    ใครอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีการกวดขันสมกับเป็นวัง  ขนาดยกท้องร่องทำสวนอยู่กลางสนามวังก็ยังทำได้      เพราะเหตุนี้  คนนอกพระราชวังก็เลยฉวยโอกาสเข้าไปอาศัยอยู่ในวังหน้ากันดื้อๆ หน้าเฉยตาเฉย      เป็นตัวแสบๆ   ประเภทโจรผู้ร้ายก็มี    บ่าวที่หลบหนีนายเข้าไปอาศัยทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ก็มี     อยู่ปะปนกับชาววังที่อยู่มาแต่เดิม  ไม่มีใครว่ากล่าวห้ามปราม  เพราะเมื่อสิ้นกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์แล้ว  ขุนนางวังหน้าก็ย้ายไปสังกัดวังหลวง รับราชการที่นั่นแทน    ไม่มีขุนนางผู้ใหญ่คอยควบคุมระเบียบในวังหน้าอย่างเมื่อครั้งเจ้านายยังมีพระชนม์ชีพอยู่

ในเมื่อฟรีจากระเบียบกฎเกณฑ์  อยากทำอะไรก็ทำได้    สภาพในวังหน้าก็เลยกลายเป็นบ่อน   คนนอกเข้าไปตั้งบ่อนถั่ว บ่อนแปดเก้า เล่นหวยการพนันต่างๆกันตามสบาย โดยไม่มีใครว่ากล่าวห้ามปราม     บ่อนวังหน้าที่ว่านี้ ถ้าพูดอย่างสมัยนี้ก็คงเรียกได้ว่าบ่อนอิทธิพล    เพราะขนาดวังหน้าได้รับการฟื้นฟูขึ้นมา  มีพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เป็นเจ้านายสูงสุด ประทับอยู่พร้อมด้วยเจ้าจอมหม่อมห้าม พระโอรสธิดาตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์   บ่อนก็ยังตั้งอยู่ได้ ไม่กระทบกระเทือนอะไร

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ มิได้ทรงละเลยระเบียบในวัง  เห็นได้จากโปรดเกล้าฯตั้งท้าวสัตยานุรักษ์เป็นผู้ใหญ่ว่าราชการในพระบวรราชวัง      ทรงตั้งจ่าศาลาจ่าด้าน ทนายเลือก โขลน พระราชทานยศฐาศักดิ์ให้ทั้งขุนนางวังหน้าผู้ใหญ่ผู้น้อยจนครบชุด  รักษาหน้าที่ครบถ้วนตามประเพณี    แต่ก็ไม่วายเกิดเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นมาจนได้


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 12 ก.พ. 13, 16:56
เจอทั้งหมอนอิงทั้งน้ำชา นักเรียนเงียบกันหมด 8)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 12 ก.พ. 13, 17:21
มารายงานตัวเข้าห้องเรียนครับ


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 13, 17:40
เจอทั้งหมอนอิงทั้งน้ำชา นักเรียนเงียบกันหมด 8)
คอร์สนี้สั้นค่ะ  เดี๋ยวก็หมดชั่วโมงแล้ว


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 13, 20:53
ขยะที่ซ่อนอยู่ใต้พรมวังหน้า เพิ่งถูกเลิกขึ้นมาหลังจากนั้นอีก 2 ปี   เมื่อเกิดโจรกรรมรายหนึ่งขึ้นในวัง    เจ้าทรัพย์ที่ถูกขโมยคือเจ้านายสตรีทรงพระนามว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุด  
พระองค์เจ้าหญิงสุดท่านนี้ มีคำนำหน้าว่าพระวรวงศ์เธอ   แสดงว่าเป็นเจ้านายวังหน้า  เพราะคำนี้เป็นคำที่ใช้กันในรัชกาลที่ 4 ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นพระราชวรวงศ์เธอและพระเจ้าราชวรวงศ์เธอในรัชกาลที่ 5      แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นเจ้านายเชื้อสายวังหน้าในรัชกาลไหน  สำรวจรายพระนามแล้วพบว่า พระองค์เจ้าหญิงสุดมีอยู่พระองค์เดียว   พระนามว่า "สุด" หรือ "สุดศาลา"  เป็นพระธิดาองค์สุดท้ายในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ในรัชกาลที่ 2     แต่ในราชสกุลวงศ์ระบุว่าสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3  

เห็นจะต้องฝากคุณ siamese คุณเพ็ญชมพู หรือคุณ werachaisubhong  ช่วยตรวจสอบให้อีกทีค่ะ

กลับมาที่เรื่องเดิม  ในช่วงนั้นมีงานพระเมรุพระศพสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี   พระองค์เจ้าหญิงสุดก็เสด็จออกจากวังหน้าไปพระบรมมหาราชวังเพื่อจะไปร่วมงาน    เมื่อเสด็จออกไปมิได้ทรงนำกุญแจตำหนักติดไปด้วย แต่ทรงมอบหมายให้นางข้าหลวงชื่อแม่ขำเก็บไว้     แม่ขำนี้เห็นทีจะเป็นข้าหลวงต้นตำหนักแบบเดียวกับคุณสายในสี่แผ่นดิน  

ส่วนนางข้าหลวงที่ตามเสด็จเจ้านายออกไปมีนามว่าแม่แห      เมื่อเสด็จไปที่พระบรมมหาราชวังแล้ว  พระองค์เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์จะได้หมากพลูที่เสวยอยู่เป็นประจำ  ก็ให้แม่แหย้อนกลับมาเอาที่ตำหนัก    ก็ไม่รู้ว่าหมากพลูที่นำติดหีบหมากเสวยไปอาจจะหมดหรือไม่พอเสวย  อย่างใดอย่างหนึ่งกันแน่


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 13, 21:11
แม่แหข้าหลวง เอาลูกกุญแจไขจากแม่ขำมาไขประตูตำหนัก  แต่ก็พบว่าไขกุญแจได้  แต่เปิดบานประตูเท่าใดก็เปิดไม่ออก   แม่แหจึงเดินไปดูรอบตำหนัก  เห็นหน้าต่างเฉลียงตำหนักบานเปิดแง้มอยู่    แม่แหก็อาศัยหน้าต่างนั้นเป็นทางปีนเข้าไปในตำหนัก   เห็นประตูใส่กลอนไว้จากภายใน   ทำให้คนนอกเปิดไม่ออก    หล่อนก็รู้ทันทีว่ามีผู้ร้ายเข้ามาในตำหนักเสียแล้ว  

แม่แหก็กลับทูลเรื่องราวให้พระองค์เจ้าหญิงสุดทรงทราบ เมื่อประทับอยู่ที่พระเมรุ     คืนนั้นพระองค์เจ้าหญิงสุดยังไม่ได้กลับตำหนัก  แต่ไปบรรทมอยู่ในพระบรมมหาราชวังคืนหนึ่ง   รุ่งขึ้นเวลาเย็นพระองค์เจ้าหญิงสุดจึงได้กลับเข้ามาในพระบวรราชวัง  ตรวจสิ่งของในพระตำหนัก ไขลูกกุญแจกำปั่นและกุญแจหีบออกดู  ก็พบว่าทองรูปพรรณหายไปหลายสิ่ง  คิดเป็นทองคำหนัก 18 ตำลึงบาท  นับว่ามากมายมหาศาล   เพราะ 1 ตำลึง = 4 บาท    18 ตำลึง คือ 72 บาท  ราคาทองวันนี้ประมาณบาทละ 23600 บาท  คิดเป็นเงินปัจจุบันก็คือ 1,699,200.00  บาท

พระองค์หญิงสุดก็ไปทูลให้พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรุณ ทรงทราบ  พระองค์เจ้าอรุณ ในเรื่องบอกว่าเป็นพระวรวงศ์เธอชั้น 2 แต่ในหนังสือราชสกุลวงศ์บอกว่าเป็นพระธิดาในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์    แต่สรุปแล้วก็คือเป็นเจ้านายฝ่ายในของวังหน้าทั้งสองพระองค์   พระองค์เจ้าอรุณก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว  


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ก.พ. 13, 07:16
ขยะที่ซ่อนอยู่ใต้พรมวังหน้า เพิ่งถูกเลิกขึ้นมาหลังจากนั้นอีก 2 ปี   เมื่อเกิดโจรกรรมรายหนึ่งขึ้นในวัง    เจ้าทรัพย์ที่ถูกขโมยคือเจ้านายสตรีทรงพระนามว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุด  
พระองค์เจ้าหญิงสุดท่านนี้ มีคำนำหน้าว่าพระวรวงศ์เธอ   แสดงว่าเป็นเจ้านายวังหน้า  เพราะคำนี้เป็นคำที่ใช้กันในรัชกาลที่ 4 ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นพระราชวรวงศ์เธอและพระเจ้าราชวรวงศ์เธอในรัชกาลที่ 5      แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นเจ้านายเชื้อสายวังหน้าในรัชกาลไหน  สำรวจรายพระนามแล้วพบว่า พระองค์เจ้าหญิงสุดมีอยู่พระองค์เดียว   พระนามว่า "สุด" หรือ "สุดศาลา"  เป็นพระธิดาองค์สุดท้ายในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ในรัชกาลที่ 2     แต่ในราชสกุลวงศ์ระบุว่าสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3  

เห็นจะต้องฝากคุณ siamese คุณเพ็ญชมพู หรือคุณ werachaisubhong  ช่วยตรวจสอบให้อีกทีค่ะ


ในลำดับสกุลวงศ์เอ่ยชื่อพระนาม "พระองค์เจ้าหญิงสุด (เรียกกันว่า พระองค์เจ้าหญิงสุดศาลา) ประสูติในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ (ขณะดำรงพระยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล) ประสูติเมื่อ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๖๐ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓ เป็นที่ ๓ ในเจ้าจอมมารดาม่วง


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.พ. 13, 07:57
^
สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓

วังหน้าตอนนั้นก็ไม่ใช่สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ? ?


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 13, 08:37
^
สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓

วังหน้าตอนนั้นก็ไม่ใช่สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ? ?

ต้องใช่ซีคะ  ท่านนวรัตน     เพราะในเรื่องบอกว่าพระองค์เจ้าหญิงสุดเสด็จไปงานพระเมรุพระศพพระนางเจ้าโสมนัสฯ    ก็พระนางเจ้าโสมนัสฯท่านสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 นี่นา
แล้วเรื่องนี้ยังอยู่ในประกาศรัชกาลที่ 4 ด้วย แต่ยังไม่เอารายละเอียดมาลงละค่ะ   เดี๋ยวซายาเพ็ญค้นเจอ เอาประกาศมาลงเสียก่อนจบกระทู้  เรื่องจะจืดหมด

ปริศนาของเรื่องนี้ เป็นข้อเล็กๆ แต่ก็ยังแก้ไม่ตก คือพระองค์เจ้าหญิงสุด(ที่มีพระนามอยู่พระองค์เดียวในราชสกุล) ในเรื่องนี้ท่านเป็นองค์เดียวกับพระองค์เจ้าหญิงสุดศาลาหรือมิใช่      ถ้าใช่  พระองค์เจ้าหญิงสุดศาลาก็มีพระชนม์ยืนยาวมาจนรัชกาลที่ 4   ถ้าไม่ใช่   ก็เป็นพระองค์เจ้าหญิงวังหน้าพระองค์อื่น  แต่ทำไมพระนามจึงเพี้ยนไปเป็นพระองค์เจ้าหญิงสุดเข้าได้    ประกาศรัชกาลที่ 4 ไม่น่าจะเขียนผิดขนาดนี้

แล้วยังมีอีกเรื่องคือประกาศนี้ระบุว่าพระองค์เจ้าอรุณเป็นพระองค์เจ้าวังหน้าชั้น 2  หมายถึงเป็นพระธิดาในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์  แต่ในหนังสือราชสกุลวงศ์ ลำดับพระนามไว้ชัดเจนว่าเป็นพระธิดาในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์   

ข้อหลังนี้มีน้ำหนักกว่า   เพราะพระองค์เจ้าอรุณ พระองค์เข้าวังหน้าชั้น 3 ท่านเป็นพระธิดาองค์แรกในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์    เมื่อล่วงมาจนถึงรัชกาลที่ 4  ท่านน่าจะเป็นเจ้านายวังหน้าที่อาวุโสสูงสุดที่เหลืออยู่ในวังหน้า     พระองค์เจ้าสุดจึงต้องทูลท่านก่อน เพื่อให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 13 ก.พ. 13, 09:31
พระองค์เจ้าหญิงสุด ตามที่ผมได้หาอ่านดู นะครับ
เป็นพระราชธิดาองค์สุดท้าย ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์

๔๐. พระองค์เจ้าหญิงสุด  (บางแห่งว่า สุดศาลา)
ประสูติเมื่อปีฉลูนพศก จ.ศ. ๑๑๗๙
เจ้าจอมมารดาม่วง
สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔

จากเวปนี้ครับ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3962815/K3962815.html


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.พ. 13, 09:50
อ้างถึง
ต้องใช่ซีคะ  ท่านนวรัตน 

ครับ ผมก็เชื่ออย่างนั้นแหละ แค่ถามเพื่อเรียกเรตติ้ง


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 13, 10:05
ครับ ผมก็เชื่ออย่างนั้นแหละ แค่ถามเพื่อเรียกเรตติ้ง

แหะ แหะ (ขอยืมมาจากซายาเพ็ญ)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 13, 10:06
ขอบคุณค่ะคุณ werachai  ไม่รู้ว่าในกระทู้นั้นเอามาจากหนังสือเล่มไหน  แต่ก็น่าจะเชื่อได้ว่าพระองค์เจ้าหญิงสุด สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4  ไม่ใช่รัชกาลที่ 3


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ก.พ. 13, 10:11
^
สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๓

วังหน้าตอนนั้นก็ไม่ใช่สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ? ?

หยิบมายังไม่ได้ชำระ ครับ  ;D


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ก.พ. 13, 12:30
แหะ แหะ (ขอยืมมาจากซายาเพ็ญ)

แหะ แหะ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ก.พ. 13, 14:09
แหะ แหะ (ขอยืมมาจากซายาเพ็ญ)

แหะ แหะ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ขอแอบยิ้มน้อย ๆ นะครับ ;D


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 13, 16:56
ยิ้มมากๆก็ได้ค่ะ ไม่ผิดกติกา


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 10:35
     ผู้ที่อุกอาจเข้ามางัดกำปั่นถึงในตำหนักเจ้านาย   เอาทองไปมากมายขนาดนี้ต้องถือว่าไม่ธรรมดา    พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงเห็นว่าน่าจะเป็นผู้ร้ายภายนอกที่เข้ามาคบหากับคนในพระบวรราชวัง  เรียกว่ารู้เส้นทางตื้นลึกหนาบางในวังหน้าดี  จึงกล้าทำถึงขนาดนี้           จึงโปรดเกล้าฯตั้งตุลาการวังหน้าขึ้นมาชุดหนึ่งคือพระยาบริรักษ์ราชา พระพรหมสุรินทร์ พระพรหมบริบาล พระศรีพิทักษ์  ร่วมมือกันชำระความหาตัวผู้ร้ายมาให้จงได้ 
     ตุลาการพวกนี้ก็เก่งเอาการ   สืบกันด้วยวิธีไหนไม่ทราบแต่ว่าได้ความออกมาทะลุปรุโปร่ง  นำความขึ้นกราบบังคมทูลว่า  สาเหตุมาจากการตั้งบ่อนในวังหน้านั่นแหละ  ทำให้เกิดเป็นแหล่งซ่องสุมผู้ร้ายขึ้น
     เกลือที่เป็นหนอนในเรื่องนี้ชื่อหม่อมหุ่นกับหม่อมนวม    คบหากับหญิงนอกวังชื่ออีปริก เป็นภรรยานายนุด อยู่นอกพระบวรราชวัง  แต่อีปริกนี่คงจะเป็นมือรำพัดชั้นเซียน จึงหาทางเข้าไปคบหาสนิทสนมกับหม่อมหุ่น และหม่อมนวม  ตั้งบ่อนไพ่ และบ่อนถั่วมาหลายครั้ง    แต่เล่นไปเล่นมา  เกิดเสียมากกว่าได้  จนเป็นหนี้คนอื่นเขานุงนังไปหมด    เมื่อหมดตัวก็หาทางออกด้วยการลักทรัพย์คนอื่นแทน   


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 10:41
     อีปริกกับหม่อมหุ่นหม่อมนวมน่าจะรู้จักคุ้นเคยกับนางข้าหลวงในตำหนักของพระองค์เจ้าหญิงสุดเป็นอย่างดี    น่าจะเป็นแม่ขำต้นตำหนักพระองค์หญิงสุดน่ะแหละ     จึงรู้ตื้นลึกหนาบางในตำหนักดีว่าวันไหนพระองค์หญิงไม่อยู่   รู้กระทั่งว่าทรงฝากลูกกุญแจประตูตำหนักไว้ที่แม่ขำข้าหลวง    คนบอกก็คงแม่ขำนี่เองไม่ใช่ใคร แล้วก็คงเรื่อยเจื้อยไปอีกหลายเรื่อง      โจรีแก๊งค์นี้รู้จนกระทั่งว่าแม่ขำเองก็ไม่ได้อยู่เฝ้าตำหนัก แต่พอเจ้านายเสด็จไป ตัวเองก็ไปงานพระศพมั่งเหมือนกัน

     เมื่อแม่ขำไม่อยู่   โจรีทั้งสามก็เข้าไปถึงห้องแม่ขำ  ค้นหาลูกกุญแจจนพบว่าหล่อนซุกเอาไว้ริมที่นอน  เวลา ๕ โมงเช้า กลางวันแสกๆ  อีปริกก็ใจกล้า เอาลูกกุญแจไขประตูตำหนักหน้าตาเฉยไม่กลัวใครเห็น    ให้หม่อมหุ่นหม่อมนวมเข้าไปในตำหนัก จากนั้นอีปริกลั่นกุญแจไว้ดังเก่า  แล้วเอาลูกกุญแจกลับมาเก็บไว้ข้างที่นอนแม่ขำตามเดิม  ตัวเองคอยเฝ้าต้นทาง
     เมื่ออยู่ในห้องที่ประทับของพระองค์หญิงสุด    หม่อมหุ่นหม่อมนวมจึงลั่นกลอนประตูไว้  ค้นหาลูกกุญแจหีบกำปั่น จนเจอลูกกุญแจกำปั่นในหีบหนัง  จึงเอากุญแจไข ค้นเจอทองรูปพรรณเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท  ก็ยกเค้าเสียเกลี้ยงโดยหนีออกทางหน้าต่างข้างเฉลียงออกมา   ไม่ได้ออกทางเดิมคือทางประตูหน้า  ประตูก็เลยยังลั่นกลอนปิดอยู่  จนแม่แหผู้กลับมาเอาหมากเสวยเจอเข้า   แต่โจรีทั้งสามลอยนวลไปแล้ว 


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ก.พ. 13, 11:02
      จึงเอากุญแจไข ค้นเจอทองรูปพรรณเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท  ก็ยกเค้าเสียเกลี้ยงโดยหนีออกทางหน้าต่างข้างเฉลียงออกมา   ไม่ได้ออกทางเดิมคือทางประตูหน้า  ประตูก็เลยยังลั่นกลอนปิดอยู่  จนแม่แหผู้กลับมาเอาหมากเสวยเจอเข้า   แต่โจรีทั้งสามลอยนวลไปแล้ว 

หากเป็นสมัยนี้ ก็ต้องเอาหมึกดำมาป้าย ๆ หารอยนิ้วมือแฝง เพราะงัดหน้าต่างเข้ามา  8)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 12:14
หม่อมหุ่นกับหม่อมนวมเป็นหม่อมของท่านผู้ใดหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley19.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 13:03
เชื่อว่าคำตอบนี้ไม่เกินฝีมือซายาเพ็ญ


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 13:17
แล้วเรื่องนี้ยังอยู่ในประกาศรัชกาลที่ 4 ด้วย แต่ยังไม่เอารายละเอียดมาลงละค่ะ   เดี๋ยวซายาเพ็ญค้นเจอ เอาประกาศมาลงเสียก่อนจบกระทู้  เรื่องจะจืดหมด

ทราบจากประกาศฯ เพียงว่า เหตุการณ์นี้เกิดใน พ.ศ. ๒๓๙๖ และ จำเลยในคดีนี้มีมากกว่า ๓ คน

แหะ แหะ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 13:34
ซายาเพ็ญอยากเจอยังงี้ใช่มั้ย


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 15:46
หม่อมหุ่นกับหม่อมนวมเป็นหม่อมของท่านผู้ใดหนอ

เรื่องนี้เกิดขึ้นในจ.ศ. 1214  บวก 1181 เข้าไป น่าจะเป็นพ.ศ. 2395    ในตอนนั้นพระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ คือพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ  พระชันษาได้ 14  (ประสูติพ.ศ. 2381)  ยังไม่น่าจะมีหม่อม    ส่วนพระราชโอรสองค์อื่นๆก็ยิ่งเด็กกว่านี้อีก เป็นอันตัดปัญหาไป

คนไทยสมัยก่อนชื่อซ้ำๆกันมาก    ชื่อหุ่นและนวมเป็นชื่อโหล   มีหม่อมของเจ้านายหลายองค์ที่ซ้ำๆกัน ยากที่จะเดาว่าเป็นหม่อมของใคร


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ก.พ. 13, 16:23
^


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 18:32
เรื่องนี้เกิดขึ้นในจ.ศ. 1214  บวก 1181 เข้าไป น่าจะเป็นพ.ศ. 2395  

จ.ศ. ๑๒๑๕ + ๑๑๘๑  =  พ.ศ. ๒๓๙๖

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 18:48
คนละเวอร์ชั่นกัน


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.พ. 13, 19:22
กลับมาที่เรื่องเดิม  ในช่วงนั้นมีงานพระเมรุพระศพสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี   พระองค์เจ้าหญิงสุดก็เสด็จออกจากวังหน้าไปพระบรมมหาราชวังเพื่อจะไปร่วมงาน  

ปีฉลู จุลศักราช ๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖

๑๘๕๓ มีนาคม ที่ ๑๙ พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางโสมนัศ

จาก จดหมายเหตุของหมอบรัดเล (http://www.reurnthai.com/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5#.E0.B8.9B.E0.B8.B5.E0.B8.89.E0.B8.A5.E0.B8.B9.E0.B8.88.E0.B8.B8.E0.B8.A5.E0.B8.A8.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A_.E0.B9.91.E0.B9.92.E0.B9.91.E0.B9.95_.E0.B8.9E..E0.B8.A8..E0.B9.92.E0.B9.93.E0.B9.99.E0.B9.96)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: ศานติ ที่ 15 ก.พ. 13, 11:15
สงสัยครับ ถ้าวันพระราชทานเพลิงพระศพของสมเด็จพระนางโสมนัศ ได้มาจากจดหมายเหตุของหมอบรัดเล ว่าเป็นวันที่ ๑๙ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๕๓ เมื่อเทียบเป็น พ.ศ.แล้วน่าจะเป็น พ.ศ. ๒๓๙๕ ไม่ใช่ ๒๓๗๖  เพราะสมัยนั้นวันปีใหม่ไม่ใช่วันที่ ๑ มกราคม เราเพิ่งเริ่มใช้ ๑ มกราคม เป็นวันปีใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ก่อนหน้านั้นปีใหม่เริ่ม ๑ เมษายน โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯสั่งให้เริ่มนับปีใหม่วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๒ บังเอิญตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ พ.ศ.๒๔๓๒ ซึ่งเป็นวันปีใหม่แบบเดิม ก่อนหน้านั้นวันปีใหม่ไม่ตรงกับวันทางสุริยคติเลย  ถ้ายึดจดหมายเหตุหมอบรัดเล 19 March 1853 ในปฏิทินไทยน่าจะเป็นวันที่ ๑๙ ของเดือนสุดท้าย(มีนาคม)ของปี พ.ศ. ๒๓๙๕ ไม่ใช่เป็นเดือนที่สามหรือต้นปีของ พ.ศ.๒๓๗๖


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 13:08
ก็จริงค่ะ  น่าจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะคะ   ขอบคุณค่ะ  อาจารย์หมอศานติ

ขอเดินเรื่องต่อนะคะ
ตุลาการยังชำระความได้ข้อเท็จจริงต่อไปว่า หลังจากฉกทองคำหนักถึง 18 ตำลึงจากเสด็จพระองค์หญิงสุดมาได้  หม่อมหุ่นและ
หม่อมนวมพาเอาทองรูปพรรณที่ว่ากลับไปที่เรือนหม่อมหุ่น     คราวนี้ ปรากฏตัวผู้สมรู้ร่วมคิดขึ้นมาอีกคน คือมารดาของหม่อมหุ่น
ชื่อดวงแก้ว  เข้าวังมาเยี่ยมลูกสาวพอดีในช่วงนั้น   พักอยู่ในเรือนเดียวกัน
พอรู้ว่าลูกสาวไปลักทรัพย์สินเจ้านายมา  แทนที่แม่ดวงแก้วจะตกใจ   ว่ากล่าวตักเตือนลูกสาวให้เอาของมีค่ากลับไปเก็บคืนไว้ที่เดิม  ก่อนเจ้านายท่านจะมาเห็นเข้า เพราะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ      แม่ดวงแก้วนี่ก็นิสัยพอกับลูกสาว คือกลับยินดีรับของโจรกรรม    ลูกสาวก็เลยแบ่งทองคำเป็น 4 ส่วน  ให้อีปริกต้นทางไป 1 ส่วนเป็นค่าปิดปาก    ให้แม่ดวงแก้วอีก 1 ส่วน อาจจะเป็นค่าปิดปากหรือค่ากตัญญูอะไรก็ตาม   เหลืออีก 2 ส่วน หม่อมหุ่นหม่อมนวมได้กันไปคนละส่วน  เฉลี่ยแล้วได้ทองคำรูปพรรณกันไปคนละ 18 บาท
 
กระหยิ่มยิ้มย่องกันอยู่ไม่กี่วัน  พอเรื่องอื้อฉาวขึ้น ตุลาการสอบสวนได้ความ รวบผู้ต้องหาได้หมด 4 คน  ก็เอาทองคำของกลางคืน
พระองค์เจ้าหญิงสุด   แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ 


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 13:53
สงสัยครับ ถ้าวันพระราชทานเพลิงพระศพของสมเด็จพระนางโสมนัศ ได้มาจากจดหมายเหตุของหมอบรัดเล ว่าเป็นวันที่ ๑๙ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๕๓ เมื่อเทียบเป็น พ.ศ.แล้วน่าจะเป็น พ.ศ. ๒๓๙๕ ไม่ใช่ ๒๓๗๖  เพราะสมัยนั้นวันปีใหม่ไม่ใช่วันที่ ๑ มกราคม เราเพิ่งเริ่มใช้ ๑ มกราคม เป็นวันปีใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ก่อนหน้านั้นปีใหม่เริ่ม ๑ เมษายน โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯสั่งให้เริ่มนับปีใหม่วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๒ บังเอิญตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ พ.ศ.๒๔๓๒ ซึ่งเป็นวันปีใหม่แบบเดิม ก่อนหน้านั้นวันปีใหม่ไม่ตรงกับวันทางสุริยคติเลย  ถ้ายึดจดหมายเหตุหมอบรัดเล 19 March 1853 ในปฏิทินไทยน่าจะเป็นวันที่ ๑๙ ของเดือนสุดท้าย(มีนาคม)ของปี พ.ศ. ๒๓๙๕ ไม่ใช่เป็นเดือนที่สามหรือต้นปีของ พ.ศ.๒๓๗๖

หมอบรัดเลน่าจะคำนวณการเปลี่ยนศักราชแบบฝรั่งซึ่งเราใช้อยู่ในปัจจุบัน

 ;D


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 15 ก.พ. 13, 16:08
ลำดับตามนี้ครับ

สมเด็จพระนางโสมนัศสิ้นพระชนม์ ปีชวด จ.ศ. ๑๒๑๔ = ค.ศ. 1852 = พ.ศ. ๒๓๙๕ สิ้นพระชนม์เดือนตุลาคม อายุ ๑๙ พรรษา

อีก ๕ เดือนเมรุแล้วเสร็จก็ไปตกเดือนมีนาคม (ไทยยังเป็นปีเดิม - ส่วนของหมอบรัดเลเปลี่ยนเป็นปีใหม่)


พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางโสมนัศงานพระเมรุ ๓ วัน (๑๘-๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ เหมือนเดิมเพราะเราเปลี่ยนศกในเมษายน) ส่วนหมอบรัดเลนั้นเปลี่ยนศกเป็น ค.ศ. 1853 (พ.ศ. ๒๓๙๖) เมื่อมกราคม

(๑๘-๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ จะตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๕ ตรงกับวันที่ ๑๘ มีนาคม - วันอาทิตย์ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๕)




กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 16:10
    พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ คงจะกริ้วเหตุร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย  เพราะพระบวรราชวังเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ   ไม่ควรจะเกิดเหตุโจรผู้ร้ายขึ้นมาได้   โดยเฉพาะถึงขั้นตัั้งบ่อนกันขึ้นมา เอาทรัพย์สินไปละลายกันในบ่อน   หมดทางเข้าก็เกิดเรื่องปล้นเรื่องขโมยกันขึ้นมา
    เมื่อก่อนครองราชย์   วังหน้าอยู่ในสภาพรกร้างไร้ระเบียบก็ยังพอเข้าใจได้ว่าไร้เจ้านายปกครอง    แต่บัดนี้ทรงวางระเบียบ โปรดเกล้าฯให้ตั้งท้าวสัตยานุรักษ์เป็นผู้ใหญ่ว่าราชการในวังหน้า  ยังมีจ่าศาลา จ่าด้าน ทนายเลือก โขลน จนครบพนักงานทุกตำแหน่ง  พวกนี้ก็ยังไม่สอดส่องดูแล  จนเกิดเรื่องขนาดนี้   ความผิดข้อนี้ ทรงโทษท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าศาลาจ่าด้านทนายเลือกโขลน ให้รับไปเต็มๆ
    อย่างไรก็ดี  เป็นความผิดครั้งแรกของคุณท้าว  ก็เลยไม่ทรงลงโทษานุโทษ    เป็นแค่ภาคทัณฑ์ไว้ครั้งหนึ่งก่อน  แต่หม่อมหุ่นหม่อมนวมดวงแก้วอีปริกซึ่งคบหากันเป็นผู้ร้ายนั้น  ทรงลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 16:10
สรุปว่าเหตุการณ์นี้เกิดในพ.ศ. 2395 ใช่ไหมคะ


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 16:58
เราเพิ่งเริ่มใช้ ๑ มกราคม เป็นวันปีใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ก่อนหน้านั้นปีใหม่เริ่ม ๑ เมษายน โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯสั่งให้เริ่มนับปีใหม่วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๒ บังเอิญตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ พ.ศ.๒๔๓๒ ซึ่งเป็นวันปีใหม่แบบเดิม

สรุปว่าก่อนหน้านับวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ เรานับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นวันขึ้นปีใหม่มาก่อน

พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางโสมนัศงานพระเมรุ ๓ วัน (๑๘-๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ เหมือนเดิมเพราะเราเปลี่ยนศกในเมษายน) ส่วนหมอบรัดเลนั้นเปลี่ยนศกเป็น ค.ศ. 1853 (พ.ศ. ๒๓๙๖) เมื่อมกราคม

(๑๘-๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๕ จะตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๕ ตรงกับวันที่ ๑๘ มีนาคม - วันอาทิตย์ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๕)

วันพระราชทานเพลิงพระศพฯ วันที่ ๑๘-๒๐ มีนาคม ตรงกับ ขึ้น ๙-๑๑ ค่ำ เดือน ๕ ถ้านับตามแบบเดิมก่อนเปลี่ยนวิธีนับเป็นแบบในรัชกาลที่ ๕ เหตุการณ์นี้อยู่ใน จ.ศ. ๑๒๑๕ หรือ พ.ศ. ๒๓๙๖ แล้ว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 18:34
(ต่อ)

   จึงมีพระบวรราชโอการดำรัสเหนือกล่าวฯสั่งว่า  ตั้งแต่ ณ วันอังคาร  เดือน ๘ อุตราสาฒ ขึ้น ๒ ค่ำ  ปีฉลูเบญจศกสืบไป  ห้ามมิให้พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า เจ้าจอม หม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลน  ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  แลข้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโป บ่อนถั่ว บ่อนกำตัด บ่อนเล่นแปดเก้า แทงหวยแลเล่นการพนันต่างๆ  ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน  นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน  ตรุษจีน ๓ วัน  เป็นอันขาดทีเดียว  ให้ท้าวนางจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนซึ่งเป็นพนักงานรักษาพระบวรราชวัง  หมั่นตรวจตราดูแลให้รอบคอบจงเป็นนิจ  อย่าได้มีความประมาท  ถ้าผู้ใดมิฟังตามพระราชบัญญัติห้ามปราม  ขืนคบหาชักชวนกันลักลอบตั้งบ่อนโป เล่นถั่ว เล่นกำตัด เล่นแปดเก้า แทงหวยแลการพนันต่างๆ ได้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กันต่อไป  เจ้าพนักงานจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลน  จับได้ด้านผู้ใดก็ดี  แลผู้อื่นจับได้ก็ดี  มีผู้มาฟ้องร้องชำระเป็นสัจ  ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เป็นนายบ่อนแลเจ้าของที่คนละ ๑๐ ตำลึง  ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคนละ ๕ ตำลึง  และทนายเรือนคนละ ๓ ตำลึง  ให้แก่ผู้จับได้แลผู้มาร้องฟ้อง 
แล้วให้นำเอาข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  จะได้โปรดเกล้าฯให้ลงพระราชอาญาแก่ผู้ทำผิดให้สาหัส  ผู้ที่หาความผิดมิได้จะไม่ได้ดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป  ถ้าแลมีผู้มาร้องฟ้องกล่าวว่าผู้ใดคบคิดกันตั้งบ่อนขึ้น เล่นการพนันต่างๆ ท้าวสัตยานุรักษ์จ่าทนายเรือนโขลนซึ่งเป็นพนักงานได้ว่ากล่าวเห็นกับหน้าบุคคลนั้น  ปิดบังอำพรางความเสีย  มิได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ภายหลังมีผู้มากล่าวชำระเป็นสัจ  จะลงโทษเจ้าพนักงานซึ่งปิดบังความเสียเสมอกับผู้ที่กระทำผิด


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 18:42
ดูจากรายชื่อการพนันชนิดต่างๆที่บรรยายไว้ในประกาศ    เห็นทีคาสิโนวังหน้าจะครึกครื้นกันมิใช่เล่น    มีให้เลือกได้หลากหลายอย่าง   
เท่าที่ยกตัวอย่างมาคือ บ่อนโป บ่อนถั่ว บ่อนกำตัด บ่อนเล่นแปดเก้า  ก็เข้าไป 4 ชนิดแล้ว   นอกจากนี้ยังมีแทงหวยและเล่นการพนันต่างๆ ซึ่งไม่ได้จำแนกแยกแยะลงไปว่าอะไรบ้าง     แสดงว่าเป็นบ่อนใหญ่ อาจจะกระจายกันอยู่ตามที่อยู่ของเจ้าจอมหม่อมห้ามและข้าราชบริพารฝ่ายใน   

ดิฉันไม่เคยเห็นว่าการพนันพวกนี้เป็นยังไง   เกิดไม่ทัน  หรือต่อให้เกิดทันก็คงไม่มีโอกาสไปดูอยู่ดี      หันไปพึ่งคุณกู๊กก็ได้คำอธิบายมาว่า

โป   เครื่องเล่นการพนันของจีน กลักทําด้วยทองเหลืองสี่เหลี่ยม มีลูกแดงขาวข้างในใช้ปั่น, ชื่อการพนันอย่างหนึ่ง เล่นโดยเจ้ามือ เอาลิ้นโปใส่ลงในฝาครอบโป ไม่ให้คนแทงเห็น ปิดฝาครอบโป แล้วตั้งให้แทง โดยยอมให้คนแทงปั่นโปได้ตามใจชอบ เมื่อเปิด ถ้าลิ้นชักโปซีกขาวตรงกับช่องแต้มไหน ก็นับว่าโปออกแต้มนั้น โปมีประตูสำหรับแทงเพียง ๔ ประตูคือ หน่วย สอง สาม และครบ มีวิธีแทง ๗ วิธี คือ เหม็ง กั๊ก เลี่ยม อ๋อ ชั้ว ถ่อ และอา, โปปั่น ก็เรียก.


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 18:44
นี่คือโปค่ะ


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 20:03
ถั่ว หรือกำถั่ว ( Fantan ) เล่นโดยเอาเบี้ยหรือเม็ดอื่นๆ มากำ  แล้วแจงออกทีละ 4 ถ้าแจงครั้งสุดท้ายเหลือ 4 เรียกว่า ออกครบ เหลือ 3 เหลือ 2 เรียก ออก 3 ออก 2 ถ้าเหลือ 1 เรียก ออก 1 หรือ ออกหน่วย จนเหลือกองสุดท้ายว่าเหลือกี่เม็ด ตั้งแต่ 1 จนถึง 4 เม็ด   ตามแต่ใครจะทาย


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 20:54
นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน  ตรุษจีน ๓ วัน

อนุญาตให้เล่นการพนันใน ๒ เทศกาลนี้ได้

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley19.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 20:58
^
สงสัยอะไรหรือคะ?


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 21:00
สงสัยอะไรหรือคะ?

สงสัยว่าทำไมท่านยกเว้นให้เล่นได้ใน ๒ เทศกาลนี้ ห้ามทั้งทีน่าจะห้ามเด็ดขาด

 ::)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 21:04
เคยได้ยินสำนวนโบราณว่า "ปล่อยผี" บ้างไหม?
ท่านก็ปล่อยให้หายใจมั่งน่ะซีคะ      ก็รู้ๆกันว่าคนไทยกับการพนันแยกกันยาก  เข้มงวดมากไปก็คงลักลอบกันอีกจนได้


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 21:13
กำตัด  มีคำอธิบายที่อินทรเนตรบอกไว้สั้นๆ ว่า เล่นเหมือนกับถั่วผิดกันแต่วิธีแทง,  การพนันชนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกำถั่ว ใช้กำเบี้ย ต่างคนต่างถือแต้ม ไม่มีเจ้ามือ กำแล้วจะเติมหรือชักออกก็ได้

ส่วนการเล่นแปดเก้า  มีวิกิอธิบายไว้ยาวมาก  ขอตัดมาเพียงสั้นๆ  ไม่งั้นเรือนไทยจะกลายเป็นคู่มืออธิบายวิธีเล่นการพนันต้องห้ามไป

แปดเก้า เป็นชื่อการพนันประเภทหนึ่งในประเทศไทย จัดเป็นการพนันลำดับที่ 5 ในบัญชี ก (ห้ามเด็ดขาด) ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 บางทีเรียก "หมูต้ม" โดยถ้าเล่นด้วยไพ่จะเรียก "ไพ่แปดเก้า"หรือ "ไพ่ป๊อกแปดเก้า" หรือ "ป๊อกแปดป๊อกเก้า"

อุปกรณ์การเล่น ประกอบด้วย ไพ่สามสิบสองใบ ทำจากไม้งาหรือกระดูกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบน ๆ แต่ละใบกว้างประมาณหนึ่งนิ้ว และยาวประมาณสามนิ้ว อย่างไรก็ดี ไพ่ทีทำจากไม้หรือกระดูกนี้มักเล่นกันแต่ในหมู่คนจีนเพราะหายาก ส่วนคนไทยมักใช้ไพ่ป๊อกแทน อนึ่ง ในการเล่นบางทีก็ใช้ลูกเต๋าด้วย

ผู้เล่นแต่ละครา มักมีสี่คน ประกอบด้วย เจ้ามือหนึ่งคน และผู้เล่นอื่นอีกสามคน แต่บางทีอาจเล่นกันด้วยจำนวนผู้เล่นอื่นและไม่มีเจ้ามือก็ได้


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 13, 21:26
  เรื่องการพนันทรงผ่อนผันให้บ้างอย่างที่บรรยายไว้ข้างบนนี้  แต่เรื่องที่ทรงเข้มงวดกวดขัน คือคนนอกที่เข้ามาเป็นสายใยชักจูงให้คนในพลอยเสียคนไปด้วย    เรื่องนี้แม้ว่าหม่อมหุ่นหม่อมนวมเป็นคนใน  แต่ก็มีคอนเนคชั่นกับคนนอกคือแม่ดวงแก้ว   แล้วยังโยงถึงสาเหตุคือบ่อนการพนัน    ความเสียหายก็ไปตกกับชาววังอื่นๆ   
  เรื่องนี้ไม่ทรงผ่อนผันให้  ถึงกับออกมาเป็นคำห้ามเด็ดขาดอย่างข้อความในประกาศนี้

   อนึ่ง มีพระราชบัญญัติห้ามมิให้คนนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวัง  ห้ามมิให้เจ้าจอมหม่อมพนักงาน ท้าวนางจ่าโขลนผู้ใหญ่ผู้น้อย  แลข้าหลวงพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าข้าทาสทั้งปวงทั้งปวงซึ่งอยู่ในพระบวรราชวังคบหาคนนอกพระบวรราชวังแลบุตรภรรยา    ข้าทาสลูกหนี้หลบหนีเจ้าหนี้สามีนายเงินเข้ามาไว้หลับนอนค้างวันค้างคืน  แอบแฝงคิดการประทุษร้ายต่างๆให้เคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ถ้าผู้ใดมิกระทำตามพระราชบัญญัติห้าปรามทั้งนี้  ยังคบหาคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาไว้นอนค้างวันค้างคืน  จะเอาตัวเจ้าของเรือนผู้คบหาไว้ลงโทษโดยพระราชบัญญัติจงหนัก


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 13, 21:35
  พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯคงจะเล็งเห็นว่า เรื่องนี้เกิดจากความไร้ระเบียบในพระบวรราชวังที่เพิ่งจะฟื้นฟูเป็นสถานที่สำคัญได้ไม่นานนัก    จึงต้องทรงจัดระเบียบเสียใหม่   ให้ทำบัญชีรายชื่อผู้อยู่อาศัยตามตำหนักต่างๆให้รัดกุม  ว่ามีใครบ้าง   พูดอีกทีคือทำสำมะโนครัวชาววังหน้าให้เรียบร้อย  จะได้รู้ว่าแต่ละตำหนักแต่ละเรือน มีญาติพี่น้องเจ้าของตำหนักหรือเรือนอยู่กันกี่คน  ข้าทาสบริวารกี่คน    แล้วไปยื่นบัญชีรายชื่อให้ท้าวสัตยานุรักษ์
  พอได้รับบัญชี คุณท้าวก็ไม่ได้เอาบัญชีเก็บไว้เฉยๆ  แต่ต้องไปตรวจสอบตามตำหนักและเรือนต่างๆว่าตรงกับที่แจ้งมาหรือไม่   และยังต้องสอดส่องดูแลด้วยว่า  มีคนภายนอกแอบแฝงปะปนอยู่บ้างหรือไม่      เพราะการทำบัญชีแบบนี้จะทำให้เกิดความรัดกุมว่าในแต่ละหลังคาเรือนมีใครอาศัยอยู่  มีหน้าที่อะไรในนั้น     ถ้าไปเจอแม่คนนี้อาศัยอยู่เรือนนั้นโดยไม่ได้เป็นพี่น้อง ไม่มีหน้าที่การงาน  ก็จะได้รู้ว่าเจ้าของตำหนักหรือเรือนนั้นทำผิดระเบียบวังหน้า  ต้องโทษหนักตามที่ทรงประกาศไว้

 อนึ่งคนซึ่งอยู่ในบวรราชวังทุกวันนี้  คนเก่าคนใหม่ระคนกันอยู่โดยมาก  หาทรงทราบว่าจะเป็นคนดีคนชั่วประการใดไม่  ให้ท้าวสัตยานุรักษ์เรียกเอาบาญชีจำนวนคนซึ่งอยู่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเรือนเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจงทุกเรือน  แล้วให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ผู้น้อยในพระตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  เจ้าของตำหนักเจ้าของเรือน  ทำบาญชีญาติพี่น้องผู้คนข้าทาสเข้ามาอยู่ด้วย  ผู้ซึ่งทำราชการในพระบวรราชวังจะเป็นตำหนักกี่คน  เรือนหนึ่งกี่คน  มายื่นกับท้าวสัตยานุรักษ์ให้สิ้นเชิง 
ท้าวสัตยานุรักษ์ได้บาญชีเสร็จแล้วท้าวสัตยานุรักษ์ได้ตรวจดูผู้คน  ว่าผู้ใดที่นอกจากเจ้านายที่ยื่นบาญชีจะมาแอบแฝงอยู่สักกี่คนจะได้รู้  ถ้าเจ้านายได้ยื่นบาญชีแล้ว แลข้าทาสได้ใช้สอยในพระบวรราชวังนั้น  เจ้านายให้ไปทำการนอกพระบวรราชวังก็ดี  แลทาสจะส่งเงินไปก็ดี  ให้เจ้านายหักบาญชีซึ่งยื่นไว้ตามเดิมนั้นลง  ถ้าเจ้านายจะเอาข้าคนซึ่งอยู่นอกพระบวรราชวัง  แลช่วยทาสขึ้นใหม่จะเอาเข้ามาไว้ใช้สอยในพระบวรราชวังให้มากขึ้นไปกว่าแต่ก่อน  ก็ให้ไปบอกศาลาบอกบาญชีเดิมยื่นนั้นตามจำนวนคน  ซึ่งได้ใช้สอยประจำอยู่ในพระบวรราชวัง


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 13, 21:00
    แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายของชาววังหน้าจะเข้าไปเยี่ยมคนข้างในวัง    ถ้าไปกลับในวันเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร   แต่ถ้าต้องค้างคืน  ทางวังก็เข้มงวดกวดขันถึงขั้นเจ้าของเรือนต้องแจ้งท้าวสัตยานุรักษ์และจ่าศาลาให้รู้ว่ามีใครมาค้างด้วยบ้าง     เมื่อลากลับไป ก็ต้องไปแจ้งอีกครั้งหนึ่งว่าออกไปแล้ว

   อนึ่ง ผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งทำราชการอยู่ในพระบวรราชวังจะมีญาติพี่น้อง  แลสมัครพรรคพวกอุปการะกันมาแต่ก่อน แต่อยู่นอกพระบวรราชวัง  จะเข้าไปเยี่ยมเยียนสู่หาพยาบาลไข้เจ็บแก่กัน  ควรจะค้างวันค้างคืนอยู่ตำหนักอยู่เรือนใดในพระบวรราชวัง  ก็ให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเจ้าของเรือนไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์แลจ่าศาลาให้รู้ก่อน  จึงให้อยู่แรมวันแรมคืน  เมื่อจะกลับไปจากพระบวรราชวัง  ก็ให้ไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรกษ์จ่าศาลาให้รู้ด้วย


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 13, 21:03
   ให้กรมวังเขียนพระราชบัญญัติ ส่งให้ท้าวสัตยานุรักษ์ประกาศข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในให้รู้จงทั่วกัน  อย่าให้ผู้ใดกระทำความผิดจากพระราชบัญญัติห้ามปรามนี้เป็นอันขาด  ถ้ามิฟัง  จับได้ รับเป็นสัจ ให้ลงโทษเป็นตะพุ่นหญ้าม้าตามพระราชบัญญัติ ๆ ให้ไว้ ณ วันอังคารขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๘ อุตราสารท ปีฉลูเบญจศก

   ตอนท้ายประกาศนี้คือบทลงโทษ    คือถ้าใครไม่ฟัง ยังทำผิดตามนี้อยู่อีก  ก็มิได้ทรงเฆี่ยนตีหรือจำขัง   แต่ส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าม้า คือทำหน้าที่เกี่ยวหญ้ามาให้ม้ากิน   
   พวกตะพุ่นหญ้ามีทั้งตะพุ่นหญ้าช้างและตะพุ่นหญ้าม้า   เป็นหน้าที่ที่ถือกันว่าต่ำสุดของราชการ   

    ในกฎหมายโบราณมีบทลงโทษผู้ทำผิดอาญาหลวงให้ไปเป็นตะพุ่นหญ้า    มักจะเป็นขุนนางข้าราชการที่ทำผิดหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่ไม่หนักถึงประหาร   การไปทำหน้าที่นี้สำหรับคนทำผิด ถือเป็นความอัปยศเสียมากกว่าจะถือว่าเป็นเรื่องทารุณกรรม

   หลังจากมีประกาศนี้แล้วก็ไม่ทราบว่า คาสิโนวังหน้าเป็นอย่างไรต่อไป     เพราะยังหาหลักฐานแสดงผลของประกาศไม่ได้   แต่ก็รู้อย่างหนึ่งว่ามีข้อห้ามเปิดบ่อนเล่นการพนันในวังหน้า  เว้นให้ปีละ 7 วันคือสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย 4 วันและตรุษจีนหรือปีใหม่จีน 3 วัน     นึกภาพว่าในช่วงเทศกาลดังกล่าว   ตำหนักและเรือนต่างๆคงจะคึกคักครึกครื้นกันทีเดียว
 
       


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: bunnaroth ที่ 22 ก.พ. 13, 11:47
ผมค้นเรื่องคุกเชียงใหม่จับพลัดจับผลูเจอเรื่องนี้ได้นำมาเสริมความต่อ

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศต่างๆสำหรับนครเชียงใหม่ จ.ศ.1246 ในครั้งนั้นเริ่มมีข้าหลวงต่างพระกรรณไปที่โน่นแล้ว กรมหมื่นพิชิตปรีชากรก็ขึ้นไปจัดราชการก็เลยมีประกาศลงราชกิจจาฯ เรื่องห้ามเล่นพนัน

เขาไม่ห้ามเล่นงานศพ งานฉลอง งานบุญใหญ่ต่างๆ แต่ให้ไปขออนุญาต (จ่ายเงินค่าขอ) แต่ก็ยกเว้นวันตรุศ(สะกดตามต้นฉบับ) 3 วัน/ วันสงกรานต์ 3 วันและวันเฉลิมพระชนมพรรษาครับ

ในรายละเอียดนอกจากมีไพ่แปดเก้าเหมือนกับทางภาคกลางยังมี หมากหัวแดง หมากแกว (ไม่รู้จักสักหมาก)รวมเข้าไปด้วย



กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.พ. 13, 12:58
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศต่างๆสำหรับนครเชียงใหม่ จ.ศ.1246

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2427/007/58.PDF

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: คาสิโนวังหน้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.พ. 13, 21:21
ในรายละเอียดนอกจากมีไพ่แปดเก้าเหมือนกับทางภาคกลางยังมี หมากหัวแดง หมากแกว (ไม่รู้จักสักหมาก)รวมเข้าไปด้วย

การเล่นหมากแกว, หมากหัวแดง ก็คือการแทงลูกเต๋า ๒-๓ ลูก ว่าออกคู่หรือคี่ โดยการคำนวณผลรวมของแต้มของลูกเต๋าทั้งหมดหรือที่กำหนด ได้เท่าไรหารสอง ถ้าเหลือเศษเป็น "คี่" ถ้าลงตัวเป็น "คู่"

รายละเอียดอ่านได้จาก ฐานข้อมูลราชกิจจานุเบกษา (http://61.19.241.70/rkj/frmlawpreview4.aspx?lawgroupId=201181) หน้า ๘๗-๘๘

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)